ครึ่งชั่วยามให้หลัง หลิ่วไห่ผู้เป็นายท่านรอง หลิ่วซือคุณหนูสี่ หลิ่วอู่คุณหนูห้า หลิ่วเทียนลู่นายน้อยหกและนางเอกหลิ่วซานล้วนมารวมตัวกันในโถงรับแขกของหลิ่วเจียง
“พี่ใหญ่ ไม่ทราบว่าท่านเรียกหาข้าด้วยเื่อันใดหรือ?” หลิ่วไห่ซึ่งนั่งอยู่ข้างกายหลิ่วเจียงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“น้องรอง เทียนฉีบอกว่าเทียนลู่เอาเบี้ยหวัดของเขาไป ข้าเรียกพวกเ้ามาเพราะอยากถามให้แน่ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น?” หลิ่วเจียงที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งเ้าบ้านเอ่ย เขามองน้องรองของตนแล้วเหลือบมองหลิ่วเทียนลู่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง
ได้ยินเช่นนั้น หลิ่วเทียนลู่ก็ใจเสียไปวูบหนึ่ง หันมาถลึงตามองหลิ่วเทียนฉีที่ยืนอยู่หลังร่างหลิ่วเจียงด้วยสายตาดุร้าย
“ฮือ!” หลิ่วเทียนฉีหดคอ แสร้งทำท่าขลาดกลัวแล้วก้มศีรษะ ดึงเสื้อของหลิ่วเจียงโดยไม่รู้ตัว
“น้องเจ็ด!” นางเอกอย่างหลิ่วซานเห็นหลิ่วเทียนฉีข้างๆ กลัวจนขวัญไม่อยู่กับตัว คว้าเสื้อบิดาตนแน่นก็เป็ห่วงจึงเอ่ยเรียกเบาๆ
“เทียนฉีไม่ต้องกลัว ลุงใหญ่จะทวงความยุติธรรมให้เ้าเอง” หลิ่วเจียงหันหน้าไปมองหลิ่วเทียนฉีที่กลัวเสียขวัญแล้วเอ่ยปลอบประโลมเสียงเบา
“ขอบคุณลุงใหญ่!” หลิ่วเทียนฉีพยักหน้า หดคอลงก่อนรีบร้อนเอ่ยขอบคุณ
“เทียนลู่ เกิดเื่อะไรขึ้น?” นายท่านรองหันหน้าไปถามบุตรชายตนเอง
“ท่านพ่อ เขาโกหก ข้าไม่ได้เอาเบี้ยหวัดของเขาไปสักหน่อย!” หลิ่วเทียนลู่เอ่ยปฏิเสธเสียงดัง ให้ตายก็ไม่ยอมรับ
“ใช่แล้ว เ้าขยะน้อยคนนี้ใส่ร้ายน้องหกชัดๆ น้องหกจะหมายตาเบี้ยหวัดอันน้อยนิดนั่นได้อย่างไร?” หลิ่วอู่รีบร้อนเอ่ยแก้ตัวให้น้องชายตน
“บังอาจนัก? ใครเป็เ้าขยะน้อย? อะไรคือเ้าขยะน้อยงั้นหรือ?” หลิ่วเจียงได้ยินคำพูดนั้นก็พลันตวาดกลับ
“อ๊ะ...” หลิ่วอู่เห็นท่าทางโกรธจัดของลุงใหญ่ก็รีบปิดปาก ไม่กล้าพูดต่อ
เฮอะ หลิ่วเทียนลู่บุ่มบ่ามขี้โมโห หลิ่วอู่โอหังเหิมเกริม จอมโง่ทั้งสอง! หลิ่วเทียนฉีลอบด่าทั้งสองคนในใจ
“ลุงใหญ่โปรดระงับโทสะ ข้าคิดว่าเื่นี้อาจเกิดจากความเข้าใจผิดบางอย่างกระมัง? สู้ให้น้องหกกับน้องเจ็ดแก้ความเข้าใจผิดต่อหน้าทุกคน พูดจาให้เข้าใจกันตรงนี้เสีย อย่างไรทุกคนก็เป็ครอบครัวเดียวกันนะเ้าคะ!” หลิ่วซือรีบร้อนออกความเห็น
ได้ยินคำพูดของหลิ่วซือ หลิ่วเทียนฉีอดไม่ได้ที่จะกดถูกใจให้อีกฝ่ายสิบครั้ง อาจบอกได้ว่าในบรรดาพี่น้องสามคนหลิ่วซือมีหัวคิดที่สุด แต่ก็เป็เพียงสาวน้อยที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะสู้กับข้า!
“ใช่เ้าค่ะท่านพ่อ ให้พวกเขาทำความเข้าใจกันก่อนไม่ดีกว่าหรือ? เื่นี้อาจมีการเข้าใจผิดก็เป็ได้?” นางเอกเอ่ยต่อ
นางเอกที่น่าชัง เป็พวกเดียวกับหลิ่วซือชัดๆ!
“ได้ เทียนลู่ บอกมาว่าแท้จริงแล้วเกิดเื่อะไรขึ้น?” หลิ่วเจียงมองหลิ่วเทียนลู่แล้วส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายอธิบาย
“เป็เช่นนี้ขอรับลุงใหญ่ ก่อนหน้านี้พวกเรามาที่นี่เพื่อรับเบี้ยหวัด ระหว่างทางกลับข้าก็เห็นเ้า...” ขยะน้อยสองคำไม่ทันออกจากปาก หลิ่วเทียนลู่ก็รีบร้อนเปลี่ยนคำเรียกเป็น้องเจ็ด “น้องเจ็ดเขาเอาเบี้ยหวัดของเขาให้กับพ่อบ้านในเรือน บอกว่าจะซื้อใบชาให้ท่านอาสาม ข้าเห็นน้องเจ็ดมีความกตัญญูปานนี้จึงเดินเข้าไปเอ่ยชมเขาสองประโยค คิดไม่ถึงว่าน้องเจ็ดจะหมอบลงกับพื้นเอง แล้วยังใส่ร้ายข้าว่าแย่งเบี้ยหวัดของเขาไป เกินไปแล้วจริงๆ!” พูดถึงตรงนี้ หลิ่วเทียนลู่ก็ถลึงตามองหลิ่วเทียนฉีที่น่าชังอย่างแค้นเคือง
เ้าขยะน้อย เ้ากล้ามาฟ้องลุงใหญ่ถึงที่นี่ รนหาที่ตายชัดๆ
ฟังที่หลิ่วเทียนลู่พูด หลิ่วเจียงก็พยักหน้าน้อยๆ หันมองหลิ่วเทียนฉีทางด้านหลัง “เทียนฉี เ้าก็เล่าซิว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“ข้า ข้า...” หลิ่วเทียนฉีเงยหน้า ชำเลืองมองไปทางลุงใหญ่ของตนอย่างขลาดกลัว
“ฮ่าๆๆ น้องเจ็ด เ้ากลัวแล้วล่ะสิ? ตัวเองใช้เบี้ยหวัดไปแล้วแท้ๆ ยังกล้าพูดมาว่าน้องหกแย่งเบี้ยหวัดของเ้าไป เหลวไหลจริงๆ!” หลิ่วอู่มองหลิ่วเทียนฉีผู้หัวอ่อนว่าง่ายคนนั้นอย่างดูแคลน หัวเราะพลางเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินเข้า ในใจหลิ่วเทียนฉีก็หมดคำพูดไปพักหนึ่ง นี่พวกเขาคิดมาดีแล้วสินะว่าเ้าของร่างเดิมพูดไม่เก่ง ถึงได้จงใจออกมาเล่าต่อหน้าเช่นนี้?
“เทียนฉีไม่ต้องกลัว เล่าเื่ออกมา หากเป็ความผิดของพี่หกเ้า ลุงใหญ่ต้องให้ความเป็ธรรมกับเ้าแน่นอน แต่หากเป็ความผิดเ้าเอง ลุงใหญ่จะไม่มีทางปล่อยให้เ้าใส่ร้ายพี่หกของเ้าเช่นกัน!” หลิ่วเจียงมองหลิ่วเทียนฉีแล้วเอ่ยอย่างเข้มงวด
“ลุงใหญ่ เชิญ เชิญดูขอรับ!” หลิ่วเทียนฉีพูดพลางส่งศิลาบันทึกภาพชิ้นหนึ่งไป
ก่อนหน้านี้เขาเตรียมพร้อมไว้แล้ว ใช้ศิลาบันทึกภาพสองก้อน บันทึกความเป็ไประหว่างที่หลิ่วเทียนลู่แย่งเบี้ยหวัดเขา ชิ้นหนึ่งเตรียมไว้ให้ลุงใหญ่ ส่วนที่เหลืออีกชิ้นย่อมต้องเก็บไว้ให้บิดาของเ้าของร่างเดิม
หลิ่วเทียนลู่เห็นหลิ่วเทียนฉีนำศิลาบันทึกภาพออกมาก็พลันหน้าถอดสี หลิ่วอู่ก็ใจเสียเช่นกัน กระทั่งหลิ่วซือที่มากสติปัญญาเ้าแผนการก็ยังรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง