ถูกต้อง กระบี่ไน่เหอ
ไน่เหอ กระบี่วิเศษสมบัติล้ำค่าที่สุดของสำนักปาฮวง
แต่ทำไมมันถึงไปอยู่ในมือของมู่กุยอวิ๋นได้ล่ะนี่เป็คำถามที่น่าคิดยิ่งนัก
ซูฉางอันไตร่ตรองอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาได้รับตำแหน่งจอมดาราจากงานหลอมดาว จึงสามารถขออะไรกับสำนักปาฮวงก็ได้หนึ่งประการ
หลงเซี่ยงจวินจะขายฝานหรูเยว่ เขาจึงใช้คำขอนี้แลกตัวฝานหรูเยว่มา
จากนั้น หลงเซี่ยงจวินใช้คำขอนั้นแลกกระบี่เล่มนี้จากสำนักปาฮวง
เดิมที เื่นี้น่าจะจบลงที่ตรงนี้
แต่บัดนี้ กระบี่ไน่เหอกลับอยู่ในมือของมู่กุยอวิ๋น
มู่กุยอวิ๋นเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ในนามขององค์ชายห้าดังนั้นคนที่ให้กระบี่เล่มนี้กับเขา น่าจะเป็องค์ชายห้าสินะ
ดูเหมือนสองเื่นี้จะขาดตัวเชื่อมไป
ซูฉางอันชะงักลงกะทันหัน เขาหันกลับไปมองร่างของผู้คนที่ยืนอยู่ข้างตนอย่างตื่นตะลึง
เซี่ยโหวเซวียน เซี่ยโหวฟ่งอวี้ หลงเซี่ยงจวิน
เขาเบิกตากว้าง ดูเหมือนเขาจะจับใจความสำคัญของเื่นี้ได้แล้ว
หลงเซี่ยงจวินกับเซี่ยโหวเซวียนรู้จักกันมานานแล้วและดูเหมือนทั้งสองจะสนิทกันไม่เบาทีเดียว แต่หากเป็เช่นนี้ เหตุใดเขาถึงขายฝานหรูเยว่ทั้งที่องค์ชายห้าชอบนางมากถึงเพียงนั้น? แล้วเหตุใดงานประมูลยอดบุปผาของหอหมู่ตันถึงถูกจัดและเริ่มขึ้นหลังจากซูฉางอันได้เป็จอมดาราและมาเยือนหอหมู่ตัน?
คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียว คือพวกเขารู้ั้แ่แรกว่าซูฉางอันต้องไปที่นั่นและรู้แต่แรกว่าด้วยนิสัยของซูฉางอัน เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยฝานหรูเยว่เป็แน่
ร่างของซูฉางอันเริ่มสั่นเทาขึ้น ความรู้สึกในตอนนี้ไม่ต่างไปจากเปลือยกายตากลมอยู่ท่ามกลางหิมะเมืองฉางเหมินเลยความหนาวเย็นพุ่งขึ้นมาจากปลายเท้า คืบคลานขึ้นไปเรื่อยๆ เคลื่อนผ่านหน้าท้องแทรกซึมเข้าไปในกระดูก เส้นเื และพุ่งสู่สมองในที่สุด
เขายื่นมืออันสั่นเทาหยิบบางอย่างออกมาจากหน้าอกของตัวเอง
เป็จังหวะเดียวกับที่เซี่ยโหวฟ่งอวี้หันกลับมาพอดี นางมองมายังซูฉางอันทว่าสายตาของนางกลับถูกบางอย่างในมือของศิษย์น้องผู้นี้ดึงดูดไปในพริบตา นางไม่อาจถอนสายตาจากมันได้เลยร่างบางเริ่มสั่นเทาขึ้นอย่างไม่อาจหยุดยั้ง ก่อนหน้านี้ นางหาข้ออ้างมากมายเพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าแต่คำอธิบายเ่าั้ หมดประโยชน์ลงทันทีที่ได้เห็นสิ่งนี้
มันเป็ตราคำสั่ง
เป็ตราที่ทั้งธรรมดาและเก่าแก่เสียเหลือเกิน มีทองคำและหยกชั้นดีเคลือบที่ขอบรอบด้าน
ที่ตรงกลางมีคำว่ากู่ขนาดใหญ่สลักอยู่!
มันเป็ตราที่กู่เซี่ยนจวินให้เขาเมื่อสองวันก่อน เป็ตราที่ตระกูลหลงมอบให้ตระกูลกู่
เซี่ยโหวฟ่งอวี้ก็มีตราเช่นนี้อยู่เช่นกัน แต่ในตอนนั้น นางกลับบอกว่าเป็ตราประจำตระกูลเซี่ยโหว
ทุกเื่ราวได้รับการอธิบายแล้ว
ซูฉางอันเงยหน้าขึ้นสบสายตาที่กำลังหลบเลี่ยงของเซี่ยโหวฟ่งอวี้
“ศิษย์พี่...” เขาอ้าปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาที่เคยใสสะอาดประดุจธารา บัดนี้กลับลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงเขาอยากจะถามบางอย่างออกไป แต่คำพูดเ่าั้กลับติดอยู่ในลำคอ และไม่ว่าพยายามมากเพียงไหนก็ไม่อาจพูดสิ่งที่้าออกไปได้
เขามองไปยังสตรีเบื้องหน้า ผู้ที่เคยอยู่ร่วมกันมานานแรมปีทว่าสุดท้ายเขาได้แต่ถอนหายใจออกมา กลืนถ้อยคำที่อยากถามกลับเข้าไปอีกครา ไม่ได้หมายความว่าเขาให้อภัยนางเขาเพียงรู้สึกว่าในเวลานี้ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี
เปลวเพลิงในดวงตาของเขาค่อยๆ มอดดับลงอีกครั้ง จนในที่สุดสายตาคู่นั้นเหลือเพียงแต่ความเย็นะเืเขาจมเข้าสู่ความเงียบงันในพริบตา ราวดวงิญญาถูกบางอย่างสูบออกไปจากร่างอย่างไรอย่างนั้น
“ฉางอัน...” เซี่ยโหวฟ่งอวี้ขมวดคิ้วมุ่น นางอ้าปากราว้าอธิบายแต่เพียงพริบตาเดียวนางก็ตระหนักได้ว่าตนไม่มีสิทธิ์และไม่อาจอธิบายใดๆ ได้อีกแล้วเพราะทุกอย่างเป็เหมือนที่ซูฉางอันคิดจริงๆ เมื่อเมืองที่หรูหราและงดงามแห่งนี้ยามถอดหน้ากากที่สวมอยู่ออก สิ่งที่ได้เห็นจากมัน เหลือเพียงกลลวง การโกหกและทรยศหักหลังเท่านั้น
ฉางอัน!
ในเมืองหลวงที่คนทั้งปฐีมองว่าเป็เมืองวิเศษแห่งนี้หากก้าวเข้ามาในเมือง จึงจะพบว่าภายใต้เปลือกนอกแสนเรืองรอง แท้จริงแล้ว เป็เมืองที่สร้างขึ้นด้วยเืเนื้อของคนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างหาก
ดุจสัตว์ร้ายที่เร้นกายในราตรีอันแสนมืดมนอย่างเงียบงันเพื่อรอโอกาสกลืนกินทุกคนภายในเมือง
ซูฉางอันเก็บตราคำสั่งกลับเข้าไปในอก แสงเย็นเยียบประกายขึ้นที่ปลายดาบก่อนดาบคมกริบจะถูกเก็บกลับเข้าไปในฝักเขามองเข้าไปในตำหนักที่ทั้งงดงามและเต็มไปด้วยความหรูหราแห่งนี้เป็ครั้งสุดท้าย แล้วเดินออกไปจากตำหนักอย่างเด็ดเดี่ยวและหายเข้าไปในม่านวิกาลแสนมืดมนนอกพระราชวังในที่สุด
ที่แห่งนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป เพราะคุณค่าของเขาถูกใช้จนหมดแล้วดังนั้นไม่มีใครในที่แห่งนี้รั้งตัวเขาเอาไว้อีกต่อไปส่วนเื่ความเป็ความตายของหรูเยี่ยน ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขาอีกต่อไปเขาอ่อนแอเหลือเกิน อ่อนแอจนช่วยหรูเยี่ยนไม่ได้ และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เช่นกัน
ทว่าการต่อสู้ระหว่างเป่ยทงเสวียนกับมู่กุยอวิ๋นยังไม่ได้จบสิ้นลงเพียงเท่านี้
ไน่เหอ เป็กระบี่ที่เก่งกาจสมกับความโด่งดังของมันอย่างแท้จริง
มันหมุนอยู่บนฝ่ามือของมู่กุยอวิ๋น พุ่งออกไปพร้อมกับพลังกระบี่อันรุนแรงและน่าหวาดกลัวไม่ต่างไปจากหมาป่าที่แสนเหี้ยมโหดเป่ยทงเสวียนที่มีระดับพลังแข็งแกร่งกว่ามู่กุยอวิ๋นถึงหนึ่งระดับ กลับถูกพลังกระบี่พุ่งเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่องเล่นงานจนไม่อาจตอบโต้กลับไปได้เพราะพลังทั้งหมดของเขาถูกใช้ไปกับการป้องกันจนไม่มีเหลืออีกต่อไป
แต่แม้เป็เช่นนั้น ใบหน้าของเป่ยทงเสวียนยังคงไร้ซึ่งความรู้สึกดวงตาของเขายังคงนิ่งสงบไม่ต่างไปจากทะเลสาบที่ปราศจากคลื่นแห่งความรู้สึก
เขาเพียงถอยไปหลายก้าว ก่อนกระบี่ยาวที่เปล่งประกายแสงริบหรี่จะพุ่งออกไปทำลายลำแสงแห่งกระบี่หลายระลอกที่พุ่งเข้ามาหาจนสิ้นซากทว่านั่นกลับไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของเขาดีขึ้นเลย เพราะบัดนี้พลังกระบี่ยังคงพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างไม่รู้จบ ราวกับพลังิญญาในร่างของมู่กุยอวิ๋นจะมากจนไม่มีวันหมดลงเช่นนั้น
ฝ่ายหนึ่งกระหน่ำโจมตี ส่วนอีกฝ่ายได้แต่ป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง และเป่ยทงเสวียนถูกสถานการณ์เช่นนี้บีบให้ถอยหลังไปเรื่อยๆจนไปหยุดอยู่ในจุด หนึ่ง... หน้าบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิ
มู่กุยอวิ๋นชะงักฝ่ามือลงในที่สุด หากปล่อยพลังกระบี่ออกไปอีกครั้งแม้นั่นจะบีบให้เป่ยทงเสวียนถอยต่อไปได้ แต่หากเป็เช่นนั้น กระแสแห่งพลังต้องกระจายไปโดนองค์จักรพรรดิเป็แน่ถึงแม้ว่าพลังแค่นี้ย่อมทำอันตรายพระองค์ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าองค์จักรพรรดิที่ยิ่งนับวันก็ยิ่งมีนิสัยประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆจะลงโทษเขาเพราะเื่นี้หรือเปล่า ดังนั้นเขาจึงรู้สึกลังเลไปชั่วขณะ
ทางด้านเป่ยทงเสวียน จู่ๆ เขาก็ปรากฏรอยยิ้มบางๆ ออกมา ทันใดนั้นกระบี่ที่ลอยวนเวียนอยู่รอบๆ พลันส่งเสียงคำรามแห่งกระบี่ขึ้น เพิ่มจำนวนจากหนึ่งเป็เก้าเสียอย่างนั้น
“วิชาเก้าดารา!”เป่ยทงเสวียนเอ่ยขึ้น เพียงเท่านั้น กระบี่ทั้งเก้ากลายเป็ลำแสงแห่งพลังแล้วพุ่งตรงเข้าไปหามู่กุยอวิ๋นทันที
มู่กุยอวิ๋นเบิกตากว้าง เขาตระหนักได้ทันทีว่าตนติดกับที่เป่ยทงเสวียนวางไว้เสียแล้ว
แต่บัดนี้สายเกินกว่าที่จะมานั่งเสียใจแล้ว เขาหัวใจกระตุกวูบพลันกระบี่ไน่เหอในมือก็ะเิแสงสีดำออกมา มู่กุยอวิ๋นร้องคำรามขึ้นและเหวี่ยงกระบี่ในมือเข้าปะทะลำแสงแห่งกระบี่ทั้งเก้าในพริบตา
ในขณะเดียวกัน กระบี่ไน่เหอะเิรังสีแห่งความตายสีดำออกมารุนแรงก่อนรังสีแห่งความตายจำนวนมหาศาลจะรวมตัวเข้าด้วยกัน กลายเป็เงาคล้ายเงาปีศาจและพุ่งเข้าไปปะทะกับลำแสงแห่งกระบี่ทั้งเก้าในที่สุด
ร่างของมู่กุยอวิ๋นไม่ได้หยุดลงเพียงเท่านั้น เขากระทืบเท้าลงบนพื้นดิน พุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วจนคนธรรมดาเห็นเพียงเงาเลือนรางเท่านั้นเขาพุ่งตัวอ้อมลำแสงแห่งกระบี่ที่กำลังจะปะทะกันออกไปแล้วพุ่งตรงเข้าไปหาเป่ยทงเสวียนจากด้านข้างอย่างรวดเร็ว
“ัเหินเวหา!” เขาคำรามขึ้นอีกครั้ง พลันหอกที่ปักอยู่บนพื้นดินจะสั่นไหวขึ้นราวมีชีวิตจิตใจกลายเป็ลำแสงสีแดง แล้วพุ่งเข้ามาอยู่ในมือของเขาอย่างรวดเร็ว
“คำราม!”
เสียงคำรามที่ราวกับัทว่าก็ไม่ใช่ คล้ายเสียงพยัคฆ์ก็ไม่เชิงดังกัมปนาทไปทั่วตำหนักเงาัขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกะทันหัน มันเข้ามาวนรอบหอกในมือของมู่กุยอวิ๋นพลันความรวดเร็วของเขาก็เพิ่มมากขึ้นในพริบตา
เพียงชั่วอึดใจ ปลายแหลมของหอกพุ่งประชิดตัวเป่ยทงเสวียนเสียแล้ว มู่กุยอวิ๋นเผยรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากเป่ยทงเสวียนเป็นักพรตไม่ใช่นักสู้ และสิ่งที่นักพรตถนัด คือการขับเคลื่อนและบังคับอาวุธอันแสนแข็งแกร่งด้วยพลังจิตปริมาณมหาศาลที่มีทว่าเมื่อเผชิญกับการต่อสู้ระยะประชิด ต่อให้เป่ยทงเสวียนมีระดับพลังแข็งแกร่งมากกว่าเขาถึงหนึ่งระดับแต่เขาก็มั่นใจว่าสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้แน่นอน
ซึ่งเป้าหมายของเขาแสดงออกมาชัดเจน เขา้าฆ่าเป่ยทงเสวียน!
เช่นนั้น ปลายหอกจึงพุ่งไปยังหน้าอกของอีกฝ่ายอย่างไม่หลบเลี่ยง
ในที่สุด ดวงตานิ่งสงบราวกับทะเลสาบของเป่ยทงเสวียนได้มีคลื่นแห่งอารมณ์ปรากฏขึ้นหอกอันทรงพลังราวกับัฟ้าของมู่กุยอวิ๋นปิดทางหนีทีไล่ของเป่ยทงเสวียนเอาไว้ทุกทางตอนนี้ เขามีจุดจบเพียงอย่างเดียว คือความตาย
แน่นอน มู่กุยอวิ๋นเองก็คิดเช่นนั้นเขารู้สึกราวมองเห็นภาพของเป่ยทงเสวียนถูกหอกแหกอกจนกลายเป็รูโบ๋และมีเืทะลักออกมาแล้ว
แต่เขากลับรู้สึกตาลายไปชั่วขณะอย่างเฉียบพลัน ร่างของเป่ยทงเสวียนคล้ายจะขยับเขยื้อนไปเล็กน้อยมันเป็การขยับที่รวดเร็วแต่น้อยนิดเหลือเกิน มันเร็วและเล็กน้อยมาก มากจนแทบมองไม่ออกด้วยซ้ำทว่านั่นก็ไม่อาจทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปได้ เพราะสุดท้ายแล้วหอกแหลมของเขาก็ยังแทงลงบนร่างของเป่ยทงเสวียนอย่างจังอยู่ดี
ชายผู้เ็าและสงบราวกับรูปปั้นลอยกระเด็นออกไปเพราะการโจมตีในครั้งนี้พลันมวลเืมหาศาลพุ่งปะทุออกมาจากร่างของเขาราวกลีบดอกไม้ผลิบาน
ผู้คนรอบด้านพากันร้องอุทานด้วยความใ ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเด็กหนุ่มอายุเพียงยี่สิบสองปีผู้นี้จะเอาชนะเป่ยทงเสวียนยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงและครองอันดับบนอันดับผืนฟ้ามาอย่างช้านานได้อย่างเฉียบขาดเช่นนี้
มู่กุยอวิ๋นเก็บหอกในมือ แล้วยืนตระหง่านอยู่กับที่ขณะที่สายตาก็เอาแต่จ้องไปที่ร่างของชายซึ่งบัดนี้ล้มลงไปกองอยู่บนพื้นดินเป็ที่เรียบร้อยอย่างไม่ละสายตา
เขาไม่ได้รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อยเพราะเขาไม่ได้สังหารอีกฝ่ายลงแต่อย่างใด การขยับครั้งสุดท้ายของเป่ยทงเสวียนทำให้เขาหลบการโจมตีที่หมายปลิดชีพของมู่กุยอวิ๋นไปได้อย่างยอดเยี่ยมมาก
แต่สิ่งที่เขารู้สึกไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือด้วยความเร็วที่เป่ยทงเสวียนแสดงออกมาในตอนสุดท้ายแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายสามารถหลบการโจมตีของเขาได้เป็แน่แต่ทำไมเป่ยทงเสวียนถึงไม่ทำเช่นนั้น ทำไมเขาถึงเพียงรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้แต่ยอมพ่ายในการประลองเช่นนี้
มู่กุยอวิ๋นมองไปรอบด้านด้วยท่าทางราวครุ่นคิดบางอย่างและในที่สุดสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่บนร่างของหญิงผู้หนึ่ง
หญิงผู้นั้นน่าจะมีอายุราวสามสิบกว่าๆ ซึ่งแม้บัดนี้ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลาแต่เขาดูออกว่าตอนยังสาว หญิงผู้นี้ต้องสวยมากแน่นอน
บัดนี้ นางกำลังนอนอย่างสงบอยู่ตรงนั้น ราวจมเข้าสู่ห้วงแห่งนิทราไป
มู่กุยอวิ๋นรู้สึกราวว่าเคยได้ยินใครบางคนพูดชื่อของนางมาก่อน
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ในที่สุดก็จำได้เสียที
ชื่อของหญิงผู้นั้น...
“หรูเยี่ยน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้