บทที่ 7 เตรียมอาวุธรับศึกประมูล
สายฝนที่สาดเทลงมาในวันนั้นไม่เพียงแต่ชะล้างฝุ่นผงบนท้องถนนของเมืองซูเหอจนสะอาดเอี่ยม แต่ยังราวกับจะชะล้างความหม่นหมองที่เกาะกินตระกูลหลี่มานานหลายปีให้จางหายไปด้วย
หลังจากกลับมาจากโรงประมูลจินเป่า หลี่ซือซือไม่ได้เอ่ยถึงบุรุษลึกลับใต้ร่มกระดาษน้ำมันให้พี่ชายฟังอีก นางเก็บงำความรู้สึกที่ซับซ้อนและคำถามมากมายไว้ในใจ เพราะนางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาไขว่คว้าหาอดีตที่เลือนราง ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าต่างหากคือสิ่งที่ต้องรับมือเป็อันดับแรก
เมื่อสองพี่น้องกลับมาถึงโรงย้อม สิ่งแรกที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจคือบรรยากาศภายในบ้านที่เปลี่ยนไป
มันไม่ได้เงียบเหงาและอวลไปด้วยกลิ่นสุราอีกต่อไป แต่กลับมีกลิ่นหอมของอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ลอยอบอวลออกมาจากในครัว เมื่อเดินเข้าไปดู พวกเขาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความใ
หลี่เจิ้ง... อดีตปรมาจารย์ผู้เคยจมปลักอยู่กับความสิ้นหวัง บัดนี้สวมผ้ากันเปื้อนกำลังยืนผัดข้าวอยู่หน้าเตาอย่างขะมักเขม้น!
"ท่าน... ท่านพ่อ!?" หลี่เหวินอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา "ท่าน... ทำอาหาร?"
หลี่เจิ้งหันมายิ้มให้ลูกๆ เป็รอยยิ้มที่อ่อนโยนและอบอุ่นอย่างที่พวกเขาไม่ได้เห็นมานานหลายปี "กลับมาแล้วรึ? รีบไปล้างมือเถอะ ข้าวผัดไข่ฝีมือพ่อใกล้จะเสร็จแล้ว"
บนโต๊ะอาหารเก่าๆ มีกับข้าวง่ายๆ วางอยู่สองสามอย่าง: ผัดผักใบเขียว ซุปหัวไชเท้าใส่กระดูกหมู และไข่เจียวฟูฟ่องที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย มันไม่ใช่อาหารเลิศหรู แต่สำหรับสองพี่น้องแล้ว นี่คือภาพที่พวกเขาโหยหามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
‘นี่ข้าฝันไปรึเปล่า? ท่านพ่อกลับมาเป็เหมือนเดิมแล้ว กลับมาเป็ท่านพ่อคนเดิมที่เคยใจดีและเป็เสาหลักให้พวกเรา ซือซือ... ทั้งหมดนี้เป็เพราะเ้าจริงๆ’ หลี่เหวินยืนมองท่านพ่อแล้วน้ำตาคลอ
ระหว่างมื้ออาหารที่เงียบงันแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น หลี่เจิ้งเป็ฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน "แผนการของเ้า ได้ผล" เขากล่าวเรียบๆ ขณะตักซุปใส่ถ้วยให้ลูกสาว "ตอนที่ข้าอยู่ที่โรงน้ำชา ข้าได้ยินพวกเขาพูดคุยกันแต่เื่ผ้าของพวกเรา พ่อค้าบางคนถึงกับมาแอบสอบถามข้าว่าผ้าผืนนั้นจะขายให้พวกเขาเป็การส่วนตัวได้หรือไม่"
"แล้วท่านพ่อตอบไปว่าอย่างไรเ้าคะ?" ซือซือถามพลางเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ
"ข้าตอบไปตามที่เ้าสอน" หลี่เจิ้งกล่าว "ข้าบอกว่า 'ของล้ำค่าที่แท้จริง ย่อมคู่ควรกับผู้ที่เห็นคุณค่าของมันอย่างเปิดเผย' แล้วข้าก็นั่งจิบชาต่อ ไม่พูดอะไรอีก"
"ยอดเยี่ยมเลยเ้าค่ะ!" ซือซือยกนิ้วให้บิดา "นั่นแหละคือท่าทีของปรมาจารย์! ยิ่งเราทำตัวลึกลับน่าค้นหาเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งตีราคาผ้าของเราสูงขึ้นไปอีกในจินตนาการของพวกเขา"
หลี่เหวินที่กำลังจะคีบไข่เจียวชิ้นใหญ่เข้าปากถึงกับชะงัก "เดี๋ยวนะ หมายความว่าการกระทำทั้งหมดของเราั้แ่เมื่อวานจนถึงวันนี้ คือการปั่นราคาผ้าของเราก่อนที่จะถึงวันประมูลอย่างนั้นรึ!?"
"ไม่ใช่แค่ปั่นราคา" ซือซือแก้ไข "แต่เป็การสร้างตำนานให้กับมันต่างหาก พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าเื่ราวแบบไหนที่คนชอบฟังมากที่สุด? ก็เื่ราวของ ของหายาก ของที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ของที่มีที่มาที่ไปอันน่าอัศจรรย์ อย่างไรเล่า"
นางวางตะเกียบลง "ตอนนี้ผ้า ชาดแรกอรุณ ของเราไม่ได้เป็แค่ผ้าฝ้ายย้อมสีอีกต่อไปแล้ว แต่มันได้กลายเป็ สมบัติในตำนานของสกุลหลี่ที่ฟื้นคืนชีพ ในสายตาของคนทั้งเมืองไปแล้วเรียบร้อย"
สองพ่อลูกได้แต่นั่งอึ้งและทึ่งในแผนการที่ซับซ้อนและมองการณ์ไกลของเด็กสาวตรงหน้า
หลังจากมื้อค่ำ บรรยากาศของความเป็ ครอบครัว ก็ได้หวนคืนสู่บ้านสกุลหลี่อย่างแท้จริง หลี่เหวินอาสาไปล้างจาน ส่วนหลี่เจิ้งก็เรียกซือซือให้ตามเขาไปที่ห้องทำงานที่เคยรกร้าง
บัดนี้ห้องทำงานถูกทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง ไหสุราว่างเปล่าหายไปหมดสิ้น บนโต๊ะทำงานมีเพียงกระดาษ พู่กัน และแท่นฝนหมึกวางอยู่อย่างเป็ระเบียบ
"ซือซือ" หลี่เจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "บอกพ่อมาตามตรง เ้าเรียนรู้วิธีการย้อมผ้าแบบนั้นมาจากที่ใดกันแน่? การใช้กากเหล้า การควบคุมไฟ มันคือเคล็ดวิชาที่แม้แต่พ่อก็ไม่เคยรู้มาก่อน"
นี่คือคำถามที่ซือซือเตรียมใจรอรับอยู่แล้ว นางรู้ดีว่านางไม่อาจบอกความจริงเื่การทะลุมิติได้
"ข้า ข้าฝันไปเ้าค่ะ" นางเลือกใช้คำตอบที่ง่ายที่สุดแต่ก็ลึกลับที่สุด "ในวันที่ข้าป่วยหนัก ข้าฝันเห็นท่านแม่ ท่านแม่มาเข้าฝันแล้วสอนทุกอย่างให้ข้า ท่านบอกว่านี่คือสูตรที่ท่านย่าเคยเล่าให้ท่านฟังเมื่อนานมาแล้ว"
คำตอบนี้ทำให้หลี่เจิ้งถึงกับน้ำตารื้น เขายกมือที่สั่นเทาขึ้นลูบศีรษะลูกสาวอย่างแ่เบา "เยว่เอ๋อร์ เยว่เอ๋อร์ ขอบคุณเ้า ขอบคุณที่ยังคอยปกป้องคุ้มครองครอบครัวของเราอยู่เสมอ"
คำโกหกสีขาวของนางได้ผลเกินคาด มันไม่เพียงแต่ไขข้อข้องใจของบิดา แต่ยังช่วยเยียวยาาแในใจของเขาให้ดีขึ้นอีกด้วย
"เอาล่ะ" หลี่เจิ้งสูดหายใจเข้าลึก ปรับอารมณ์ให้กลับมามั่นคง "อีกสองวันจะถึงวันประมูล เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว แม้ว่าผ้าของเราจะงดงามเพียงใด แต่การนำเสนอคือสิ่งสำคัญที่สุด"
เขากางกระดาษแผ่นใหญ่ออกบนโต๊ะ "สิ่งแรกที่เราต้องทำ คือการตั้งชื่ออย่างเป็ทางการให้กับผ้าผืนนี้ 'สีชาดแรกอรุณ' เป็เพียงชื่อที่พ่อเรียกขึ้นมาตามตำนาน แต่เรา้าชื่อที่จับใจและน่าจดจำยิ่งกว่านั้น"
"อย่างที่สอง คือ เื่ราว ของมัน" เขากล่าวต่อ "เราต้องมีคำอธิบายที่บ่งบอกถึงความพิเศษของมัน ไม่ใช่แค่สีที่งดงาม แต่รวมไปถึงกรรมวิธีที่ยากลำบากและวัตถุดิบที่หายาก"
"และอย่างสุดท้ายที่สำคัญที่สุด..." เขาเงยหน้าขึ้นสบตาลูกสาว "คือบรรจุภัณฑ์ ที่จะส่งเสริมให้ของล้ำค่าของเราดูสูงส่งยิ่งขึ้นไปอีก ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ผ้าชั้นเลิศก็ย่อม้าหีบห่อที่คู่ควรเช่นกัน"
วินาทีนั้นเอง จิติญญาของปรมาจารย์หลี่เจิ้งก็ได้หวนคืนกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ!
ซือซือยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ "เื่นั้นข้าเตรียมการไว้แล้วเ้าค่ะท่านพ่อ"
นางเดินกลับไปที่ห้องของตนและกลับมาพร้อมกับหีบไม้เก่าแก่ที่นางค้นพบเมื่อคืนก่อน "ข้าคิดว่า เราจะใช้หีบใบนี้"
หลี่เจิ้งขมวดคิ้ว "หีบเก่าๆ ใบนี้รึ? มันทั้งเก่าทั้งโทรม"
"เปล่าเลยเ้าค่ะ" ซือซือลูบไล้ไปบนผิวไม้ที่สลักเป็ลวดลายเมฆไหลอย่างแ่เบา "นี่คือหีบไม้ จื่อถาน (ไม้จันทน์แดง) ของท่านย่า แม้จะดูเก่า แต่เนื้อไม้ยังคงแข็งแรงและส่งกลิ่นหอมจางๆ แค่เรานำมาขัดสีฉวีวรรณเสียใหม่ มันจะกลายเป็หีบที่งดงามและคลาสสิกที่สุด"
นางเปิดหีบออก เผยให้เห็นผ้าไหมสีขาวบริสุทธิ์ผืนหนึ่งที่นางนำมาวางรองไว้ด้านใน "และนี่คือผ้าไหม 'ปิงหลิง' (ไหมเกล็ดน้ำแข็ง) ที่ท่านแม่เก็บไว้ในหีบส่วนตัวของท่าน เนื้อผ้าบางเบาและเย็นราวกับหิมะ เราจะใช้มันห่อหุ้มผ้าของเราอีกชั้นหนึ่ง"
"ท่านพ่อ สิ่งที่เราจะขายในวันประมูล ไม่ใช่แค่ผ้าผืนหนึ่ง" นางกล่าวด้วยแววตาที่เปล่งประกาย "แต่เรากำลังจะขาย มรดกที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ของตระกูลหลี่ต่างหาก!"
คำพูดของนางทำให้หลี่เจิ้งถึงกับขนลุกซู่! เขามองลูกสาวราวกับเห็นเงาของภรรยาผู้ชาญฉลาดและท่านพ่อผู้ยิ่งใหญ่ซ้อนทับอยู่บนร่างของนาง
"ดี! ดีมาก!" เขากล่าวอย่างตื่นเต้น "เช่นนั้นเื่ชื่อ เ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร?"
สองพ่อลูกช่วยกันระดมสมองอยู่จนดึกดื่น ส่วนหลี่เหวินก็ไม่ได้นิ่งดูดาย เขาออกไปซื้อน้ำมันขัดไม้และอุปกรณ์ต่างๆ มาช่วยขัดหีบไม้เก่าใบนั้นจนขึ้นเงางามราวกับของใหม่
ครอบครัวสกุลหลี่ที่เคยแตกสลาย บัดนี้ได้กลับมาสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกันอีกครั้ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับศึกครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขา
ในขณะเดียวกัน ที่หอการค้าจิ่นอวี้ สาขาเมืองซูเหอที่ตั้งอยู่อย่างโอ่อ่าใจกลางย่านการค้า
เซียวจิ่นเหยียนในชุดผ้าไหมสีดำสนิทกำลังยืนพิงกรอบหน้าต่างมองดูสายฝนที่ยังคงโปรยปรายอยู่ด้านนอก ในมือของเขาถือถ้วยชาที่เย็นชืดแล้ว
"นายท่านขอรับ" ก่วนซื่อ (ผู้จัดการ) คนสนิทโค้งคำนับอยู่เื้ั "เื่ที่คุณหนูสกุลหลี่ไปสร้างกระแสที่หน้าโรงประมูล ข้าน้อยสืบทราบมาหมดแล้วขอรับ ดูเหมือนนางจะจงใจทำเพื่อปั่นราคาสินค้าของตนเอง"
"นางไม่ใช่แค่ปั่นราคา" เซียวจิ่นเหยียนกล่าวเรียบๆ โดยไม่หันกลับมามอง "นางกำลังทอดแห และในแหของนางก็ไม่ได้มีแค่ปลาซิวปลาสร้อย แต่ดูเหมือนว่านางจะรู้อยู่แล้วว่ามีัอย่างข้าแฝงตัวอยู่ด้วย"
"หมายความว่า นางรู้ตัวตนของนายท่านรึขอรับ!?" ก่วนซื่อถามอย่างใ
"ข้าไม่แน่ใจ" เขายกถ้วยชาขึ้นจิบ "แต่สายตาที่นางมองข้าในวันนั้น มันไม่ใช่สายตาของเด็กสาวธรรมดา"
‘นางมองทะลุพลังปราณของข้างั้นรึ? เป็ไปได้อย่างไร? หรือว่านางจะมีวิชาพิเศษอะไรบางอย่าง? และความรู้สึกเชื่อมโยงที่ข้าััได้จากของบางอย่างที่นางพกติดตัว... มันคืออะไรกันแน่?’เซียวจิ่นเหยียนพยายามคิดหาคำตอบ
"แล้ว เื่การประมูลในอีกสองวันข้างหน้า นายท่านจะ..."
"แน่นอนว่าข้าต้องไป" เซียวจิ่นเหยียนวางถ้วยชาลง "ข้าไม่ได้สนใจแค่ผ้าสีแดงนั่น แต่ข้าสนใจตัว คน ที่สร้างมันขึ้นมามากกว่า"
เขายิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
"ไปเตรียมเทียบเชิญสำหรับห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดในโรงประมูลจินเป่าให้ข้า ละครเวทีที่น่าสนใจเช่นนี้ มีหรือข้าจะพลาดชมแถวหน้าสุดได้อย่างไร"