เมื่อเสียงะเิดังขึ้น เย่เฟิงก็รับรู้ถึงคลื่นความร้อนจากด้านหลัง และมันก็ส่งให้เขาลอยออกไปแทบทันที ชายหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่าราชันหั่วยวินเยาที่อยู่เบื้องหน้าจะเป็เพียงหยางเสินแปลงกาย มิน่าพลังถึงได้ลดลง อย่างไรก็ตาม แม้หยางเสินแปลงกายจะถูกทำลาย แต่มันก็สร้างความเสียหายให้กับร่างกายหลักได้
การควบแน่นของหยางเสินคือการใช้แก่นพลังและพลังจากร่างกาย ตอนนี้ร่างหยางเสินของราชันหั่วยวินเยาะเิชีพแล้ว จึงเพียงพอที่จะทำให้ราชันหั่วยวินเยาต้องฟื้นตัวเป็เวลาหลายปีเพื่อฟื้นคืน แน่นอนว่าปัญหาที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเย่เฟิงจะสามารถรอดพ้นจากหยางเสินะเิชีพได้หรือไม่
วิชาเซียนโล่ดาวประกายพรึก!
เครื่องรางกันภัยกำไลจื่อหลิง!
เย่เฟิงปล่อยโล่ดาวประกายพรึกที่เพิ่งฝึกฝนมาได้ไม่นาน โล่พลังชี่สีฟ้าอ่อนเปล่งประกายดั่งดวงดาวล้อมรอบร่างของเย่เฟิงเพื่อปกป้องเขา พร้อมกับเครื่องรางกันภัยกำไลจื่อหลิงที่ถูกกระตุ้นใช้งาน ก่อเกิดลำแสงสีม่วงขวางกั้นระหว่างเย่เฟิงและเปลวเพลิง
พลังป้องกันของกำไล่จื่อหลิงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ที่สำนักอิ่นเซียน เมื่อเผชิญกับแรงะเิก็ยังป้องกันได้สมบูรณ์ไม่เสียหาย แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยางเสินะเิชีพของราชันหั่วยวินเยา สุดท้ายก็ไม่อาจทนได้ไหว
เครื่องรางกันภัยที่โลกเทวะเป็เพียงอาวุธวิเศษระดับล่างคุณภาพต่ำ มันสามารถทนต่อการโจมตีด้วยปืนต่างๆ ในโลกแห่งนี้ แต่หยางเสินะเิชีพของราชันหั่วยวินเยารุนแรงเทียบได้กับแรงะเินิวเคลียร์ จึงเป็เื่ยากที่จะพึ่งพาอาวุธวิเศษนี้เพื่อป้องกัน
ตอนนั้นเอง รูปแบบป้องกันทั้งสองที่เย่เฟิงปล่อยออกมาก็จมอยู่ในทะเลเพลิง
แกรก!
จู่ๆ กำไลจื่อหลิงที่อยู่บนข้อมือเย่เฟิงก็แตกเป็ชิ้นๆ ส่วนโล่ดาวประกายพรึกก็อ่อนกำลังลงอย่างยิ่ง ยับเยินยิ่งกว่าเครื่องรางกันภัยอย่างกำไลจื่อหลิง
ขณะทะเลเพลิงขนาดใหญ่จะแผดเผาเย่เฟิงในไม่ช้า ม่านพลังชี่ของพลังแสงแห่งดวงดาวก็ขวางกั้นอยู่เบื้องหน้าเย่เฟิง
แน่นอนว่าเป็ซูเฟยหยิ่ง
แม้จะเป็โล่ดาวประกายพรึกเหมือนกัน แต่ระดับพลังของทั้งคู่แตกต่างกัน ผลลัพธ์จึงต่างกันชัดเจน แม้ระดับพลังยี่สิบปีของเย่เฟิงจะปล่อยโล่ดาวประกายพรึกได้ แต่พลังชี่เขายังอ่อนกำลัง จึงแข็งแกร่งไม่มากพอ หากเป็ที่โลกเทวะกล่าวได้ว่าเพียงััก็คงสลายไปแล้ว แต่ด้วยระดับพลังหนึ่งร้อยปีของซูเฟยหยิ่ง โล่ที่ปล่อยออกมาจึงต่างไปอย่างสิ้นเชิง หากเปรียบเทียบความสามารถป้องกันภัยแล้ว โล่ดาวประกายพรึกของซูเฟยหยิ่งแข็งแกร่งกว่าของเย่เฟิงเป็ร้อยเท่า!
เช่นเดียวกับผู้ฝึกวรยุทธ์ ระดับพลังหกสิบปีแข็งแกร่งกว่าระดับพลังห้าสิบห้าปีเป็เท่าตัว ระดับพลังเจ็ดสิบปีเมื่อเทียบกับหกสิบปีก็แข็งแกร่งกว่าหนึ่งเท่าตัวเช่นกัน โลกเทวะก็เป็ไปตามกฎเกณฑ์เช่นกัน เพราะระดับพลังที่เพิ่มขึ้น ความแตกต่างไม่ได้อยู่ที่ตัวเลข แต่คือคุณภาพของความสามารถ
ทะเลเพลิงลุกลามโล่ดาวประกายพรึกของซูเฟยหยิ่งและกระจายอย่างต่อเนื่องในพริบตา ทันใดนั้นเปลวไฟก็พวยพุ่งสูงจนแทบจะท่วมเย่เฟิงไปด้วย แต่หลังจากกั้นไว้ครู่หนึ่ง มันก็ไม่อาจฝ่าโล่ดาวประกายพรึกไปได้ พลังะเิอันรุนแรงอ่อนกำลังลงและถูกขวางไว้ได้ในที่สุด
“มานี่!”
ซูเฟยหยิ่งตวาดเบาๆ โบกมือขาวเนียนเล็กน้อย เส้นสีขาวราวหิมะก็พลิ้วตามแรงลมไปยังตำแหน่งของหลงว่านเอ๋อร์และหญิงสาวที่เหลือในทันที พร้อมกับพันม้วนร่างของสามสาวและดึงพวกเธอมา
เมื่อพลังการะเิแผ่กระจายไปยังที่ตั้งของหญิงสาวทั้งสามคน ซูเฟยหยิ่งก็รวบร่างของพวกเธอขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเปลวเพลิงกลืนกิน แต่ขณะที่ร่างของหญิงสาวทั้งสามถูกซูเฟยหยิ่งดึงกลับมา เปลวไฟก็พุ่งออกมาจากใจกลางการะเิอย่างฉับพลันและลามไปถึงจุดที่หญิงสาวทั้งสามอยู่ในพริบตา
“วะฮะฮ่า! มีสาวสวยมากมาย ราชันหั่วยวินเยาอย่างฉันคนนี้ขอรับไว้!”
เสียงคลุ้มคลั่งลอยมา นั่นเป็เสียงหัวเราะน่ากลัวของราชันหั่วยวินเยา พร้อมกับปรากฏแขนเปลวเพลิงพุ่งตรงไปคว้าแขนทั้งสองข้างจื่อเจี้ยนหลานที่อยู่ด้านนอกสุดทันที
“อ๊ะ—”
จื่อเจี้ยนหลานสะดุ้งใจนไม่อาจตอบสนองได้ทันและถูกแขนเปลวเพลิงดึงรั้งอยู่กลางอากาศ
“ฝันไปเถอะ!”
เมื่อเย่เฟิงเห็นดังนั้นก็รีบก้าวเท้าไปทันที
ตึง!
เม็ดยาฟื้นฟูพลังชี่อย่างเร็วถูกเขากลืนลงท้อง จากนั้นโคจรพลังชี่ภายในร่างกายเพื่อใช้กระบี่ไร้ตัวตน!
ร่างของเย่เฟิงพุ่งออกไปใกล้กับจื่อเจี้ยนหลานที่ถูกแขนเปลวเพลิงจับไว้อย่างรวดเร็ว ตวัดกระบี่สีเขียวเข้มในมือออกไปเพื่อตัดแขนเปลวเพลิงทั้งสองข้างที่อยู่กลางอากาศ
อย่างไรก็ตามราชันหั่วยวินเยาดูเหมือนคาดเดาการกระทำของเย่เฟิงออก จึงนำร่างของจื่อเจี้ยนหลานมาขวางแขนเพลิงของตัวเองไว้ เย่เฟิงจึงทำได้เพียงถอนกระบี่กลับมา
หากอาศัยเพียงความสามารถในการต่อสู้ของผู้ฝึกวิถีเซียน เกรงว่าเย่เฟิงจะทำได้เพียงมองจื่อเจี้ยนหลานถูกลากไป แต่โชคดีที่นอกจากทักษะเซียนของผู้ฝึกวิถีเซียนแล้ว เขายังได้ฝึกวรยุทธ์อีกหลายอย่าง
กรงเล็บัขั้นที่สาม!
เมื่อระดับพลังของเขาดีขึ้น กรงเล็บัทั้งสองที่ปรากฏออกมา ก็กลายเป็สีทองสุกสกาว เมื่อใช้ในเวลานี้จึงทำให้ราชันหั่วยวินเยาใ
“จับไว้!”
เย่เฟิงะโ กรงเล็บัข้างหนึ่งคว้าเอวของจื่อเจี้ยนหลานกลางอากาศและกรงเล็บัอีกข้างก็สกัดกั้นแขนเปลวเพลิงทั้งสองอย่างแรง กระโปรงสีม่วงค่อยๆ กลายเป็เถ้าถ่าน เย่เฟิงคว้าร่างบอบบางของจื่อเจี้ยนหลานและดึงกลับสุดแรง ชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีม่วงลุกไหม้ปลิวกระจายในท้องฟ้า เผยให้เห็นผิวขาวเนียนท่ามกลางเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผา เย่เฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมแขน รู้สึกได้ว่าผิวเนียนของเธอกำลังร้อนขึ้นจนอดกังวลไม่ได้
“หลบ”
ในที่สุดเสียงเยือกเย็นของซูเฟยหยิ่งก็ดังมาจากด้านข้าง เธอปกป้องได้เพียงหลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหาน แต่ไม่ทันได้ระวังจื่อเจี้ยนหลาน โชคดีที่เย่เฟิงตาไวและลงมือได้รวดเร็ว
แขนเปลวเพลิงทั้งสองนี้เป็แก่นพลังของร่างหยางเสิน หากหนีรอดไปได้ หยางเสินะเิชีพเมื่อครู่นี้จะทำให้ราชันหั่วยวินเยาเกิดอาการาเ็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ดังนั้นซูเฟยหยิ่งจะต้องไล่ตามให้ได้!
หาก้าปลดปล่อยหยางเสิน ระดับพลังจะต้องบรรลุถึงหนึ่งร้อยปีเท่านั้น ดังนั้นหยางเสินะเิชีพไม่ว่าของใครก็ตาม แรงะเิจะมหาศาลอย่างยิ่ง เวลานี้หยางเสินะเิชีพของราชันหั่วยวินเยาจะต้องพลิกเกาะทั้งเกาะเป็ทะเลเพลิง
วิชาเซียน อาชา์ท่องนภา!
ซูเฟยหยิ่งประทับมือสองข้างเข้าด้วยกัน ปีกอาชา์สีขาวราวหิมะคู่หนึ่งปรากฏที่ด้านหลัง จากนั้นเส้นริบบิ้นสีขาวก็ขยับไหวไปทางเย่เฟิงสี่คนเพื่อพันตัวพวกเขา ััแ่เบาของปีกคู่มีขนของปีกร่วงหล่นลงมา ช่างดูคล้ายราวกับนางฟ้านาง์
ก่อนจะทะยานขึ้นสู่อากาศ!
ทั้งเกาะกลายเป็ทะเลเพลิง แม้แต่สปีดโบตที่พาเย่เฟิงและคนอื่นๆ มาก็ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง หากไม่รีบบินหนีไปล่ะก็ สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติและคนจากกองทัพเรือจะต้องมาสร้างความวุ่นวายแน่
“พวกเธอไปหาที่หลบซะ ฉันจะไล่ตามมันเอง”
ซูเฟยหยิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ตกลง”
เย่เฟิงพยักหน้า ชายหนุ่มรู้ว่าการพาพวกเขาบินไปจะต้องใช้พลังชี่จำนวนมาก ซึ่งเป็ภาระเกินไป
ราชันหั่วยวินเยาาเ็หนักกว่าซูเฟยหยิ่ง อีกทั้งตอนนี้หยางเสินแปลงกายก็ะเิชีพจนาเ็หนักกว่าเดิม ตราบใดที่ซูเฟยหยิ่งหาที่ซ่อนของฝ่ายตรงข้ามพบ เธอก็จะสามารถสังหารมันได้แน่นอน ซึ่งเป็การขจัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ตลอดไป