“ท่านต้องจ้างองครักษ์ให้ข้า มีหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยของข้าแต่เพียงผู้เดียว”
“ไม่ได้!”
ไป๋เหล่าฮูหยินยังไม่ทันเอ่ยอะไร ไป๋หว่านหนิงก็ชิงเดือดดาลไปก่อนเสียแล้ว ไป๋เซี่ยเหออาศัยอะไรกันถึงได้กล้าขอองค์รักษ์เช่นนี้?
หากมีคนคุ้มครองความปลอดภัยของไป๋เซี่ยเหอ นางจะลงมืออีกได้อย่างไร?
ความแค้นที่อีกฝ่ายสังหารมารดาของตนย่อมทำให้พวกนางอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!
“น้องรองจะตื่นเต้นปานนี้ไปไย? โจรตัวน้อยในวันนี้เ้าคงไม่ได้ส่งมาหรอกกระมัง?”
ไป๋หว่านหนิงกำมือแน่นจนมือสั่นอย่างรุนแรง นางสบตาที่ดูสุกใสคู่นั้นของไป๋เซี่ยเหอ ในนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจและภาคภูมิใจ มันดูราวกับมองทุกสิ่งได้ทะลุปรุโปร่งก็ไม่ปาน
นางกำมือแน่นเสียจนเล็บหักอยู่กลางฝ่ามือ ก่อนจะฝืนฉีกยิ้ม “จะเป็ไปได้อย่างไร? ข้าเพียงกลัวว่าเื่นี้จะทำให้ชื่อเสียงของพี่สาวเสื่อมเสียเท่านั้น”
“น่าขัน” ไป๋เซี่ยเหอแค่นเสียงออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง “คุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอกของตระกูลขุนนางใดบ้างที่ไม่มีองครักษ์สักคนสองคนติดตามอยู่ข้างกาย?”
นี่คือสิทธิพิเศษของคุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอกอยู่แล้ว
เพียงแต่ในอดีตนาง ‘ไม่คู่ควร’ ที่จะก็เท่านั้น
“ตกลง ข้ารับปาก”
“เพียงแต่ต้องเป็คนที่ไร้พันธะเท่านั้น”
การตอบรับของไป๋เหล่าฮูหยินอยู่ในความคาดหมายไป๋เซี่ยเหอ
นี่คือจุดที่ลำบากใจของไป๋เซี่ยเหอ แม้ว่าคุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอกของตระกูลขุนนางจะมีองครักษ์กันทั้งหมด ทว่าล้วนแล้วแต่เป็ผู้ที่ไร้พันธะ ไม่ต่างอะไรกับขันทีในวัง
ทว่าเซี่ยถิงคือองครักษ์ของฉินเหลาเหยี่ยที่ให้ฉินจิ่นยวนยืมไปใช้งานเป็ครั้งคราว
ดังนั้นจึงไม่ใช่คนที่ไร้พันธะ
“จวนเซ่อเจิ้งอ๋องส่งคนมา”
เปรียบเทียบกับเื่โจรเมื่อครู่นี้แล้ว ข่าวนี้ต่างหากที่ทำให้ทั่วทั้งจวนสกุลไป๋กลายเป็ไก่บินสุนัขะโ
ผู้คนล้วนซุบซิบกันก่อนจะรุดฝีเท้าไปที่ห้องโถงด้านหน้า
ณ ห้องโถงด้านหน้า
อิ๋งเฟิงในชุดคลุมยาวสีดำมีท่าทีเคร่งขรึมและหยิ่งยโส นี่ทำให้ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของอิ๋งเฟิงแตกต่างกับจิ่วหาน
เมื่ออิ๋งเฟิงมีท่าทีจริงจัง จิตสังหารกับความดุดันก็ฉาบใบหน้าของเขาให้ดูไร้เมตตาและเ็า
ทว่าถึงแม้ใบหน้าของจิ่วหานจะเปื้อนรอยยิ้มยามสังหารคน ความจริงแล้วเขาไม่มีพิษภัย เพียงสังหารคนอย่างไร้ซุ่มเสียงเท่านั้น
แม้ว่าอิ๋งเฟิงจะเป็เพียงผู้ติดตามของฮั่วเยี่ยนไหว ก็ต้องไว้หน้าเขาอยู่หลายส่วน
ถึงอย่างไรตีสุนัขก็ต้องดูเ้าของไม่ใช่หรือ?
“ไม่ทราบว่าใต้เท้ามาที่จวนสกุลไป๋ยามดึกดื่นด้วยเหตุอันใด?”
ไป๋เหล่าฮูหยินมีนิสัยชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ทว่ากลัวคนที่แข็งแกร่งกว่าเสมอมา นางกำลังค้อมตัวในเวลานี้ ส่วนน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความระมัดระวัง
นางลอบเกลียดชังฮั่วเยี่ยนไหวอยู่ในใจ ตนเองไม่มาทว่าส่งผู้ติดตามมาด้วยเจตนาใด? ช่างกระทำการโดยไม่ไว้หน้านางเลย
น่าโมโหนัก!
ทว่าไป๋เหล่าฮูหยินไม่เคยคิดว่าตนเองคู่ควรหรือไม่
หากไม่ใช่เพราะจวนสกุลไป๋ให้กำเนิดไป๋เซี่ยเหอผู้เป็ชายาเซ่อเจิ้งอ๋องในอนาคต เซ่อเจิ้งอ๋องก็เป็ตัวตนที่จวนสกุลไป๋ทำได้เพียงแหงนหน้ามองไปชั่วชีวิตเท่านั้น
“ท่านอ๋องกำลังเสด็จผ่านหน้าประตูจวนสกุลไป๋ จู่ๆ ก็ทรงได้ยินว่ามีโจรอยู่ในเรือนของคุณหนูใหญ่สกุลไป๋ จึงทรงพิโรธนัก”
ท่าทีเอาอกเอาใจของไป๋เหล่าฮูหยินหายไปทันที จบสิ้นแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่คือการซักไซ้เอาความ
ทว่าไป๋เซี่ยเหอที่ยืนอยู่ด้านข้างมีสีหน้าแปลกประหลาด เห็นอยู่ชัดๆ ว่าบุรุษผู้นั้นไม่คิดจะช่วยเหลือนาง ทว่าตอนนี้เขา้าทำอะไรกันแน่?
“การป้องกันของจวนสกุลไป๋ไม่ค่อยดีนัก...”
ข้ออ้างอย่างสุภาพของไป๋เหล่าฮูหยินถูกอิ๋งเฟิงรับ่ต่ออย่างรวดเร็ว “เหล่าไท่ไท่ไม่จำเป็ต้องรู้สึกผิด ท่านอ๋องของพวกเราทรงเป็คนใจกว้างยิ่งนัก”
มุมปากของทุกคนกระตุกอย่างอดไม่ไหว
ใจกว้าง?
เช่นนั้นเหตุใดถึงได้มาซักไซ้เอาความกลางดึก?
แสร้งทำเป็ใจกว้างหรือ?
“ในเมื่อจวนสกุลไป๋ขาดแคลนกำลังคน ส่วนไป๋เซี่ยเหอก็เป็พระชายาในอนาคตของจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเรา เช่นนั้นก็ให้คนของจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเรามาคุ้มครอง”
เขาปรบมือสองครั้ง บุรุษผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาจากนอกประตู
ไม่ใช่เซี่ยถิงแล้วจะเป็ใคร!
ไป๋เซี่ยเหอเลิกคิ้วเล็กน้อย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เซี่ยถิงมีท่าทีผ่อนคลาย เขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเฉยเมย จากนั้นก็ปรี่มายืนอยู่ด้านหน้าของไป๋เซี่ยเหอ “ข้าน้อยเซี่ยถิงคารวะคุณหนูใหญ่สกุลไป๋ขอรับ”
แม้ว่าจะเป็ชายาเซ่อเจิ้งอ๋องในอนาคต ทว่าตอนนี้ยังไม่ได้สมรส เขาจึงเรียกนางว่าคุณหนูใหญ่สกุลไป๋
การปรากฏตัวของเขาราวกับตบหน้าทุกคนด้วยฝ่ามือไร้ลักษณ์
สีหน้าของไป๋หว่านหนิงหมองคล้ำเสียจนบิดเบี้ยวเล็กน้อย มันบิดเบี้ยวด้วยความอิจฉาริษยา “บังอาจ คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่คารวะไป๋เหล่าฮูหยิน!”
อิ๋งเฟิงเหลือบมองไป๋หว่านหนิงอย่างดูแคลน จากนั้นก็มองไป๋เซี่ยเหอที่มีท่าทีสง่างาม
จวนแห่งหนึ่งให้กำเนิดพี่น้องที่แตกต่างกันเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?
“บ่าวไพร่ของจวนเซ่อเจิ้งอ๋องคารวะเพียงนายท่านของจวนเซ่อเจิ้งอ๋องมาแต่ไหนแต่ไร แม้แต่ฝ่าาเองก็ไม่เคยตรัสมากความ แล้วท่านคิดว่าตนเองเป็ใคร?”
อิ๋งเฟิง้าระบายโทสะ!
ฝูเอ๋อร์แทบจะหลุดหัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะเอาใส่ใจคุณหนูนัก
โทสะคุกรุ่นของไป๋หว่านหนิงถูกตอกกลับอย่างแข็งกระด้าง
หากทำให้เซ่อเจิ้งอ๋องขุ่นเคือง ไท่จื่อก็ช่วยนางไม่ได้
ทันใดนั้นนางก็เริ่มรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา
อาศัยอะไร? อาศัยอะไรไป๋เซี่ยเหอถึงมักจะดวงดีปานนี้?
“ท่านอ๋องทรงให้ข้าน้อยมาส่งชุดหวาฝู[1] เชิญตรวจดูขอรับ”
“์! นั่นคือผ้าดิ้นอวิ๋นหรงหรือไม่?”
“ถูกต้อง เป็ผ้าดิ้นอวิ๋นหรงจริงๆ!”
เมื่อเปิดกล่องผ้าสีแดงสดออกมา สีหน้าของไป๋หว่านหนิงก็เปลี่ยนไปทันที
หากบอกว่าก่อนหน้านี้นางอิจฉาริษยา ทว่าชั่ววินาทีที่ได้เห็นผ้าดิ้นอวิ๋นหรงนั้น นางก็มีเพียงความเกลียดชังเสียแล้ว!
ผ้าดิ้นอวิ๋นหรงคือสมบัติชาติที่สี่ปีถึงจะมีออกมาครานึง!
เพื่อที่จะได้รับชิ้นส่วนเล็กๆ ของผ้านี้มาทำผ้าเช็ดหน้า บรรดาสตรีในวังต่างก็ต้องต่อสู้กันเสียจนหัวร้างข้างแตก ทว่าเซ่อเจิ้งอ๋องกลับนำผ้าดิ้นอวิ๋นหรงทั้งผืนมาทำอาภรณ์
ไป๋หว่านหนิงแทบจะกระอักเื นางก็อยากได้เหมือนกัน อาศัยอะไรถึงมอบมันให้นางแพศยาอย่างไป๋เซี่ยเหอ?
อาภรณ์หรูหรางดงามเช่นนี้คู่ควรกับฮองเฮาในอนาคตอย่างนางต่างหาก!
หลังสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของไป๋หว่านหนิง แม้ว่าไป๋เซี่ยเหอจะไม่รู้ว่าผ้าดิ้นอวิ๋นหรงคืออะไร นางก็เดาได้คร่าวๆ ว่ามันเป็ของหายากอย่างยิ่ง
นางเดินมาที่ข้างกล่องผ้า จากนั้นก็ลูบไล้อาภรณ์ที่เรียบลื่นและอ่อนนุ่มนั้นอย่างเบามือ แม้แต่ลายปักยังวิจิตรงดงามไร้ที่ติ
“เหตุใดจู่ๆ จึงได้ส่งชุดให้ข้า?”
เมื่อไป๋หว่านหนิงได้ฟังถ้อยคำนี้ก็แทบโพล่งออกมาว่า ‘หากเ้าไม่้าก็มอบมันให้ข้า’
ทว่าความจริงแล้วสิ่งที่นางทำได้มีเพียงกัดฟันแน่นด้วยความอิจฉาริษยา และเกลียดชัง
“อีกสามวันจะมีงานเลี้ยงในพระราชวัง ท่านอ๋องมีพระประสงค์ให้ท่านสวมชุดนี้ ถึงอย่างไรสถานะในตอนนี้ของท่านก็คือพระชายาเซ่อเจิ้งอ๋องในอนาคต จึงมิอาจแต่งกายซอมซ่อได้ แต่ท่านอ๋องทรงคาดเดาว่า จวนสกุลไป๋ต้องไม่มีชุดที่ดีเช่นนี้เป็แน่ จึงให้ข้าน้อยมาส่งชุดให้ท่านสวมใส่แก้ขัดไปก่อนขอรับ”
ไม่เพียงแต่ไป๋หว่านหนิงเท่านั้น แม้แต่ไป๋เหล่าฮูหยินก็แทบกระอักเืออกมา
ผ้าดิ้นอวิ๋นหรงหรือ?
แม้แต่นางยังไม่เคยได้ยินมันมาก่อนด้วยซ้ำ
ไม่ต้องพูดถึงว่าจวนสกุลไป๋ไม่อาจมีได้ แม้จะเป็ในวังก็หาอาภรณ์ที่ทำจากผ้าดิ้นอวิ๋นหรงไม่พบสักชุด
นึกไม่ถึงว่าจะเป็เพียงการสวมใส่แก้ขัดเท่านั้น
เสียของ เสียของยิ่งนัก!
จู่ๆ ไป๋เซี่ยเหอก็พบว่าเ้าคนปากร้ายอย่างอิ๋งเฟิงก็เป็คนที่กวนอารมณ์เช่นเดียวกัน
“ตกลง ในเมื่อท่านอ๋องทรงเลือกให้ข้าด้วยพระองค์เอง ข้าก็จะทำตามพระประสงค์ของท่านอ๋องแล้วกัน ข้าจะสวมมันแก้ขัดให้พระองค์ทอดพระเนตรเอง”
ไป๋เซี่ยเหอเม้มปากยิ้ม แววตาฉายแววเ้าเล่ห์
อิ๋งเฟิงรู้สึกดีกับไป๋เซี่ยเหออย่างอธิบายไม่ได้ เขาหวังเพียงว่าเ้านายคนใหม่คนนี้จะเอาชนะ ‘ปีศาจจิ้งจอก’ ตัวนั้นในจวนได้ อย่าให้ท่านอ๋องถูกทำร้ายอีกต่อไป
เพลิงริษยาแทบจะแผดเผาไป๋หว่านหนิง นางกำหมัดแน่น ข่มกลั้นความปรารถนาที่จะพุ่งไปฉีกกระชากใบหน้าเปื้อนยิ้มของไป๋เซี่ยเหอ
นางต้องไม่โมโห ไม่โมโห
นางคือฮองเฮาในอนาคต ฮองเฮาผู้เป็มารดาของใต้หล้า
ของดีๆ นางจะไม่มีได้หรือ?
พี่ไท่จื่อจะต้องส่งชุดหวาฝูที่ดียิ่งกว่า สวยยิ่งกว่า และสูงส่งยิ่งกว่ามาให้นางเป็แน่!
------------------------
[1] ชุดหวาฝู หมายถึง เครื่องแต่งกายประจำชาติของชาวฮั่นดั้งเดิม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้