ในตอนนี้เด็กหนุ่มตระกูลเซวียนหยวนทั้งสองก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นนายท่านยังไม่ได้กิน พวกเราจะยังอยู่ทำไมล่ะ จากนั้นพวกเขาก็รีบหันหลังเผ่นไปเซวียนหยวนเผิงเองก็จนปัญญา เขากัดเนื้อแห้งไปคำใหญ่ จากนั้นก็โยนไปให้เซวียนหยวนซยงเฟิงแล้ววิ่งหนีไปราวกับหนีอะไรบางอย่าง
“ก็แค่เนื้อแห้งก้อนเดียว คิดว่าของดีอะไรเสียอีกหลายปีมานี้ฉันไม่เคยให้แกกินเนื้อหรือยังไง” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดพึมพำพลางใช้นิ้วมือหยาบกร้านบี้ไปที่เนื้อแห้งเมื่อเห็นเนื้อแห้งเซวียนหยวนเผิงก็น้ำลายไหลเขาจึงอดไม่ได้ที่จะกัดเนื้อก้อนที่สะอาดๆ ไปคำหนึ่ง
“เ้าสาม ตอนแรกก็ว่าจะยกโทษให้แกตอนนี้ฉันว่าให้แกออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอกสักสองสามปีดีกว่าของอร่อยแบบนี้ยังจะแอบเอาไว้อีก ไม่ได้การ พรุ่งนี้ฉันต้องไปเอาจากพ่อหนุ่มกัวไฮว่หน่อยแล้วเด็กนี่ไม่เลวเลย ไม่เลวเลยจริงๆ” เซวียนหยวนซยงเฟิงเดินถือเนื้อแห้งกลับไปยังห้องใต้หลังคาอย่างเบิกบานใจ
ตอนกลางคืนกัวไฮว่นอนหลับอย่างเต็มอิ่มหมู่บ้านอวิ๋นหัวแห่งนี้ไม่เลวเลยทีเดียว เขาทำให้ห้องนอนของเขาเป็ค่ายรวมิญญาในตอนกลางคือเขาจึงนอนหลับอย่างสบายเพราะเหล่าิญญาเขาจ้องมองไปยังกระถางต้นไม้ที่ห้อยอยู่ในห้องทำให้่เวลาในตอนกลางคืนยาวขึ้นถึงหนึ่งเท่า ทำเอากัวไฮว่อารมณ์ดีเลยทีเดียว
“น้องไฮว่ เมื่อคือนอนหลับดีใช่ไหม ปู่ให้ฉันมาเรียกนายไปกินข้าวน่ะ” เซวียนหยวนเถิงเฟยมาที่บ้านของหูเม่ยเอ๋อร์ั้แ่เช้าเขาไม่รู้หรอกว่าเมื่อคืนกัวไฮว่นอนหลับดีหรือเปล่าเพราะยังไงเมื่อคืนเขาก็นอนไม่เต็มอิ่มหลังจากที่คุณปู่สั่งสอนเขากับพ่อของเขาไปฉาดใหญ่พ่อเขาก็สั่งสอนเขาไปอีกฉาดใหญ่กัน เมื่อผ่านคืนนั้นไป เด็กๆทั้งสองคนก็มาวุ่นวายอยู่อีกหลายชั่วโมง เมื่อเช้าได้นอนเพียงแค่สองชั่วโมงนายท่านก็ให้ตนไปเรียกกัวไฮว่มากินข้าวอีก
“ที่นี่ไม่เลวเลย ผมพักผ่อนเต็มอิ่มมากแต่ดูเหมือนว่าพี่เถิงเฟยจะไม่ได้พักผ่อนดีนะครับ กินนี่สิน่าจะทำให้พี่สบายตัวได้” กัวไฮว่พูดพลางยื่นยาเม็ดสีเขียวขนาดประมาณถั่วเหลืองเม็ดหนึ่งไปให้เซวียนหยวนเถิงเฟย
เซวียนหยวนเถิงเฟยถือยาสีเขียวเม็ดเล็กเอาไว้เหมือนอาหารปลายที่เมื่อก่อนหมู่บ้านอวิ๋นหัวเคยซื้อไว้เลยทว่าเถิงเฟยก็ยังคงยัดเม็ดยาสีเขียวเข้าไปในปาก
“พี่เฟย ขอบตาดำนิดๆ นะ เมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนให้ดีเหรอ” หูเม่ยเอ๋อร์ตื่นั้แ่เช้า เขารู้จักปู่ของตนเองดีในเมื่อเขาเอ็นดูกัวไฮว่ ก็น่าจะมาเรียกให้ไปกินข้าวั้แ่เช้าสุดท้ายก็ได้พบกับเซวียนหยวนเถิงเฟยเข้าจริงๆ
“น้องไฮว่ นายให้ฉันอะไรน่ะ ยังมีอีกหรือเปล่า สบาย สบายจริงๆ เลย” เซวียนหยวนเถิงเฟยพูดด้วยความพออกพอใจ
“กินมากไปไม่ดีกับร่างกายนะ ไว้มีเวลาผมค่อยทำอย่างอื่นให้พี่อีก ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดเสร็จ ทั้งสี่คนก็เดินมุ่งหน้าไปยังโถงรับแขก
“น้องไฮว่ พักผ่อนดีใช่ไหม” เซวียนหยวนเผิงพูดยิ้มๆเขาเจอพวกกัวไฮว่ทั้งสี่คนที่ตรงทางแยก
“อาสาม อาเรียกแบบนี้จะตีสนิทเด็กเหรอ เรียกผมเสี่ยวไฮว่ก็ได้ผมพักผ่อนดีเลย แต่ผมเห็นว่าเมื่อคืนอาไม่ได้พักผ่อนให้ดีหรือว่าเป็เพราะกินเนื้อไป” กัวไฮว่ถามด้วยความยิ้มแย้ม
“เสี่ยวไฮว่ อย่าเพิ่งพูดเื่เนื้อเลย รีบไปกินข้าวเถอะ!” เซวียนหยวนเผิงพูดพลางส่ายศีรษะ เมื่อเขาเห็นเสี่ยวเหว่ยกับหู่จื่อทำท่าลับๆล่อๆ อยู่หน้าประตูโถงรับแขกที่อยู่ไม่ไกล ในใจก็พลันวิตกเกรงว่ามื้อเช้านี่จะไม่สงบเสียแล้ว
“น้องไฮว่ ฉันมาถึงหน้าประตูหมู่บ้านอวิ๋นหัวแล้ว แต่ว่าเข้าไปไม่ได้ออกมากินข้าวด้วยกันหน่อยสิ” กัวไฮว่ได้รับสายจากหลิ่วเยียนทำเอากัวไฮว่ซาบซึ้งใจขึ้นมา ดูทรงแล้วผู้หญิงคนนี้จะทำแผนการอยู่ทั้งคืนจากนั้นก็รีบนั่งเที่ยวบินที่ไวที่สุดมา
“อย่าเพิ่งวางโทรศัพท์นะ ขอฉันบอกกับพวกเขาก่อนเธอเข้ามากินข้าวด้วยกันเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “อาสาม ผู้หญิงของผมอยู่นอกหมู่บ้านอวิ๋นหัวอาให้คนไปรับเธอมากินข้าวเช้าด้วยกันหน่อยสิ”
“เสี่ยวไฮว่ นับวันอาสามยิ่งเคารพเธอขึ้นเรื่อยๆ แล้วล่ะ” เซวียนหยวนเผิงพูดยิ้มๆ “เด็กเวรสองคนนี่มานี่เลย เมียพี่ไฮว่แกอยู่หน้าประตูบ้าน พวกเธอรีบไปรับมากินข้าวที่โถงรับแขกเลย” เซวียนหยวนเผิงพูดกับเซวียนหยวนเวยกับเซวียนหยวนหู่ด้วยเสียงดังจากนั้นเด็กๆทั้งสองก็รีบวิ่งไปหน้าประตูใหญ่หมู่บ้านอวิ๋นหัวด้วยความรวดเร็วราวกับบินไป
“พ่อ ผมผิดไปแล้ว เด็กอยู่ที่นี่ตั้งหลายคน พ่ออย่าชักสีหน้าใส่ผมสิ” เซวียนหยวนเผิงพากัวไฮว่เดินเข้าไปในโถงรับแขกเซวียนหยวนซยงเฟิงมองเซวียนหยวนเผิงด้วยสีหน้ามืดทมึนเซวียนหยวนเผิงเลยพูดด้วยเสียงเบา
“กินข้าวเสร็จก่อนค่อยพูดเื่แก เสี่ยวไฮว่ มานี่ มานั่งทางนี้” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ
“นายท่าน เมียผมอยู่ข้างนอก อาสามให้เสี่ยวเหว่ยกับหู่จื่อไปรับครับ” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม
“งั้นเราก็รอดูสิ เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกัน แต่ว่าผู้ชายแบบเสี่ยวไฮว่น่ะมีเมียหลายคนก็ไม่เป็ปัญหาหรอก เธอว่าเม่ยเอ๋อร์ของเราก็ดีใช้ได้เลยใช่ไหมก็รับไว้สักคนสิ ไม่งั้นก็ให้เชี่ยนเชี่ยนเธอไปด้วยกัน” คำพูดของเซวียนหยวนซยงเฟิงทำเอาเด็กหญิงทั้งสองหน้าแดงก่ำและทำให้เซวียนหยวนเผิงและคนอื่นๆ เบิกตาโพล่ง เป็เมื่อก่อนหากใครอยากรับเมียน้อยเมียของตนก็ต้องตกลงก่อน ทว่าคำพูดของนายท่านกลับมาพูดปฏิเสธ วันนี้นายท่านจะมาไม้ไหนเนี่ย
“เฮอะๆ งั้นผมก็ขอบคุณนายท่านมากนะครับ แต่เื่หาเมียเนี่ยผมต้องกลับไปตามเมียหลวงที่อู่เฉิงก่อนว่าตกลงหรือเปล่าถ้าตกลงแล้วผมจะรับพวกเธอกลับอู่เฉิง” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม
“แค่กๆ เสี่ยวไฮว่ คนที่มานี่ไม่ใช่เมียหลวงเธอเหรอเธอมีผู้หญิงกี่คนกันเนี่ย” เซวียนหยวนเผิงถามเบาๆ
“ไม่กี่คนหรอก รวมพวกเขาก็ยังไม่ถึงสิบคนเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆถึงตอนนี้หลิ่วเยียนก็เดินเข้ามาแล้ว เธอใส่ชุดสุภาพทำเอาเซวียนหยวนเผิงและคนอื่นๆ ต่างก็เบิกตาโพล่งสวย...เมียของเด็กนี่หน้าตาไม่เลวเลย
“นั่งเถอะ คราวนี้เธอได้รับเกียรติมากเลยนะขนาดนายท่านตระกูลเซวียนหยวนยังรอเธอกินข้าวเลย สุดยอดนะ” กัวไฮว่พูดหยอกล้อทำเอาหลิ่วเยียนหน้าแดงก่ำขึ้นมา ตระกูลเซวียนหยวนเป็ตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองหลวง และเธอเองก็ดันมานั่งทานอาหารอยู่ที่นี่
“รบกวนนายท่านด้วยนะคะ” หลิ่วเยียนพูดเบาๆ
“ฮ่าๆ กินข้าวๆ” ในขณะเซวียนหยวนซยงเฟิงพูดคนรับใช้สองสามคนก็เสิร์ฟอาหารบนโต๊ะ
“คุณปู่ อยากกินอะไรเหรอครับ” เซวียนหยวนเถิงเฟยพูดเบาๆ
“พวกแกกินไปเถอะ ฉันจะคุยกับเสี่ยวไฮว่หน่อย” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ “เสี่ยวไฮว่ เมื่อวานเ้าสามให้ให้ฉันกินเนื้อมาหน่อยนึงเหมือนว่าเธอจะเป็คนให้เขาไปนะ รสชาติไม่เลวเลย ยังมีอีกหรือเปล่า ให้ฉันหน่อยสิ”
“ผมก็นึกว่าเื่ใหญ่อะไร ห้องครัวอยู่ไหน เดี๋ยวผมจะไปทำมาให้ทุกคนยังไงก็กินอยู่ฟรีอยู่ที่บ้านตระกูลเซวียนหยวนไม่ได้อยู่แล้ว” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็เดินตามคนรับใช้คนหนึ่งไป
“พี่หลิ่วเยียน ฉันเห็นว่าพี่แก่กว่าพวกเราอีกพี่เป็เมียคนที่เท่าไหร่ของกัวไฮว่เหรอ” เซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่ากัวไฮว่เดินออกไปก็ถามหลิ่วเยียนขึ้นเบาๆ
“อะแฮ่มๆๆ ใครบอกว่าฉันเป็เมียเขา ฉะ...ฉันเป็แค่...” หลิ่วเยียนหน้าแดงก่ำขึ้นกว่าเดิม ทว่าไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเธอบินจากอู่เฉิงมาเมืองหลวงั้แ่เช้า ถ้าไม่ใช่เมียเขาเธอจะรีบมาขนาดนี้ทำไมกัน
“เอาเถอะพี่หลิ่วเยียน เป็เมียน้อยก็ไม่ใช่เื่หน้าอายอะไรสักหน่อยปู่ฉันบอกแล้วล่ะว่าจะให้ฉันกับพี่เม่ยเอ๋อร์แต่งงานกับกัวไฮว่ด้วยเหมือนกันถึงตอนนั้นเราก็เป็ครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” เซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนพูดอย่างไม่อ้อมค้อมทำให้หลิ่วเยียนรู้สึกนับถือ เด็กสาวตระกูลเซวียนหยวนคนนี้นี่ก๋ากั่นเหลือเกิน