ลำธารกลางหุบเขาฮว่าหลงตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของสถานศึกษาชางหวง กินพื้นที่บริเวณกว้าง เป็หนึ่งในพื้นที่ของสถานศึกษาชางหวง ในนั้นมีสัตว์ปิศาจปริมาณมหาศาล เป็สถานที่ซึ่งศิษย์ของสถานศึกษาชางหวงออกไปขัดเกลาและฝึกฝน ผลึกสัตว์ของสัตว์ปิศาจที่ฆ่าในนั้นสามารถเก็บไว้ให้ตนเองใช้ได้ และแลกเปลี่ยนเป็รางวัลที่สอดคล้องกันได้ที่สถานศึกษา
เซียวเฉินเพิ่งเข้าสู่สถานศึกษาชางหวงก็ออกไปล่าสัตว์ปิศาจกับพวกหลินหนิงแล้ว?
ระหว่างทาง เซียวเฉินได้รู้ว่าคนอื่นๆ อีกสามคนนอกจากหลินหนิงนั้น ประกอบด้วยคนที่หยาบกระด้างและเถรตรงชื่อหลินคุนเป็พี่ชายของหลินหนิง ส่วนบุรุษที่อ่อนโยนสง่างามชื่อสือเทียน และคนสุดท้ายที่ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาชื่อเฟิงอวิ๋นเสียง
ระหว่างทาง เซียวเฉินไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับเขา
“ศิษย์น้องเซียวเฉิน พวกเราได้แต่เคลื่อนไหวอยู่รอบนอกของลำธารกลางหุบเขาฮว่าหลง ล่วงลึกเข้าพื้นที่ใจกลางไม่ได้ ความสามารถของพวกเราไม่สามารถใช้จัดการสัตว์ปิศาจด้านในได้เลย” หลินคุนยิ้มพลางเอ่ยวาจา เซียวเฉินยิ้มแย้มผงกศีรษะ เขาค่อนข้างชอบนิสัยเถรตรงของหลินคุน คนแบบนี้ไม่เสแสร้ง ไม่วางท่า ทำให้คนรู้สึกดีด้วยได้ง่ายๆ
“อืม เพิ่งเข้าสู่สถานศึกษาชางหวง ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยฆ่าสัตว์ปิศาจ ดังนั้น ครั้งนี้พี่ใหญ่หลินควบคุมก็ดี”
“ดี พวกเราไปกันเถอะ”
หลินคุนไม่ผลักภาระให้คนอื่นแล้วแย้มยิ้มเดินอยู่ข้างหน้า ด้านหลังมีเซียวเฉิน หลินหนิง และสือเทียนตามเขามาติดๆ ส่วนเฟิงอวิ๋นเสียงเดินรั้งท้าย พวกเขาค่อยๆ มาถึงรอบนอกของลำธารกลางหุบเขาฮว่าหลง
ลำธารกลางหุบเขาฮว่าหลงไม่เหมือนพื้นที่สัตว์ปิศาจอื่นๆ ภูมิประเทศที่นี่ค่อนข้างขรุขระ มีต้นไม้จำนวนมาก มีลมเย็นพัดมา ให้ความรู้สึกไม่สบายแก่ผู้คน
แต่ที่นี่กลับเหมาะแก่การใช้ชีวิตของสัตว์ปิศาจอย่างยิ่ง
วิ้ง!
เสียงวิ้งเบาๆ ดังขึ้น หลินคุนพลันเงยหน้าแล้วเอ่ยเสียงดัง “ด้านหน้ามีวานรจี๋เฟิง สัตว์ปิศาจระดับสอง อย่าให้มันหนีไป”
สัตว์ปิศาจก็แบ่งระดับเป็ระดับหนึ่งถึงระดับเก้า จากต่ำไปสูง ความสามารถก็เรียงจากต่ำไปสูง เพิ่มขั้นทีละขั้น ด้วยความสามารถของพวกเซียวเฉิน อย่างมากที่สุดก็ได้แต่จัดการสัตว์ปิศาจระดับห้าลงมา เมื่ออยู่เหนือระดับห้า ความสามารถของสัตว์ปิศาจก็จะเปลี่ยนเป็แข็งแกร่งมาก พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย
เซียวเฉินมองไปทางป่าที่อยู่ไม่ไกลนัก
เห็นลิงสีขาวเทาชนิดหนึ่งกำลังห้อยอยู่บนต้นไม้ ดวงตาสีเขียวคู่นั้นฉายแววดุร้าย เขี้ยวยาวเผยอยู่ด้านนอก น่ากลัวมาก
“แม้ว่าวานรจี๋เฟิงเป็เพียงสัตว์ปิศาจระดับสองแต่มีความเป็เลิศด้านความเร็ว มันว่องไวดุจสายลม อีกทั้งกรงเล็บคู่นั้นสามารถทำลายหินผาได้ พวกเราห้ามประมาท” หลินหนิงกล่าว
“เสี่ยวหนิง เื่นี้มอบให้ข้า” ระหว่างเอ่ยวาจา สือเทียนสืบเท้ามาก้าวหนึ่ง ไม่รู้ว่ามีกระบี่เพิ่มมาในมือั้แ่เมื่อใด ทว่าตัวกระบี่สั่นเบาๆ เปล่งเสียงคำรามและมีแสงิญญาวาบขึ้น
“กระบี่ดี” เซียวเฉินอดเอ่ยชมไม่ได้
“แค่อาวุธิญญาระดับล่างเท่านั้น” เฟิงอวิ๋นเสียงส่งเสียงดูแคลน เซียวเฉินมีสีหน้าปั้นยาก สือเทียนส่ายศีรษะให้เซียวเฉินเป็การบอกใบ้เขา จากนั้นทะยานออกไป ตรงเข้าหาวานรจี๋เฟิงตัวนั้น
สือเทียนมีความสามารถขั้นแรกกำเนิดหกชั้นฟ้าระดับสูงสุด จึงจัดการวานรจี๋เฟิงได้อย่างไม่มีปัญหา เห็นกระบี่ในมือของสือเทียนกลายเป็เงากระบี่หลายสิบสายทะยานออกไป พริบตาก็สกัดกั้นวานรจี๋เฟิงไว้ได้ จากนั้นแสงกระบี่ส่ายไหว วานรจี๋เฟิงยังไม่ทันได้อวดความเร็วก็ถูกสือเทียนใช้กระบี่บั่นศีรษะลงมาแล้ว
“พี่ใหญ่สือยอดเยี่ยมยิ่ง” หลินหนิงยิ้มแย้มเอ่ย
สือเทียนใช้กระบี่ผ่ากะโหลกของวานรจี๋เฟิง ในนั้นมีวัตถุเหมือนผลึกน้ำเรืองแสงจางๆ หนึ่งเม็ด สือเทียนนำออกมา ใบหน้ามีรอยยิ้ม
“เริ่มต้นได้ไม่เลว”
จากนั้นก็เดินยิ้มกริ่มมา
“แค่เดรัจฉานขั้นสองตัวหนึ่งเท่านั้น ไยต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้” เฟิงอวิ๋นเสียงเหลือบมองหลินหนิงแล้วเอ่ยเรียบๆ ทะนงตนถือดีอย่างยิ่ง คนอื่นๆ ต่างไม่เอ่ยวาจา สายตาของเซียวเฉินเย็นเยียบนิดๆ
เซียวเฉินอดทนยอมให้เขาไปเสียทุกเื่แล้ว ขณะกำลังจะะเิออกมา หลินหนิงก็ดึงมือของเขาไว้แล้วส่ายศีรษะให้ เซียวเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที หลังสงบโทสะในจิตใจแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่ใหญ่หลิน พวกเราไปกันเถอะ”
ระหว่างทาง พวกเซียวเฉินฟันศีรษะสัตว์ปิศาจได้อีกหลายตัว ทุกตัวมีระดับขั้นไม่สูงนัก แต่เป็ไปได้สูงว่าจะเก็บเกี่ยวผลึกสัตว์ได้เกินความคาดหมาย ตลอด่เช้าสามารถเก็บผลึกสัตว์ได้ทั้งหมดสิบห้าก้อน ถือว่าเป็การเก็บเกี่ยวที่ไม่เลว
“พวกเราพักผ่อนสักครู่เถอะ” หลินคุนเสนอแนะ คนอื่นๆ ต่างไม่คัดค้าน คนทั้งห้าหาสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อหยุดพัก ทว่าเพิ่งนั่งลงก็ได้ยินเสียงคำรามในป่า ทุกคนเริ่มระวังป้องกันอีกทันที
มีสัตว์ปิศาจอีกแล้ว!
“ครั้งนี้ถึงกับเป็สัตว์ปิศาจขั้นห้า!” หลินหนิงมีสีหน้าหนักใจ สัตว์ปิศาจขั้นห้าเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธซึ่งมีความสามารถขั้นแรกกำเนิดระดับสูงสุด ครั้งนี้เกรงว่ามีเพียงเฟิงอวิ๋นเสียงที่ลงมือได้
“อวิ๋นเสียง พวกเราไร้หนทางจัดการสัตว์ปิศาจตัวนี้ เ้าลงมือเถอะ” สือเทียนและหลินคุนต่างส่งเสียง สายตามองไปทางเฟิงอวิ๋นเสียงที่อยู่ด้านข้าง
ทว่าเฟิงอวิ๋นเสียงกลับยิ้ม “ตรงนี้ยังมีอีกหนึ่งคนที่ตลอดทางไม่เคยลงมือมิใช่หรือ หากเป็ข้า ข้าคงละอายใจที่จะเอาเปรียบ ได้กินฟรี”
เซียวเฉินยิ้มหยัน จริงเสียด้วย เ้าเฟิงอวิ๋นเสียงคนนี้มุ่งเป้ามาที่ตนเองตลอดเวลา ระหว่างทางเขาไม่เคยลงมือเลยจริงๆ เนื่องจากเมื่อสัตว์ปิศาจปรากฏตัว หลินคุนและสือเทียนก็จะคุ้มครองเขาไว้ด้านหลัง แต่เซียวเฉินรู้ว่าตนเองควรทำเช่นไร หากพวกเขาจัดการไม่ได้ เขาย่อมลงมือ จะไม่อยู่เฉยๆ โดยไม่สนใจเด็ดขาด
ทว่ายามนี้เฟิงอวิ๋นเสียงกลับผลักตนเองให้ไปจัดการกับสัตว์ปิศาจระดับห้า เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะส่งตนเองไปตาย
ส่วนหลินหนิงที่อยู่ด้านข้างทนดูต่อไปไม่ไหว ส่งเสียงเอ่ยว่า “เฟิงอวิ๋นเสียง เ้าดูให้ดี นั่นคือสัตว์ปิศาจระดับห้า ความสามารถเทียบได้กับขั้นแรกกำเนิดเก้าชั้นฟ้า ที่นี่มีเพียงเ้าที่ย่างเข้าสู่ขั้นแรกกำเนิดเก้าชั้นฟ้า เซียวเฉินเป็เพียงขั้นแรกกำเนิดหกชั้นฟ้าเท่านั้น เ้าให้เขาไป มิใช่ส่งเขาไปตายหรือ?”
ว่าแล้ว ดวงตาคู่นั้นก็ฉายแววไม่พอใจ
“ใช่ ศิษย์น้องเซียวเฉินเพิ่งเข้าสถานศึกษาชางหวง แถมยังไม่เคยออกมาล่าสัตว์ปิศาจ พวกเราปกป้องเขาก็ถูกต้องแล้ว เวลานี้เ้าพูดแบบนี้มันเกินไป” หลินคุนก็ส่งเสียงเช่นกัน
สือเทียนก็มองเฟิงอวิ๋นเสียงด้วยสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน “ศิษย์น้องเซียวเฉินเชื่อใจพวกเราจึงรับปากมากับพวกเราด้วย ยามที่พวกเราเจออันตรายจะผลักเขาออกไปได้อย่างไร”
เฟิงอวิ๋นเสียงมองพวกเขาแล้วยิ้มหยัน
“ไม่ว่าพวกเ้าจะพูดอย่างไรข้าก็จะไม่ปกป้องเศษสวะที่ไม่ทำอะไรสักอย่าง ถ้าอยากคุ้มครอง พวกเ้าก็ปกป้องเขาเอง ไม่ต้องมาเรียกข้า” ว่าแล้ว เฟิงอวิ๋นเสียงก็นั่งขัดสมาธิเช็ดกระบี่ในมืออยู่ตรงนั้น ไม่ส่งเสียงอีก ใจแข็งไม่สนใจความเป็ความตายของเซียวเฉิน
ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้คนอื่นๆ อีกสามคนกำหมัดแน่น
ในเมื่อเป็คนกลุ่มเล็กๆ ที่ออกล่าในเวลาเดียวกัน ก็น่าจะร่วมแรงร่วมใจกันสังหารสัตว์ปิศาจสิ หากแต่ทุกการกระทำของเฟิงอวิ๋นเสียงทำให้คนอื่นเดือดดาล เดิมทีสามารถโจมตีสังหารสัตว์ปิศาจได้กลับไม่ลงมือ ให้สัตว์ปิศาจสังหารเพื่อนร่วมทาง การกระทำเช่นนี้ทำให้คนอื่นเหยียดหยามดูแคลนจริงๆ
“เฟิงอวิ๋นเสียง เ้าจะไม่ลงมือจริงๆ?” มองสัตว์ปิศาจที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ หลินคุนจึงส่งเสียงอีกครั้ง ดวงตาใสกระจ่างมีโทสะอย่างเห็นได้ชัด
เฟิงอวิ๋นเสียงยังคงไม่เคลื่อนไหวดังเดิม
ในเวลานี้เอง เซียวเฉินพลันยิ้ม จากนั้นบอกหลินคุน หลินหนิง และสือเทียนว่า “พี่ใหญ่หลินให้ข้าไปทดลองดูเถอะ”
หลินหนิงดึงมือเซียวเฉินไว้
“ไม่ได้ นั่นเป็สัตว์ปิศาจระดับห้าเชียวนะ พวกเราจะส่งเ้าไปตายได้อย่างไร” ว่าแล้ว ดวงตาโตคู่นั้นก็เต็มไปด้วยความร้อนรนกังวลใจ เื่นี้ทำให้เซียวเฉินอบอุ่นใจ
เซียวเฉินตบไหล่นางแล้วยิ้มกว้าง
“วางใจเถอะ ข้าไม่ทำเื่ที่ไม่มีความมั่นใจ แม้สัตว์ปิศาจระดับห้าจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่แน่ว่าข้าจะแพ้”
“โอหัง” เฟิงอวิ๋นเสียงยิ้มหยัน
เซียวเฉินเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงเ็า “โอหังหรือไม่อีกสักครู่ก็รู้ เ้าว่าข้าไม่ได้ลงมือ กินฟรีมาตลอด แต่ข้าจำได้ว่าเ้าก็ไม่เคยลงมือเช่นกัน เ้าว่าข้าได้กินฟรี ไยมิใช่กำลังว่าตนเอง”
“เ้า...”
เฟิงอวิ๋นเสียงมีสีหน้าปั้นยาก กำลังจะพูดจา ทว่าเซียวเฉินก็สืบเท้าเดินไปทางสัตว์ปิศาจระดับห้าตัวนั้นแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้