ไข้ยังไม่ทันหายดี มู่หรงฉือก็ออกไปตากลม บวกกับความกังวลใจ ร้อนใจเข้าโจมตีอาการป่วยก็ยิ่งหนัก
โชคดีที่รักษาได้ทันเวลา นางทานยา นอนหลับไปพักหนึ่ง ร่างกายก็เริ่มมีเหงื่อออกอาการจึงดีขึ้นมาสักหน่อย
แต่ว่า หรูอี้เป็ตายอย่างไรก็ไม่ให้นางลงจากเตียง ให้นางนอนพักรักษาตัว
มู่หรงฉือสั่งการอย่างจริงจัง “หากในวังเกิดเื่ใหญ่ เ้าต้องมาบอกเปิ่นกงทันที”
ตอนที่ตื่นขึ้นมา นางคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้น่สองวันนี้ ลองจัดลำดับเื่ราวดูว่าจะพบจุดน่าสงสัยหรือไม่ คิดไปจนเหนื่อยล้าสุดท้ายก็ผล็อยหลับไป
สามวันต่อมา นางลุกขึ้นไปอาบน้ำถึงค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย หรูอี้รีบส่งสายตาให้ฉินรั่ว
ฉินรั่วเข้าใจความหมายของหรูอี้ หมุนตัวเดินออกไป แต่กลับได้ยินเสียงเตี้ยนเซี่ยพูดขึ้น “ฉินรั่ว ลืมคำพูดของเปิ่นกงไปแล้วหรือ?”
“เตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันเข้ามาเพื่อจะถามว่าเตี้ยนเซี่ยอยากรับอะไรเป็อาหารกลางวันเพคะ” ฉินรั่วเห็นสายตาของหรูอี้ จึงก้มหน้ากล่าว
“หรูอี้คือนายของเ้า หรือว่าเปิ่นกงคือนายของเ้า?” มู่หรงฉือถลึงตาใส่
“เตี้ยนเซี่ย อาการป่วยของเตี้ยนเซี่ยยังไม่หายดีจะออกไปโดนลมไม่ได้เด็ดขาดนะเพคะ” หรูอี้พูดออกมาอย่างมั่นใจในเหตุผลของตน
“เปิ่นกงไม่ได้เป็เช่นสตรีอ่อนแอที่โดนลมก็จะถูกพัดปลิวหายไปพวกนั้น” มู่หรงฉือมองไปทางฉินรั่ว “ที่วังเกิดเื่อะไรขึ้นใช่หรือไม่?”
“มีนางกำนัลฝ่ายในมารายงาน บอกว่าในบึงเสี่ยวเยว่มีนางกำนัลเสียชีวิตเ้าค่ะ”
ฉินรั่วยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเงาสายหนึ่งผ่านตัวนางไปรวดเร็วราวสายลม
ฉินรั่วรีบตามไป
หรูอี้ร้องเรียกออกมาอย่างโกรธจัด “เตี้ยนเซี่ย...เตี้ยนเซี่ยจะออกไปไม่ได้นะเพคะ...”
ฉินรั่วรีบตามไป “ข้าจะจับตาดูเตี้ยนเซี่ยเอง”
หรูอี้โกรธจนเคี้ยวฟัน เหตุใดเตี้ยนเซี่ยถึงได้ไม่รักถนอมร่างกายตัวเองถึงเพียงนี้
บึงเสี่ยวเยว่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสวนอวี้ฮวา บึงน้ำนี้ไม่ได้กว้างมากนัก แต่ว่าปลูกดอกไม้เอาไว้จนเต็ม
บนน้ำขุ่นมีใบไม้ลอยอยู่ ใบบัวแต่ละใบตั้งตรง แสงอาทิตย์เรืองรองสาดส่องลงมาให้ความรู้สึกห่างไกล ราวกับหลงอยู่ในความฝัน
ลมอ่อนๆ พัดโชยมาจนใบบัวสั่นน้อยๆ
สิ่งที่ทำลายทัศนียภาพดีๆ ก็คือการที่มีคนมากมายรายล้อมอยู่ริมฝั่ง พูดคุยกันเสียงจอแจ
หลิวอันกำลังรอท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการกับกู้ฮวายของศาลต้าหลี่ ในขณะเดียวกันก็เห็นมู่หรงฉือก้าวมาด้วยฝีเท้าไม่ช้าไม่เร็ว เขาถวายความเคารพ “ถวายบังคมองค์รัชทายาท”
มู่หรงฉือโบกมือให้เขาลุกขึ้น เดินไปก็ถามไป “เกิดเื่อะไรขึ้น?”
“ผู้ตายเป็นางกำนัลคนหนึ่ง มีนางกำนัลอีกคนเป็ผู้พบศพ” หน้าผากและหางตาของหลิวอันเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น ใบหน้าเหลี่ยมปกคลุมไปด้วยแป้งบางๆ ทำให้หน้าขาวซีด “นางกำนัลคนนั้นเป็ข้าหลวงของโรงซักผ้า มีนามว่าเสี่ยวลู่”
“รายงานศาลต้าหลี่แล้วหรือ?” นางมองเขา รู้สึกว่าในความสงบและให้เกียรติของเขากลับซุกซ่อนสายตาอันเฉลียวฉลาดและร้ายกาจเอาไว้
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่เขาไม่รู้ นางลอบเห็นสายตาพินิจพิจารณาอันเ็า ราวกับมีดที่แหลมคมมากเล่มหนึ่งของเขามองมา สายตานั้นค่อยๆ เลื่อนจากหน้าผากไล่ลงมาอย่างช้าๆ ผ่านปลายจมูก คาง แล้วก็มาถึงที่หน้าอกของนาง ทุกที่ที่สายตาของเขาลากผ่านราวกับเกิดเป็รอยเืไปตามทาง
ภาพนี้ประทับอยู่ในหัวสมองของนาง จะอย่างไรก็ชัดเจนเหมือนใหม่ น่าพรั่นพรึง
สายตาประหนึ่งงูพิษที่เกี่ยวกระหวัดรัดอยู่ที่เสด็จพ่อ สายตาที่เหมือนกับอสูรกระหายเืราวกับจ้องจะจับเสด็จพ่อกินเข้าไป
เสียงคล้ายอิสตรี แต่กลับไม่แหลมเล็กของหลิวอันกล่าวต่อ “หนูฉายส่งคนไปรายงานแล้วพ่ะย่ะค่ะ คิดว่าอีกไม่นานใต้เท้ากู้ก็ใกล้จะมาถึงแล้ว”
มู่หรงฉือนั่งลงข้างศพ ลอบตื่นตระหนกอยู่ในใจ
เช่นเดียวกับซุนอวี้เหม่ย ใบหน้าของเสี่ยวลู่ผู้ตายทิ้งคราบเืเอาไว้ ยังมีปากแผลที่ถูกแมลงกัด ชุดนางกำนัลสีม่วงเข้มทิ้งรอยเืเอาไว้
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกถึงกลิ่นอายเย็นเยียบและแข็งแกร่งสายหนึ่งมาจากข้างตัว ในใจพลันเย็นเฉียบ นางหันไปมองอย่างระมัดระวัง แต่กลับพบว่าเป็มู่หรงอวี้
มู่หรงอวี้มองนางครู่หนึ่ง ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปที่ศพ
นั่นคือดวงตาอันล้ำลึกที่เปล่งประกายคู่หนึ่ง
เป็ดวงตาที่เฉลียวฉลาด มีจิติญญาที่สามารถกลืนกินคนบนโลกนี้ได้
มู่หรงฉือแอบคิด สายตาคู่นี้จะกลืนกินทั้งแคว้นเยี่ยน แล้วเสด็จพ่อกับนางจะกลายเป็ิญญาหรือไม่
นางลุกขึ้นเดินไปด้านข้าง เห็นเสิ่นจือเหยียนรีบร้อนเดินมา
ยากที่จะเชื่อว่าบุตรชายคนโตของราชครูเสิ่นผู้มีรูปลักษณ์หล่อเหลา งามสง่ามีราศี อนาคตรุ่งเรือง จะเอาแต่สนใจคดีฆาตกรรมกับศพ
ในตอนที่นางกำลังครุ่นคิด เสิ่นจือเหยียนก็เริ่มทำการชันสูตรศพเบื้องต้น
กู้ฮวายแห่งศาลต้าหลี่กำลังยุ่งอยู่กับงาน จึงส่งเสิ่นจือเหยียนมา ความจริงแล้วกู้ฮวายจะมาหรือไม่มาก็ไม่ต่างกัน
“คดีนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับคดีของซุนอวี้เหม่ย” มู่หรงอวี้พูดเสียงทุ้ม เมื่อยืนขึ้น ร่างกายสูงใหญ่ก็ดึงดูดสายตาคน
“จากการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว มีความคล้ายกันมาก” เสิ่นจือเหยียนสวมถุงมือถักบางๆ กดลงไปที่หน้าอกของผู้ตาย “หัวใจถูกทำลายจนถึงแก่ชีวิต ร่างกายกับใบหน้าของผู้ตายมีาแจากการถูกกัด”
“ตายตอนยามใด?” มู่หรงฉือถาม
“น่าจะราวยามห้า[1]” เขายืนขึ้นพูดกับหลิวอัน “รบกวนผู้ดูแลให้คนนำศพไปส่งที่ศาลต้าหลี่ด้วย”
“ใต้เท้าเสิ่นโปรดวางใจ ข้าน้อยจะสั่งให้คนไปส่งให้ขอรับ” หลิวอันสั่งนางกำนัลหลายคนตรงนั้น
บรรดาข้าหลวงในวังต่างพากันพูดคุยซุบซิบกันถึงประเด็นนี้อย่างเผ็ดร้อน
มีนางกำนัลคนหนึ่งพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “หยกตกจากฟ้า ตำหนักชิงหยวนมีฝนเืตกลงมา ตอนนี้เสี่ยวลู่ก็ตายในบึงเสี่ยวเยว่ ถูกปลากัดตาย นี่ไม่ใช่ปลากินคนหรือ?”
นางกำนัลอีกคนหนึ่งพูดต่อ “เื่ในเพลงต่างกลายเป็ความจริงแล้ว น่ากลัวยิ่งนัก ต่อไปคนที่จะถูกปลากัดตายจะเป็พวกเราหรือไม่?”
“เ้าอย่าพูดอีกเลย ข้ากลัว คืนนี้ข้าจะต้องนอนไม่หลับแน่” นางกำนัลขี้ขลาดคนหนึ่งตัวสั่นพลันขยับตัวเข้าใกล้สหาย
“ที่เพลงนั้นร้อง ต่อไปจะเกิดเื่อะไรขึ้น?” นางกำนัลคนหนึ่งถามขึ้น
“เหมือนจะเป็...แย่งชิงแคว้น มันหมายความว่าอะไร?”
“ข้าเองก็ไม่รู้ หรือจะเป็การฆ่าแกงกันในวัง พวกเราจะถูกฆ่ากันหมด?” ในดวงตาของนางกำนัลคนหนึ่งเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง
“ต่อไปไม่ว่าพวกเราจะทำเื่อะไร ก็อย่าไปตามลำพัง พยายามไปด้วยกันสามคน”
คนในวังพวกนั้นยิ่งพูดก็ยิ่งเพ้อเจ้อ ยิ่งพูดก็ยิ่งรุนแรง หลิวอันกระแอมไอเสียงหนัก เสียงพูดคุยกันของข้าหลวงพวกนั้นถึงได้ค่อยๆ เงียบลง
มู่หรงฉือขยับเข้าใกล้เสิ่นจือเหยียนทันที พูดเสียงเบาข้างหูของเขา “ไปตรวจสอบที่พักของผู้ตายกันเถิด”
เขาพยักหน้า “ผู้ดูแล ข้าอยากจะไปตรวจดูที่พักของผู้ตาย จะสามารถหาคนพาข้าไปได้หรือไม่?”
เห็นพวกเขามีท่าทางใกล้ชิดกันขนาดนี้ มู่หรงอวี้พลันรู้สึกถึงความร้อนรุ่มที่พุ่งขึ้นในอก ยิ่งแดดแรงเท่าไร แสงแดดก็ยิ่งแสบตาจนรู้สึกทนไม่ได้
หลิวอันไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว เขาสั่งให้นางกำนัลคนหนึ่งนำทางพวกเขาไป
มองร่างทั้งสองคนค่อยๆ เดินไปไกลจนสุดท้ายก็ถูกต้นไม้บดบังจนหายลับไป มู่หรงอวี้ถึงได้ดึงสายตากลับมา
แสงแดดยิ่งแยงตาจนแสบอีกแล้ว
....
มู่หรงฉือให้ฉินรั่วกลับไปที่ตำหนักบูรพาก่อน ตลอดทางที่ไปยังโรงซักผ้า มู่หรงฉือก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันต่างๆ นาๆ
ดูเหมือนว่า เื่ราวที่เกิดขึ้น่นี้กับบทเพลงนั้นได้สร้างความหวาดกลัวให้กับคนในวังและประชาชน ไอหมอกดำมืดปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองหลวง
เสี่ยวลู่ผู้ตายเป็ข้าหลวงที่รับผิดชอบการซักผ้า ที่พักจึงเป็บ้านที่อยู่ในเขตโรงซักผ้า
ที่พักของเหล่านางกำนัลมีสองแบบ แบบแรกค่อนข้างใหญ่ สามารถพักได้สิบสองคน อีกแบบคือค่อนข้างเล็ก พักได้เพียงแปดคน เสี่ยวลู่นั้นพักในบ้านพักแปดคน
หวังมามาผู้ดูแลโรงซักผ้าแนะนำส่วนต่างๆ และคนงานอย่างมีน้ำอดน้ำทน ก้มหน้า ยิ้ม โค้งตัวคุกเข่าอย่างเจียมตัว
“เรียกพวกนางกำนัลที่อยู่บ้านพักเดียวกับเสี่ยวลู่มารวมตัวที่หน้าประตูให้หมด”
สั่งเสร็จ มู่หรงฉือก็เข้าไปในห้อง หวังมามารีบไปจัดการทันทีไม่กล้าชักช้า
ภายในห้องไม่ใหญ่มาก มีปล่องไฟสูงสองนิ้ว จากทางตะวันออกไล่ไปยังตะวันตกมีที่นอนแปดที่ กำแพงฝั่งตะวันตกมีตู้เสื้อผ้าหนึ่งหลัง แบ่งออกเป็ตู้เล็กๆ แปดตู้ ให้นางกำนัลวางของ ตรงหน้าเตาไฟหินมีโต๊ะเล็กๆ สองตัว บนโต๊ะวางของกระจุกกระจิกเต็มไปหมด
เสิ่นจือเหยียนเดินไปยังที่นอนของเสี่ยวลู่ สายตากวาดมองไปทั่วทุกที่ ต่อมาก็ไปตรวจสอบตู้
“พบอะไรหรือไม่?” มู่หรงฉือถาม
“ไม่” เขามองไปรอบๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
ตอนนี้เอง หวังมามาก็จัดแจงให้สหายของเสี่ยวลู่เจ็ดคนมายืนเรียงแถวกัน ก่อนจะพูดเสียงดังกังวาน “องค์รัชทายาทกับใต้เท้าเสิ่นมีคำถาม พวกเ้าจงตอบให้ครบถ้วน เข้าใจแล้วหรือไม่?”
ทั้งเจ็ดคนตอบกลับโดยพร้อมเพรียงกัน “เ้าค่ะ”
มุมปากของเสิ่นจือเหยียนยกขึ้นน้อยๆ “พวกเ้าไม่ต้องกังวล ข้าแค่มาสอบถามเหตุการณ์เท่านั้น พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อคืนเสี่ยวลู่พักผ่อนยามใด?”
“พวกหนูฉายปกติแล้วจะพักผ่อนกันตอนยามไห้[2]เ้าค่ะ” นางกำนัลคนหนึ่งตอบ
“หนูฉายจำได้เ้าค่ะ เสี่ยวลู่นอนพร้อมพวกเรา” นางกำนัลอีกคนบอก
“หนูฉายคิดออกแล้ว กลางดึกหนูฉายไปเข้าห้องน้ำมารอบหนึ่ง” นางกำนัลตาเล็กคนหนึ่งกล่าว “หลังจากหนูฉายกลับมาก็เห็นเตียงของเสี่ยวลู่ว่างเปล่าแล้วเ้าค่ะ”
“เ้าจำได้หรือไม่ว่าตอนที่เ้าออกไปเสี่ยวลู่อยู่ในห้องหรือไม่?” เสิ่นจือเหยียนถามต่อ
“จำไม่ค่อยได้เ้าค่ะ ตอนนั้นหนูฉายปวดมากทนไม่ไหว จึงรีบวิ่งออกไป ไม่ได้สังเกตเท่าไร” นางกำนัลที่มีดวงตาเรียวเล็กคนนั้นตอบ
“ตอนนั้นเป็เวลาใด?” มู่หรงฉือมองเสิ่นจือเหยียนทีหนึ่ง ก่อนจะถาม
“หนูฉายเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ น่าจะประมาณเกิงสี่[3]เ้าค่ะ” ใบหน้าของนางกำนัลตาเรียวเล็กแสดงความขอโทษออกมา
“ก่อนเข้านอน เสี่ยวลู่มีท่าทางผิดปกติอะไรหรือไม่?” เสิ่นจือเหยียนถามอีก
“ไม่มีเ้าค่ะ เสี่ยวลู่เหมือนกับตอนปกติ ไปอาบน้ำเสร็จก็กลับมานอน” นางกำนัลคนหนึ่งตอบ “ก่อนนอนยังคุยเล่นกับพวกหนูฉายอยู่สองสามประโยค”
หลังจากนั้น มู่หรงฉือกับเสิ่นจือเหยียนก็ออกมาจากโรงซักผ้า นางเดินไปพูดไป “เปิ่นกงคิดว่า คนที่อยู่เื้ัแค่จับคนมาตามใจชอบแล้วก็ฆ่าทิ้ง เสี่ยวลู่แค่บังเอิญออกมากลางดึกแล้วถูกฆ่า”
เสิ่นจือเหยียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ทว่า เหตุใดคนที่จัดฉากจะต้องแบ่งการจัดฉากปลากินคนที่ในวังกับแม่น้ำลั่วด้วย?”
“คนที่จัดฉากอยากอาจจะอยากสร้างความหวาดกลัวให้มากยิ่งขึ้น? หรืออาจจะ้าให้พวกเราระวังปลากินคน แล้วก็การแย่งชิงแคว้น?” นางคาดเดา
ตอนนี้เอง ที่ดวงหน้าของเสิ่นจือเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล “ถึงพวกเราจะรู้แล้วว่าเพลงกับเื่ราวเหล่านี้ชี้ไปที่คนผู้นั้น แต่พวกเราจะทำอย่างไรได้? จับเขามาให้กรมราชทัณฑ์สอบสวนหรือ?”
เชิงอรรถ
[1] ยามห้า ่เวลา 03.00-05.00 น.
[2] ยามไห่ ่เวลา 21:00-23.00 น.
[3] เกิงที่ 4 เวลา 01.00-02.59 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้