ท้ายที่สุดคดีสังหารเ้าสาวก็ถูกปิดลง เ้าเมืองถงหวางถูกซูอวี้เฉิงสังหาร ส่วนอาหลินก็ถูกตัดสินปะาชีวิต เหล่าข้ารับใช้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารคนของสองพ่อลูกก็ถูกปะาตามเ้านายของตนไปอย่างไม่มีข้อยกเว้น เหล่าชาวบ้านต่างก่นด่าสาปแช่งที่สองพ่อลูกทำให้บุตรสาวของพวกเขาต้องมาด่วนจากโลกใบนี้ไป อีกทั้งยังลงมืออำมหิตโเี้อย่างไม่อาจให้อภัยอีกด้วย
เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง เซวียนซานหลางได้ส่งคนนำรายงานเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นไปถวายให้กับฮ่องเต้เซวียนจง อีกทั้งยังฝากความไปบอกด้วยว่าอีกไม่นานพวกเขาจะเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงไปกราบทูลรายงานความเป็ไปทั้งหมดด้วยตนเอง
ฮ่องเต้เซวียนจงทรงพอพระทัยเป็อย่างมาก คนหนุ่มมากความสามารถเหล่านี้ล้วนเป็กำลังสำคัญที่ช่วยทำงานให้เขาได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะหลานชายของเขาคนนี้
เซวียนซานหลางเป็คนสุขุมรอบคอบ ที่ผ่านมาไม่เคยสร้างความลำบากใจอะไรให้กับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังเป็คนซื่อสัตย์ ไม่โลภมาก เขาเองไม่เคยหวาดระแวงในตัวหลานชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อปิดคดีได้สำเร็จ ฮ่องเต้เซวียนจงจึงออกราชโองการ ส่งท่านเ้าเมืองคนใหม่ไปที่เมืองถงหวาง เ้าเมืองคนนี้อายุยังไม่มาก แต่กลับมีความซื่อสัตย์ สองปีก่อนเขาสอบได้ตำแหน่งจอหงวนเป็คนมากฝีมือ ได้เข้ามาทำงานในราชสำนักถึงสองปีเรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้เซวียนจงจึงมอบหมายภาระหน้าที่นี้ให้แก่เขา
เมื่อท่านเ้าเมืองคนใหม่มาถึง ก็กวาดล้างขั้วอำนาจเดิมของท่านเ้าเมืองคนก่อนไปจนหมด ปฏิรูปการปกครองใหม่ ไม่นานเมืองถงหวางก็กลับมาคึกคักและสงบสุขอีกครั้ง ที่สำคัญท่านเ้าเมืองคนใหม่ยังช่วยปลอบขวัญเหล่าชาวบ้านที่สูญเสียบุตรสาวไปอย่างใส่ใจอีกด้วย
เช้าวันนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบายเป็อย่างมาก เมื่อเื่ราวเลวร้ายจบสิ้นลง พวกเขาก็ไม่จำเป็ต้องปิดบังสถานะอีกต่อไป เหล่าชาวบ้านต่างรู้ว่าเซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันเป็ใคร อีกทั้งยังรู้ด้วยว่ามู่หลานเฟินก็ไม่ใช่แม่ค้าทั่วไป เหล่าชาวบ้านต่างแสดงท่าทีเคารพต่อพวกเขาอย่างนอบน้อม อีกทั้งยังนำของมาฝากมากมายจนมู่หลานเฟินรับเอาไว้ไม่ไหว
"คุณหนูมู่ ท่านน่ะเป็คนจิตใจดี ทำอาหารก็อร่อย ไว้มีโอกาสก็มาเปิดร้านที่นี่เสียเลยสิ พวกข้าจะได้มีของอร่อยกินกัน อีกอย่างหนึ่ง ท่านกับซื่อจื่อผู้นั้นก็เหมาะสมกันมาก น่าเสียดายนัก แต่งงานกันจริง ๆ เสียเลยสิ"
มู่หลานเฟินแทบสำลักน้ำลายตัวเอง นางหันไปมองเซวียนซานหลางที่นั่งอ่านตำราอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดทั้งสิ้น ราวกับไม่สนใจต่อคำพูดไร้สาระเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันมาเอ่ยกับชาวบ้าน
"พวกท่านล้อข้าเล่นแล้ว ข้ากับซื่อจื่อเป็เพียงคนอาศัยอยู่ในจวนของเขาเท่านั้น"
"น่าเสียดายนัก"
"เสียดายอันใดกัน"
มู่หลานเฟินรับของมาจากชาวบ้าน ก่อนจะส่งให้ลั่วเหมยนำไปเก็บ ชาวบ้านอยู่สนทนากับนางต่ออีกไม่นานก็ขอตัวจากไป ยามนี้ภายในบ้านจึงเงียบสงบยิ่งนัก
เซวียนเจ๋อออกไปเดินเล่นั้แ่เช้าแล้ว ส่วนเสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงก็ไปจัดการเื่ต่าง ๆ ที่ต้องจัดการ ตอนนี้ในบ้านเหลือเพียงนางและเซวียนซานหลางสองคน บรรยากาศช่างดูอึดอัดยิ่งนัก ที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่ค่อยจะอยากเจรจาหรือสนทนาสิ่งใดกับนางอยู่แล้ว มู่หลานเฟินเองก็ไม่มีสิ่งใดอยากจะพูดคุยกับเขาเช่นเดียวกัน
"ซื่อจื่อ ข้าจะออกไปซื้อของสักหน่อย"
"อืม"
เขาเอ่ยรีบคำเพียงเบา ๆ มู่หลานเฟินจึงเดินออกมาจากบ้านเพียงลำพัง ก่อนหน้านี้ลั่วเหมยบอกนางว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายนางจึงให้สาวใช้น้อยไปพักไม่ต้องมาคอยรับใช้นาง
ที่เมืองถงหวางนั้นมีของที่ชาวบ้านทำด้วยมือมาขายหลายอย่าง ทุกอย่างล้วนประณีตงดงาม ผ้าไหมแพรพรรณของที่นี่ก็มีสีสันงดงามไม่ต่างจากเมืองหลวงเลย บรรยากาศก็ดีมาก ตอนนี้เมืองถงหวางเหมือนกับฟ้าหลังฝน หลังจากคดีคลี่คลาย นางก็ไม่ได้ยินเสียงแปลกประหลาดยามค่ำคืนอีกเลย
เมื่อคิดถึงเื่ของอาหลินแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์เราจะทำเื่ที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ได้อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและกฎแห่งกรรมเลยแม้แต่น้อย
มู่หลานเฟินเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะได้ยินเสียงใครบางคนกำลังเรียกชื่อของตน
"หรานหร่าน"
เมื่อนางหันไปมองก็พบกับเซวียนเจ๋อที่กำลังวิ่งเข้ามาหานางด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนกลนลาน หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถามเขา
"ญาติผู้พี่ ท่านเป็อันใดไป ไหนว่าไปเดินเล่นแล้วเหตุใดจึงมีสภาพเช่นนี้เล่า"
เซวียนเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความเหนื่อยหอบ ชายหนุ่มพยายามระงับสติตนเองก่อนจะเอ่ย
“ลั่วเหมยแย่แล้ว"
"ฮะ แย่อันใดกัน หรือว่าอาการป่วยของนางจะทรุดหนักลง"
"ไม่ใช่!"
"เช่นนั้นนางเป็อันใดเล่า"
"นางกำลังจะถูกพี่ใหญ่สังหาร เพราะลอบวางยาพี่ใหญ่"
"หา?"
มู่หลานเฟินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งกลับไปที่บ้านทันที เมื่อเข้ามาถึงก็พบว่าตอนนี้ลั่วเหมยกำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยร่างที่สั่นเทิ้ม เบื้องหน้านางคือเซวียนซานหลางที่กำลังจ้องมองลั่วเหมยด้วยแววตาที่เ็า เมื่อเห็นว่ามู่หลานเฟินกลับมาแล้ว ลั่วเหมยก็ลนลานรีบคลานเข้ามาหาเ้านายของตนทันที
“ฮือ คุณหนู ช่วยบ่าวด้วยเ้าค่ะ ฮือ"
มู่หลานเฟินไม่ตอบแต่กลับหันไปเอ่ยกับเซวียนซานหลาง
“ซื่อจื่อ ลั่วเหมยนางวางยาท่านหรือ ยาอันใดกัน?"
เซวียนซานหลางที่ได้ยินอย่างนั้นก็ปรายตามองมู่หลานเฟิน ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเ็า
"เ้าไม่รู้หรือ?"
เมื่อได้ยินเขาย้อนถามเช่นนี้มู่หลานเฟินก็พลันขมวดคิ้วมุ่น นางไม่ได้รู้สึกโกธรอันใดที่ถูกเขาถามกลับเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาเ้าของร่างเดิมทำสิ่งใดกับเขาเอาไว้บ้างนางรู้แจ้งแก่ใจดี ไม่แปลกที่เซวียนซานหลางจะผูกใจเจ็บกับนาง
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงหันมาถามลั่วเหมยแทน
"เ้าเล่ามาให้หมด ว่ามันคือยาอันใดและเ้าเอายานั่นมาจากที่ใด หากเ้าโกหก ข้าจะขายเ้าไปที่หอนางโลม ชาตินี้อย่าได้คิดจะมีชีวิตอย่างสงบสุขอีก"
น้ำเสียงของมู่หลานเฟินเย็นเยียบจนลั่วเหมยถึงกับน้ำตาไหล นางกัดฟันแน่น ก่อนจะเล่าว่าอวี้หลิงเป็คนมอบยานอนหลับให้นาง รอจนเซวียนซานหลางดื่มไปและหลับไม่ได้สติ ให้นางรีบยุยงมู่หลานเฟินฆ่าคนทันที และยังบอกอีกว่าหากงานไม่สำเร็จ พี่สาวของนางที่เป็สาวใช้อยู่ในเรือนใหญ่จะต้องถูกโบยจนตาย ก่อนหน้านี้เพราะมู่หลานเฟินไม่ยอมรับยาห่อนั้นมาจัดการเอง อวี้หลิงจึงโยนเผือกร้อนชิ้นนี้มาให้นางช่วยจัดการแทน นางไม่มีทางเลือกจึงต้องทำตามคำสั่งของเ้านาย
เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากปากของลั่วเหมย มู่หลานเฟินก็ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วตนเองอย่างเหนื่อยหน่าย
อยู่ไกลถึงเมืองหลวง แต่อวี้หลิงก็ยังสามารถยื่นมือมาก่อเื่จนได้
เซวียนเจ๋อถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก เขาไม่คิดว่าท่านแม่จะยังคงไม่ละความพยายาม ที่จะทำร้ายพี่ชายของเขา
เซวียนซานหลางที่ได้ฟังความจริงทั้งหมดกลับไม่เอ่ยวาจาใดสักคำ ก่อนหน้านี้มู่หลานเฟินออกไปด้านนอก สาวใช้ของนางเป็คนทำน้ำแกงร้อนมามอบให้เขา แต่เขารู้สึกว่านางผิดปกติ ท่าทางดูลนลาน เมื่อเค้นถามอย่างหนักนางจึงยอมสารภาพว่าใส่ยานอนหลับให้เขากิน จากนั้นก็จะไปตามมู่หลานเฟินให้มาสังหารเขา หากมู่หลานเฟินไม่ทำ นางก็จะลงมือทำด้วยตนเอง
เดิมทีเขาคิดจะฆ่านางเสีย แต่เซวียนเจ๋อกลับมารั้งเอาไว้ก่อน และไปตามมู่หลานเฟินกลับมา
เดิมทีเขารู้อยู่แล้วว่าอวี้หลิงคิดจะวางยา แต่ที่ผ่านมาลั่วเหมยดูเหมือนจะเชื่อฟังมู่หลานเฟินและไม่ก่อเื่ แต่นางกลับลงมือทำตามคำสั่งอวี้หลิงจริง ๆ
มู่หลานเฟินถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเซวียนซานหลาง
"เื่สาวใช้ของข้าที่ทำผิดต่อท่าน ข้าขออภัยด้วย ข้าจะไม่ปล่อยให้นางรอดความผิดไปได้”
เอ่ยจบก็หันไปมองลั่วเหมย
“ลั่วเหมย ข้าจะโบยเ้ายี่สิบไม้ หลังจากที่กลับถึงเมืองหลวงแล้วเ้าก็ไปอยู่ที่โรงครัวไม่ต้องมาคอยรับใช้ข้าอีก ส่วนพี่สาวของเ้า ข้าจะหาทางช่วยออกมาเอง ซื่อจื่อ ท่านเห็นเป็เช่นไร"
เซวียนซานหลางที่ได้ยินไม่เอ่ยตอบ แต่กลับเก็บดาบในมือ เพียงเท่านี้มู่หลานเฟินก็เข้าใจได้แล้วว่าเขาไม่เอาเื่ลั่วเหมยอีก
ไม่คิดว่าเขาจะยังมีความใจดีอยู่บ้าง
“เ้ายังไม่รีบขอบคุณซื่อจื่ออีก”
"ฮือ ขอบพระคุณซื่อจื่อ กับคุณหนู ต่อไปบ่าวไม่กล้าแล้วเ้าค่ะ บ่าวขอสาบานด้วยชีวิต!"
ลั่วเหมยโขกศีรษะลงกับพื้นก่อนจะลนลานออกไป เซวียนเจ๋อเองก็รู้สึกผิด เขาเอ่ยขอโทษพี่ชายก่อนจะอาสารับหน้าที่เป็คนลงโทษลั่วเหมยด้วยตนเอง
เมื่อคนออกไปหมดแล้ว เซวียนซานหลางก็เดินเข้ามาหามู่หลานเฟิน นางย่นหัวคิ้วก่อนจะขยับกายถอยหนีจนแผ่นหลังชิดกำแพง ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังจ้องนางเหมือน้ามองให้ทะลุเข้าไปถึงภายในจิตใจ ั์ตาดอกท้อฉายแววเ็าดุดันอย่างไม่ปิดบัง
"เมื่อใดกันที่เ้า รู้จักแยกแยะถูกผิดได้เช่นนี้"
มู่หลานเฟินรู้สึกอึดอัดเป็อย่างมาก นางเบือนหน้าหนี พร้อมกับเอ่ยตอบโดยที่ไม่มองหน้าเขา
"เป็คนชั่วมันน่าเบื่อเกินไป ข้าอยากเป็คนดีบ้างไม่ได้หรือ"
“เช่นนั้นหรือ"
"อืม"
เอ่ยจบนางก็ยกมือน้อย ๆ ขึ้นมาดันตัวเซวียนซานหลางให้ออกห่างจากตน เซวียนซานหลางส่งเสียงเหอะ นางคิดว่าเขาอยากเข้าใกล้นางอย่างนั้นหรือ
มู่หลานเฟินขยับตัวออกให้ห่างจากเขา ก่อนจะเดินไปหยิบของบางอย่างที่อยู่ด้านนอกมาวางเอาไว้บนโต๊ะตำราของเซวียนซานหลาง
"ตอนที่ข้าออกไปเดินเล่นมา เห็นว่าของสิ่งนี้งดงามดี มันคือชามสุราหยกมรกตห่วงคู่ งดงามประณีต เผื่อยามใดที่ท่านอยากชื่นชมมวลผกาดื่มสุราคลายทุกข์ก็เอามันมาใช้ได้ ข้าไม่รู้ว่าจะมอบสิ่งใดตอบแทนที่ท่านช่วยข้าเอาไว้ ก็มีเพียงสิ่งนี้ หากท่านไม่ชอบก็โยนมันทิ้งไปได้เลย ถือว่าข้าไม่เคยมอบให้ก็แล้วกัน ส่วนเื่ในวันนี้ ข้าขออภัยแทนท่านป้าและสาวใช้ของข้าด้วย ส่วนเซวียนเจ๋อ ท่านก็อย่าได้หวาดระแวงเขา น้องชายของท่าน รักท่านยิ่งกว่ารักมารดาของเขาเสียอีก ระแวงข้าก็แล้วไปเถอะ แต่กับเซวียนเจ๋อได้โปรดละเว้นเขาเอาไว้สักคนหนึ่ง"
เอ่ยจบนางก็เดินจากไปทันที เซวียนซานหลางปรายตามองชามสุราหยกมรกตคราหนึ่ง ก่อนจะเก็บสายตาตนกลับคืน
