บทที่ 28
...
แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านผ้าม่านสีเทาผืนหนาตามแรงของเครื่องปรับอากาศที่ถูกเปิดจนเย็นฉ่ำ แต่ใบหน้าของผู้ที่อยู่บนเตียงขนาดคิงไซต์กลับมีแต่เหงื่อเม็ดโตเต็มกรอบหน้า ราชันย์นอนตัวสั่นอยู่ในผ้าห่มผืนหนา ที่เขาพยายามซุกตัวเข้าไปให้ได้มากที่สุด และมีแค่ใบหน้าและศีรษะเท่านั้นที่โผล่พ้นผ้านวมผืนนั้นออกมา
เขาหลับตานอนอยู่ในผ้าห่มอย่างไม่สะทกสะท้าน ใบหน้าเริ่มรื้นสีแดงระเรื่อขึ้นเรื่อย ๆ แต่คนที่อยู่ใต้ผ้านั้นกลับรู้สึกว่าอากาศช่างหนาวมากนัก เปลือกตาที่แสบร้อนและหนักอึ้งเปิดออกอย่างเชื่องช้า เขาความหารีโมตมาเบาเครื่องปรับอากาศ และโยนมันทิ้งอย่างไม่ไยดี และตอนนี้เขายังมีอาการมีนหัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ราชันย์ไม่ได้สนใจอาการทั่วไปของตัวเองมาหนัก เขาเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งนั้นอีกครั้ง เอื้อมมือหยิบมาถือมาเปิดหน้าจอแชต ไม่มีข้อความจากคนที่เขารอ แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้เขาน้อยใจหรืออะไรได้ ราชันย์กดพิมข้อความหากอหญ้าสามสี่ประโยค และเขายังคงรอการตอบกลับของเธอ ผ่านไปไม่นานนักหน้าจอก็แสดงสถานะว่าปลายทางนั้นอ่านแล้ว
ราชันย์ยังคงรอว่าเธอจะตอบว่าอะไร แต่จนแล้วจนรอดก็มีแค่หน้าจอที่แสดงว่าเธออ่านแล้วเท่านั้น
ติ๊ง!
แค่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนที่ปลายสายตอบกลับมา เขาก็แทบจะลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้เขามีอาการปวดเนื้อปวดตัวเช่นไร และเขาก็ต้องเศร้าอีกครั้งเมื่อปลายสายนั้นตอบกลับมาเป็แค่สติกเกอร์รูปหมีสีน้ำตาลยิ้มตัวหนึ่งเท่านั้น อาการปวดเมื่อยตามตัวเริ่มหนักขึ้น เขารู้สึกได้ว่าใบหน้าของเขาร้อนผ่าว และนี่คงเป็อาการป่วยไม่ผิดแน่
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ราชันย์พยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นเพื่อที่จะไปหายามากิน เขาหย่อนเท้าที่หนาวเหน็บลงพื้นเย็นเฉียบ พยุงร่างกายให้ยืนขึ้น แต่แล้วเหมือน์กลั่นแกล้ง ร่างกายที่ถูกใช้งานอย่างหนัก กลับต้องทรุดลงไปกองกับพื้น ความปวดเมื่อยที่ถาโถมเข้ามา และสติที่มีอยู่น้อยนิดนั้นกลับดับวูบไปทันที
ครืด ครืด
เสียงสั่นจากมือถือที่ถูกวางบนที่นอนขนาดใหญ่ ปลุกให้ผู้ชายที่นอนกองกับพื้นลืมตาตื่นขึ้นมาช้า ๆ เมื่อเขาปรับสายตาได้ในระดับหนึ่ง สติที่หายไปกลับคืนมาเขามองไปรอบ ๆ พบว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ในห้องของเขา เว้นแต่เพียงเขานอนกองที่พื้นเย็นเฉียบแทนที่จะนอนซุกในผ้าห่มบนเตียงเท่านั้น
เขาสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง ค่อย ๆ ใช้แขนพยุงร่างกายให้ลุกขึ้นมา เขาควานหามือถือที่ยังคงส่งเสียงปลุกอยู่อย่างนั้น เมื่อราชันย์หยิบมือถือขึ้นมาก็เห็นว่าเป็ัที่โทรเข้ามาหลายสายพอสมควร
“ว่าไง”
“เป็อะไรหรือเปล่าราชันย์ เมื่อวานหายไปทั้งวัน”
“เปล่า แค่เพลีย ๆ เลยหลับลึกไปหน่อย”
“ถ้าแค่นั้นก็ดี กูจะโทรมาบอกว่าเื่ที่ดูไบ จัดการตามที่มึงฝากเรียบร้อยแล้ว”
“ขอบใจมากนะั ไว้กูจะไปเที่ยวหาที่ไร่”
“พราวฝากบอกว่า ถ้าจะมาไร่ ต้องพาหลานมาด้วยเท่านั้นนะ ฮ่า ๆ”
“งั้นกว่าจะเจอหลานอาจจะนานหน่อยนะ เหมือนแม่เขาจะไม่อนุมัติ”
“ั ที่พูดว่านานนี่หมายความว่าไง ห๊ะ”
“แสบแก้วหูน่าพราว ก็ตามที่พูดนั่นแหละ”
“นี่ยังไม่ดีกับกอหญ้าอีกหรอ”
“ฉันก็พยายามอยู่ ถึงรีบจัดการงานที่นี่ไง คิดถึงลูกคิดถึงเมียจะตายอยู่แล้ว”
“งั้นก็รีบ ๆ สิ มัวนอนอยู่นั่นแหละ”
“เออครับ กระผมจะเดินทางไปหาลูก หาเมียวันนี้ละครับ”
“ดี!!แล้วรีบพาหลานกลับบ้านมาได้แล้ว ฉันอยากเห็น”
“งั้นก็ให้ัพาไปสิ ไม่ง่ายกว่าหรอ”
“ก็แบบว่า…”
“แบบว่าอะไร”
“ฉันไม่ถูกกับเครื่องบินน่ะ”
“...”
ราชันย์วางสายจากัก็จัดการเื่ตั๋วเครื่องบินทันที เพราะเครื่องบินส่วนตัวของบริษัทนั้นพ่อและแม่ของเขาบินไปดูงานที่อิตาลีน่าจะอีกหลายวัน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็รับเตรียมตัวทันที
ระหว่างทางที่นั่งเครื่องมา ถึงแม้จะใช้เวลาไม่นานมากนัก แต่เขากลับรู้สึกปวดหัวตลอดเวลา ร่างกายที่เคยแข็งแรงตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนมีใครนำไม้หน้าสามมาฟาดไปทุกที่
เมื่อถึงปลายทาง ราชันย์ก็เห็นธันวาที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาไม่รอช้าเดินปรี่เข้าไปหาทันที แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ กลับเป็การทำให้ธันวาถึงกับใหน้าถอดสี ธันวารีบเดินเข้ามาหาเขาอย่างไว เพราะสภาพที่ธันวาเห็นตอนนี้ แทบไม่เหลือเคล้าความหล่อเหลาและมาดแมนแอนด์แฮนด์ซั่มของราชันย์เลยแม้แต่น้อย
เขาเห็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่ซีดเผือดราวกับไม่ใช่คน ไม่มีสีเืฝาดบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย ราชันย์เดินมาหยุดตรงหน้าธันวา และพยักหน้าให้ธันวาเปิดประตูรถ
“ไป รพ.ก่อนละกันค่อยเข้าบ้าน ถ้าเข้าบ้านสภาพนี้กอหญ้าใแน่”
“อืม”
ตัวเขาเองก็ไม่อยากให้สาวเ้าต้องเป็ห่วง เมื่อมาถึง รพ. หมอก็จัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย หมอ้าให้ราชันย์ แอดมิดดูอาการที่ รพ. แต่ทำยังไงราชันย์ก็ไม่ยอม จนกลายเป็ว่า กลับบ้านได้ แต่ต้องเข้ามาให้น้ำเกลือและดูอาการที่ รพ. แทน
เมื่อทุกอย่างไม่มีปัญหา หมอก็จัดการจัดแจงเื่ของยา และให้เขากลับบ้านได้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ธันวาก็พาราชันย์กลับบ้านทันที เมื่อทั้งคู่มาถึง ภาพแรกที่ราชันย์เห็น คือสวนดอกกุหลาบที่กอหญ้าเฝ้าทะนุถนอมจนผลิดอกบานสะพรั่งยิ่งกว่าครั้งที่ราชันย์กลับไทยเสียอีก
และมีดอกไม้ผุดขึ้นมาอีกหลายชนิดสีสันสดใส ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกสบายตา ราชันย์ละสายตาจากหมู่ดอกไม้ทั้งหลายและเดินเข้ามายังในบ้าน คอกกั้นสีสดใสขนาดใหญ่ ถูกวางไว้กลางบ้าน ด้านในถูกปูด้วยแผ่นโฟมรองคลาน มีเด็กเล็ก ๆ ที่กำลังพลิกคว่ำ พลิกหงายอยู่ในนั้น
กอหญ้าเมื่อเห็นว่าราชันย์เดินเข้ามา เธอก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหยอกล้อกับลูกเช่นเดิม ทางด้านราชันย์นั้นแทบอยากจะกระโจนเข้าไปกอดลูก ๆ ที่กำลังหัวเราะร่า แต่กลับต้องพับความคิดไว้ และเดินเลี่ยงออกไปเพียงเพราะไม่อยากให้ลูกต้องติดหวัดไปด้วย
กอหญ้าที่เห็นราชันย์เงียบ ๆ ไป รู้สึกตงิดใจอยู่บ้าง ได้แต่มองราชันย์ที่กำลังเดินเข้าไปในห้องรับรองแขก ซึ่งปกติแล้วราชันย์แทบไม่เข้าไปนอนในนั้นเลยด้วยซ้ำ คิ้วทั้งสองข้างของเธอขมวดปมเข้าหากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“คุณราชันย์เป็อะไรหรอ”
เธอหันมาถามธันวาแทน เมื่อเห็นว่าธันวายืนถือถุงยาของ รพ. อยู่ในใจเธอใเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมามากนัก ถ้าหากเธอแสดงออกมาว่าเป็ห่วงก็เกรงว่าจะเป็เธอเองที่ต้องตกหลุมพรางของผู้ชายคนนี้ซ้ำ ๆ
“อ่อนเพลีย มีไข้ และอะไรไม่รู้”
“อ่อนเพลียงั้นหรอ”
“อืม ก็มันเล่นมัดรวบโปรเจ็กต์ที่คนสิบคนทำยังใช้เวลาตั้ง 5-6 เดือน ดึงมาทำคนเดียวภายใน2เดือน แทบไม่ได้นอน ข้าวก็ไม่ได้กินแน่ ๆ”
“ก็แล้วทำไมต้องหักโหมขนาดนั้นละ”
“เธอไม่รู้จริง ๆ หรอกอหญ้า”
