จวงตงเฟิงมองพวกเขา 2 คนผลัดกันสรรเสริญเยินยออย่างสนใจ เพราะมันให้ความรู้สึกผ่อนคลายราวกับดูละครลิงเลยทีเดียว
หลังจากชมกันพอแล้ว เว่ยจิ้นจงจึงหันหน้าไปหาหลี่เฉียนโจวพร้อมพูดขึ้น“ในเมื่อเสี่ยวหลี่มีความมั่นใจขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่เกรงใจแล้วนะฮ่าๆ......”
“ท่านเว่ย เชิญถามครับ”
หลี่เฉียนโจวจงใจปรับท่านั่ง ยืดตัวหลังตรงเพื่อเป็การแสดงออกว่าตนเองให้ความสำคัญกับคำถามที่กำลังจะถามของเว่ยจิ้นจงแต่ความจริงแล้ว เขาก็รู้ดีว่าเว่ยจิ้นจงไม่มีทางถามคำถามยากๆ อยู่แล้วเขาทำท่าทางไปอย่างนั้นเอง
“ถ้าอย่างนั้นขอให้เสี่ยวหลี่ยกตัวอย่างวิธีการทำเครื่องเคลือบปลอมมา20 วิธีพร้อมอธิบายถึงหลักการที่เกี่ยวข้องอย่างสั้นๆ ด้วย”
เว่ยจิ้นจงส่งรอยยิ้มที่ดูไม่มีพิษมีภัยออกมา
อะไรนะ?!
เมื่อคำถามนี้ถูกถามออกมาทุกคนในที่แห่งนี้ต่างอึ้งไปในทันที พวกเขาหันหน้าไปมองเว่ยจิ้นจงอย่างตกตะลึงเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะตั้งคำถามแบบนี้ออกมาได้
หรือว่าเว่ยจิ้นจงจะเปลี่ยนไปแล้ว? เขาไม่ได้สมคบคิดกับเฉินเฟยแล้วหรือ?
หรือว่าพวกเขากลายเป็ศัตรูกันไปแล้ว?
คนอื่นต่างลอบส่ายศีรษะ ไม่เข้าใจจริงๆไม่เข้าใจสองคนนี้จริงๆ
เฮ่อฉางเหอกลับนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจนี่เป็ฉากสุนัขลอบกัดกันที่น่าสนใจจริงๆ ไม่ชมไม่ได้หรอก!
วิธีการทำเครื่องเคลือบปลอม 20 วิธี? หึหึ......
คิดจนสมองะเิก็คงจะหาไม่ครบ 20 วิธีหรอก แล้วยังต้องตอบภายใน 3 นาทีอีกด้วย อ้อ!แล้วยังต้องอธิบายถึงหลักการที่เกี่ยวข้องอย่างสั้นๆ ด้วยนะ
คำถามแบบนี้คงไม่มีใครตอบได้หรอก!
น่าสนใจ น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ!!!
เฮ่อฉางเหอยกถ้วยชาขึ้นมาและค่อยๆ จิบอย่างช้าๆ แต่สายตาของเขากลับกำลังเหลือบมองไปที่ตัวเว่ยจิ้นจงและเฉินเฟย
จวงตงเฟิงและเจี่ยเหวยเกิ่งได้ยินคำถามของเว่ยจิ้นจงแล้วจึงสบตาส่งยิ้มให้กันสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและรู้สึกนึกสนุกหลังจากนั้นพวกเขาจึงทำท่าทางราวกับกำลังชมละครฉากใหญ่เลยทีเดียว
เมื่อได้ยินคำถามของเว่ยจิ้นจงใบหน้ายิ้มของเฉินเฟยก็ชะงักค้างไปทันทีสายตาของเขามีแต่ความตกตะลึงเพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ทำไมถึงได้ถามคำถามนี้ล่ะ ไม่ใช่คำถามปัญญาอ่อนที่ว่า“สามยุคทองในการผลิตเครื่องเคลือบแห่งราชวงศ์ชิงหมายถึงสามยุคสมัยไหน” หรือ?
เฉินเฟยหันหน้าไปหาเว่ยจิ้นจงด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเขาพยายามสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายเผื่อว่าพบอะไรบางอย่างแต่เขาเห็นเพียงมุมปากของอีกฝ่ายยกยิ้มอย่างเยาะเย้ย เมื่อเป็เช่นนี้เขาจึงนิ่งงันไปในทันที
ในใจของเฉินเฟยกำลังคาดเดาถึงเหตุการณ์ที่แสนน่ากลัวสีหน้าของเขาจึงดูแย่มาก
หรือว่าครั้งนี้เขาจะถูกไอ้แก่คนนี้หลอกเข้าแล้ว?
เฉินเฟยตีหน้าขรึม เขาหันหน้าไปถามเว่ยจิ้นจงพร้อมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น“จิ้นจง ดูเหมือนว่าคุณตั้งคำถามผิดนะ!” ขณะที่พูดน้ำเสียงของเขาก็ดูเ็ามากขึ้นเรื่อยๆ
เว่ยจิ้นจงส่งยิ้มเล็กน้อยและพูดตอบ “ผมไม่ได้เป็คนเลอะเลือนสักหน่อยถึงจะได้ตั้งคำถามผิดคำถามนี้แหละถูกต้องแล้ว!”
หลังจากนั้นเขาจึงเบนสายตาหันไปมองหลี่เฉียนโจวผู้ที่ยังมึนงงไม่เข้าใจว่าตอนนี้กำลังเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่และพูดกับอีกฝ่าย “ตอนนี้ผ่านไปครึ่งนาทีแล้ว คุณยังเหลือเวลาอีก 2 นาทีครึ่งที่จะใช้ในการตอบคำถาม”
เมื่อได้ยินคำพูดของเว่ยจิ้นจงหลี่เฉียนโจวพลันตัวสั่นขึ้นมาทันที เขาหันหน้าไปมองอาจารย์ของตนเอง
เฉินเฟยมีสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากนั้นจึงเค้นเสียงพูดออกมา “เว่ยจิ้นจง คุณทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร!”
“ไม่ได้หมายความว่าอะไร นี่คือการทดสอบ พวกเรากำลังอยู่ในการแข่งขันผมมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามแบบไหนก็ได้นะ ตอนนี้เหลือเวลาอีก 2 นาที 20 วินาที!”
เว่ยจิ้นจงเหลือบตามองเฉินเฟยด้วยสายตาเรียบเฉยอยู่ชั่วครู่
“ผมว่าผมก็ดีกับคุณไม่น้อย แล้วทำไมคุณถึงทำผมแบบนี้?”
เฉินเฟยพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำอย่างน่ากลัวสีหน้าของเขาดูเกรี้ยวกราดและแสดงความโหดร้ายทันที
“ยังเหลืออีก 2 นาทีกับอีก 10 วินาที หากไม่ตอบ ผมจะให้คะแนนคุณ 0 คะแนนแล้วล่ะ”
เว่ยจิ้นจงยังคงพูดต่อไป เขาไม่ได้สนใจเฉินเฟยเลยเพราะตอนนี้เขากำลังมีความสุขจากการได้แก้แค้น!
ั้แ่พวกเขาเด็กๆ เื่ร้ายๆทุกเื่ล้วนเป็สิ่งที่เฉินเฟยบอกให้เขาทำ แต่ผลประโยชน์ดีๆทั้งหลายกลับถูกไอ้แก่เฉินเฟยเก็บไว้ทั้งหมด ส่วนความผิดทั้งหมดเขากลับต้องเป็คนรับไว้คนเดียวเขาอุตส่าห์ทนมาตั้งหลายปี ในที่สุดเขาก็มีโอกาสเหยียบไอ้แก่เฉินเฟยได้แล้วตอนแรกเขาไม่ได้คิดว่าจะถึงจุดแตกหักกันเร็วขนาดนี้แต่เมื่อวันก่อนตอนที่หวังเยว่ลูกศิษย์ของเขาเล่าถึงความแล้งน้ำใจของหลี่เฉียนโจวเขาจึงเริ่มเกิดความคิดอยากจะแก้แค้นอีกฝ่ายบ้างและเมื่อความคิดนี้ได้ผุดขึ้นมาเขาก็ไม่สามารถหยุดคิดมันได้เลยหลังจากนั้นความโกรธแค้นที่มีั้แ่เด็กก็ค่อยๆ ทะลักขึ้นมาในสมองของเขา
ความรู้สึกเวลาที่ได้แก้แค้นมันช่างสะใจจริงๆ!
เว่ยจิ้นจงไม่รู้สึกกลัวที่เขาต้องกลายเป็ศัตรูกับอีกฝ่ายในตอนนี้เพราะการที่ไอ้แก่เฉินเฟยต้องคอยรับมือกับเฮ่อฉางเหอเพียงคนเดียวก็เป็เื่ที่ลำบากมากพอแล้วอีกฝ่ายไม่มีทางที่จะเล่นงานคน 2 คนได้ในเวลาเดียวกันอีกทั้งตำแหน่งสถานะในวงการการพิสูจน์เครื่องเคลือบระหว่างพวกเขาก็มีความเท่าเทียมกันเวลานี้ใครจะเป็คนเล่นงานใครก็ยังไม่แน่เลย!
เฉินเฟย คุณคอยรับมือกับการแก้แค้นของผมเว่ยจิ้นจงเถอะ!
ทางด้านเฉินเฟย ตอนนี้เขารู้สึกโกรธแค้นมากมือทั้งสองกำหมัดไว้แน่น ปกติวัยแก่ชราเส้นเืที่มือก็มักจะปูดโปนจนเห็นเด่นชัดอยู่แล้วแต่เวลานี้มือของเขากลับเห็นเส้นเืเด่นชัดมากขึ้นจนดูน่ากลัวเขาถลึงตาใส่เว่ยจิ้นจงอย่างโกรธแค้นหลังจากนั้นจึงหันหน้าไปหาลูกศิษย์ของตัวเองพร้อมกัดฟันพูดขึ้น “ตอบ! คำ! ถาม! สิ!”
ถึงหลี่เฉียนโจวจะโง่ขนาดไหน แต่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงขนาดนี้แล้วเขาก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าเว่ยจิ้นจงและอาจารย์ของตนเป็ศัตรูกันแล้วเขาจึงรีบตอบคำถามของเว่ยจิ้นจงในขณะเดียวกันเขาก็แอบด่าเว่ยจิ้นจงและหวังเยว่อาจารย์ลูกศิษย์คู่นี้อยู่ในใจ่เวลาสำคัญอย่างนี้ยังทำตัวขัดขวางพวกเขาอีก พวกนี้มันสมควรตายจริงๆ!
วิธีการทำเครื่องเคลือบปลอมมา 20 วิธี ผมจะไปหาคำตอบมาจากไหนให้คุณได้ล่ะ!
หลี่เฉียนโจวตอบคำถามด้วยอารมณ์แปรปรวน “ขจัด ‘สีเคลือบจอมปลอม’ ที่อยู่บนผิวเครื่องเคลือบเพื่อให้คนที่มองรู้สึกว่าเครื่องเคลือบชิ้นนี้ดูเก่าแก่โบราณและสวยงามเหมือนของแท้นี่คือสิ่งที่คนทำของปลอมจะต้องคำนึงถึงวิธีการดั้งเดิมที่สุดก็คือการใช้หนังสัตว์ เช่น หนังวัว หนังม้า เอามาเช็ดสีเคลือบภายนอกออกแต่วิธีการทำเช่นนี้ ผู้ที่ทำของปลอมจะต้องออกแรงมหาศาล และใช้เวลาค่อนข้างนานปัจจุบันมีการใช้วิธีแช่สารเคมีในการขจัด ‘สีเคลือบจอมปลอม’ ออก......”
... การทำเครื่องเคลือบปลอมโดยปกติมักจะให้ความสำคัญกับสีเคลือบด้านนอกเป็พิเศษซึ่งภาษาของคนในวงการนี้จะเรียกว่า ‘สีเคลือบจอมปลอม’ เนื่องจากเครื่องเคลือบที่มีคุณภาพดีผิวเคลือบจะใสราวกับน้ำมัน สีเคลือบมีความบริสุทธิ์ ใสกระจ่างเมื่อััด้วยมือจะรู้สึกราวกับกำลังััผ้าต่วนหรือหยกหากกุมเอาไว้จะรู้สึกราวกับมีน้ำมันซึมออกมาให้ความรู้สึกเกลี้ยงเกลาและเนียนละเอียด แต่ก็ดูเรียบง่าย แต่เครื่องเคลือบที่เป็‘สีเคลือบจอมปลอม’ จะถือว่าเป็เครื่องเคลือบระดับกลางและระดับต่ำโดยปกติสีเคลือบแบบนี้จะเกิดจากสัดส่วนในการผสมสีเคลือบไม่เหมาะสมหรืออาจเกิดจากการควบคุมอุณหภูมิในการเผาไม่เหมาะสม ดังนั้นจุดสำคัญในการทำเครื่องเคลือบปลอม คือ สีเคลือบจอมปลอม...
“วิธีการที่ 7 คือ การเผาซ้ำ......”
“หมดเวลา!”เ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ให้ความร่วมมืออย่างดีโดยการะโออกมา
เมื่อสักครู่เขาก็ได้ชมละครฉากใหญ่แล้วในเมื่อเป็ละครฉากใหญ่ เขาจึงไม่มีทางทำให้มันจบลงอย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงะโว่า “หมดเวลา” ออกมา
“เห็นได้ชัดเจนว่าเสี่ยวหลี่มีความจำดีมากมีความรู้หลากหลาย แต่ตอนนี้เวลาไม่พอจริงๆ น่าเสียดาย!”
เว่ยจิ้นจงแกล้งทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียดายออกมา
แต่ความสะใจที่เขาแสดงออกมันก็ทำให้หลี่เฉียนโจวและเฉินเฟยรู้สึกโกรธจัดจนต้องกัดฟันกรอดแต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“ต่อไปผมจะถามคำถามข้อที่ 2 แล้ว หวังว่าเสี่ยวหลี่คงจะไม่ทำให้ผมและอาจารย์ของคุณผิดหวังล่ะต้องพยายามต่อไปนะ!”
เว่ยจิ้นจงพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มหลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็สีหน้าจริงจังพร้อมถามขึ้น“ขอให้คุณพูดถึงขั้นตอนรายละเอียดวิธีการทำเครื่องเคลือบปลอม 20 วิธีเมื่อสักครู่รวมทั้งวิธีการพิสูจน์พวกมัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของทุกคนก็แสดงความตกตะลึงทันที
คำถามนี้มันวิปริตเกินไปหรือเปล่า?!
แต่ก็อย่างว่าคงมีแต่คนวิปริตอย่างเว่ยจิ้นจงถึงคิดคำถามแบบนี้ออกมาได้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้