ทางเดินสู่วัดม่านเมฆคดเคี้ยวและชันขึ้นเรื่อยๆ ตามไหล่เขา บาง่แคบจนต้องเดินเรียงเดี่ยว บาง่มีหน้าผาสูงชันอยู่ข้างทาง นักรบเงาสี่คนนำทางอย่างคล่องแคล่ว ราวกับเกิดและเติบโตบนเส้นทางเหล่านี้
"ชื่อของข้าคือ เสวียนจื้อ" นักรบเงาหัวหน้ากลุ่มแนะนำตัวขณะเดินนำหน้า "ข้าเป็หัวหน้ากองพิทักษ์แห่งวัดม่านเมฆ"
"วัดนั้นมีอายุเท่าไรแล้ว?" หลินเว่ยถาม ขณะพยายามก้าวให้ทันเสวียนจื้อ
"กว่าพันปี" เสวียนจื้อตอบโดยไม่หันกลับมา "วัดม่านเมฆก่อตั้งขึ้นในยุคทีู่เาิเฉิงเริ่มแสดงความผิดปกติครั้งแรก"
"ความผิดปกติ?" เมิ่งหลิงทวนคำ
ลี่จงที่เดินตามหลังพยักหน้า "เื่ที่ข้าเล่าเมื่อคืน ิญญาอนันต์เริ่มปรากฏบนูเานี้มาั้แ่สมัยโบราณ"
เสวียนจื้อพยักหน้า "อาจารย์อู่เชียนก่อตั้งวัดเพื่อศึกษาปรากฏการณ์นี้ และปกป้องโลกจากสิ่งที่อาจหลุดรอดผ่านประตูมิติ"
"ประตูมิติ?" หลิวซินถามอย่างตื่นเต้น
"เ้าจะได้รู้ทุกอย่างเมื่อถึงวัด" เสวียนจื้อตัดบท "เรายังมีทางอีกไกล วันนี้เราจะพักที่ศาลาพักระหว่างทาง มันอยู่อีกไม่ไกล"
ทุกคนเดินต่อไปในความเงียบ หลินเว่ยสังเกตว่ายิ่งพวกเขาขึ้นสู่ที่สูง อากาศยิ่งเย็นลง และหมอกเริ่มปกคลุมหนาแน่น เขาใช้พลัง ชี่ ช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกาย และสังเกตว่าหลิวซินก็ทำเช่นเดียวกัน
พวกเขาเดินมาถึงศาลาพักทรงแปดเหลี่ยมที่ตั้งอยู่บนแท่นหินใหญ่ ศาลามีหลังคาโค้งแบบโบราณ ตกแต่งด้วยลวดลายัและเมฆา มีไฟโคมแขวนอยู่ที่แต่ละมุม ให้แสงสว่างในยามพลบค่ำ
"เราจะพักที่นี่คืนนี้" เสวียนจื้อประกาศ "พรุ่งนี้เช้ามืดเราจะออกเดินทางต่อ"
ขณะที่ทุกคนจัดที่พัก เสวียนจื้อเรียกหลินเว่ยไปคุยเป็การส่วนตัวที่ระเบียงด้านนอก
"ข้า้ารู้มากกว่านี้เกี่ยวกับพลังที่อยู่ในตัวเ้า" เสวียนจื้อเอ่ยตรงๆ "มันเข้ามาได้อย่างไร และเ้าควบคุมมันได้มากน้อยแค่ไหน?"
หลินเว่ยเล่าเหตุการณ์การต่อสู้กับผู้นำติดเชื้อ และอธิบายว่าพลังสีม่วงนั้นเข้ามาในร่างของเขาอย่างไร
"ตอนแรกผมควบคุมมันไม่ได้เลย" เขายอมรับ "แต่ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจมันมากขึ้น ไม่ใช่การต่อสู้แย่งชิง แต่เป็การเต้นรำร่วมกัน"
เสวียนจื้อพยักหน้าช้าๆ "เ้าเรียนรู้เร็ว นั่นคือบทเรียนแรกที่วัดม่านเมฆสอน—การประสานกับพลัง ไม่ใช่การ"
"คุณเคยพบคนที่มีพลังแบบผมมาก่อนหรือ?" หลินเว่ยถาม
"มี แต่น้อยคนที่รอดชีวิต" เสวียนจื้อตอบตรงๆ "ิญญาอนันต์แข็งแกร่งเกินกว่าจิตใจมนุษย์ทั่วไปจะรับได้ มักจะกลืนกินพวกเขาจากภายใน"
"แล้วทำไมผมถึงรอด?"
เสวียนจื้อมองหลินเว่ยอย่างพิจารณา "ข้าไม่แน่ใจ อาจเป็เพราะร่างกายเ้าถูกดัดแปลงมาก่อน หรืออาจเป็เพราะเ้ามีพลัง ชี่ ที่แข็งแกร่งมาแต่กำเนิด นั่นคือสิ่งที่อาจารย์ของเราจะช่วยไขข้อข้องใจได้"
ค่ำนั้น ขณะที่ทุกคนเข้านอน หลินเว่ยออกมานั่งที่ระเบียงศาลา มองดูหมอกที่ลอยเลื่อนไปมาเหนือหุบเขาเบื้องล่าง เขาลองฝึกควบคุมพลังใหม่ สร้างลูกแก้วพลังงานขนาดเล็กในมือ
"ทำได้ดีนี่" เสียงของหลิวซินดังขึ้นจากด้านหลัง เธอเดินมานั่งข้างเขา "คุณเรียนรู้เร็วมาก"
"เหมือนว่ามันเป็สัญชาตญาณ" หลินเว่ยตอบ "เหมือนว่าฉันควรใช้พลังนี้มาตลอด"
หลิวซินมองเขาอย่างครุ่นคิด "คุณลืมความจริงไปหรือเปล่า? พลังนี้มาจากสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์"
"ฉันไม่ลืม" หลินเว่ยปล่อยให้ลูกแก้วพลังงานสลายไป "แต่ฉันจำเป็ต้องเรียนรู้ที่จะใช้มัน ถ้าเรา้าต่อสู้กับสิ่งที่อยู่เื้ัองค์กรเทียนซื่อ"
"ฉันไม่อยากให้คุณสูญเสียความเป็ตัวคุณเอง" หลิวซินพูดเสียงเบา "ฉันเห็นคุณเปลี่ยนไปทุกวัน"
หลินเว่ยเอื้อมมือไปจับมือของหลิวซิน "ฉันยังเป็ฉันอยู่ แค่มีพลังมากขึ้น และฉันจำเป็ต้องมีพลังมากขึ้นเพื่อปกป้องทุกคน"
หลิวซินมองเขานิ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ "แค่สัญญากับฉันว่าคุณจะระวังตัว ฉันไม่อยากเห็นคุณกลายเป็อย่างที่เราต่อสู้ด้วย"
"ฉันสัญญา" หลินเว่ยตอบ แม้จะรู้สึกถึงพลังแปลกปลอมที่แข็งแกร่งขึ้นทุกวันในร่างกายของเขา
เช้าวันรุ่งขึ้น กลุ่มออกเดินทางั้แ่ฟ้ายังไม่สาง พวกเขาเดินขึ้นเขาท่ามกลางหมอกหนาจนแทบมองไม่เห็นทาง ยกเว้นนักรบเงาที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเส้นทางเป็อย่างดี
"สงสัยจังว่านักรบเงาฝึกกันอย่างไร" เมิ่งหลิงกระซิบถามหลินเว่ย "พวกเขาเคลื่อนไหวราวกับิญญา ไร้เสียง"
"นั่นเป็การฝึกฝนพิเศษของวัดม่านเมฆ" ลี่จงตอบแทน "เรียกว่า ว่องไววิถีสายลม เป็การฝึกให้ร่างกายเบาและเคลื่อนไหวเร็วเหมือนลม"
ทันใดนั้น เสวียนจื้อยกมือขึ้นให้ทุกคนหยุด "มีอะไรไม่ชอบมาพากล" เขากระซิบ "มีคนอื่นบนูเานี้"
นักรบเงาคนหนึ่งพุ่งหายเข้าไปในหมอกอย่างรวดเร็ว และกลับมาในเวลาไม่นาน
"ทหารขององค์กรเทียนซื่อ" เขารายงาน "หน่วยลาดตระเวนมุ่งหน้าไปทางวัด พวกมันมีอาวุธหนัก"
เสวียนจื้อสบถเบาๆ "เราต้องเร่งรีบ บางทีพวกมันอาจได้ข่าวการปรากฏตัวของพวกเ้า"
"หรือพวกเขารู้เื่พลังในตัวฉัน" หลินเว่ยเสริม
"เป็ไปได้" เสวียนจื้อพยักหน้า "เส้นทางหลักอาจถูกตรวจสอบ เราต้องใช้เส้นทางลัด"
เขาพาทุกคนแยกจากเส้นทางหลัก มุดเข้าไปในช่องหินแคบและเถาวัลย์รกทึบ เส้นทางนี้ชันและอันตรายกว่า บาง่ต้องปีนขึ้นหน้าผาโดยตรง บาง่ต้องเดินข้ามสะพานเชือกเก่าๆ ที่แกว่งไกวเหนือหุบเหวลึก
หลินเว่ยช่วยเหลือเมิ่งหลิงที่ดูจะลำบากกับเส้นทางนี้มากที่สุด เธอเป็นักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่นักเดินเขา ลี่จงแม้จะชรา แต่กลับคล่องแคล่วราวกับเดินทางบนูเานี้มาทั้งชีวิต
พวกเขาเดินทางอย่างเงียบๆ นานหลายชั่วโมง จนในที่สุดก็มาถึงแนวต้นไม้ใหญ่ที่เรียงรายเป็แถวอย่างผิดธรรมชาติ
"นี่คือแนวรั้วธรรมชาติของวัด" เสวียนจื้ออธิบาย "ถัดจากนี้คือเขตพลังของวัดม่านเมฆ พวกเ้าจะรู้สึกถึงความแตกต่าง"
เมื่อก้าวผ่านแนวต้นไม้ หลินเว่ยรู้สึกราวกับเดินผ่านม่านน้ำที่มองไม่เห็น อากาศเปลี่ยนไป อุ่นขึ้นและใสสะอาดกว่า หมอกบางตาลง เผยให้เห็นท้องฟ้าสีคราม
"รู้สึกไหม?" หลิวซินถามเสียงตื่นเต้น "พลังงานที่นี่..."
"บริสุทธิ์และเข้มข้นอย่างเหลือเชื่อ" หลินเว่ยเสริมให้จบ พลัง ชี่ ในร่างกายเขาไหลเวียนเร็วขึ้น แม้แต่พลังสีม่วงก็ดูจะตื่นตัวขึ้น
พวกเขาเดินต่อไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง จนถึงจุดที่เส้นทางกว้างขึ้นและโล่งขึ้น ในที่สุด หลังจากเลี้ยวผ่านโค้งสุดท้าย วัดม่านเมฆก็ปรากฏตรงหน้า
วัดตั้งอยู่บนแท่นหินธรรมชาติขนาดใหญ่ อาคารหลายหลังทำจากไม้และหินทรายสีขาว หลังคาโค้งแบบโบราณสีแดงเข้ม รายล้อมด้วยแนวกำแพงหิน ด้านหน้าวัดมีประตูใหญ่ทำจากไม้แกะสลักเป็ลวดลายัและเมฆา เสาหินสองข้างประตูสลักอักษรจีนโบราณที่แปลว่า "วัดม่านเมฆ—ที่แห่งการรวมของ์และโลก"
เมื่อพวกเขาเดินเข้าใกล้ประตูวัด นักบวชในชุดสีเทาหลายคนออกมาต้อนรับ นำโดยชายชราท่าทางสง่างามในชุดสีขาวสะอาด เขามีเคราสีขาวยาวและดวงตาสว่างมีประกาย
"ข้าคือ อาจารย์เหลียงซาน หัวหน้าวัดม่านเมฆ" ชายชรากล่าว เสียงนุ่มแต่แฝงพลังอำนาจ "ข้ารอการมาของพวกเ้าอยู่"
"ท่านรู้ล่วงหน้าว่าเราจะมา?" หลินเว่ยถามอย่างประหลาดใจ
อาจารย์เหลียงซานเดินเข้ามาใกล้หลินเว่ย มองดูเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ "ข้ารู้ว่าเ้าจะมาั้แ่พลังในตัวเ้าตื่นขึ้น" เขาเอื้อมมือมาแตะหน้าผากของหลินเว่ยเบาๆ "และตอนนี้ข้ารู้ว่าทำไมเ้าถึงสามารถรับิญญาอนันต์ได้โดยไม่ถูกทำลาย"
"เพราะอะไรหรือ?" หลินเว่ยถาม
"เพราะเ้าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา" อาจารย์เหลียงซานตอบ "เ้าคือส่วนหนึ่งของพวกเขาอยู่แล้ว"
เสียงอึงอลดังขึ้นจากทุกคนที่ได้ยิน แม้แต่นักรบเงาก็แสดงอาการประหลาดใจ
"หมายความว่าอย่างไร?" หลินเว่ยถาม เสียงสั่น
"เข้ามาเถิด" อาจารย์เหลียงซานผายมือไปยังประตูวัด "มีเื่มากมายที่เ้าควรรู้เกี่ยวกับตัวเ้าเอง—และเกี่ยวกับชะตาโลกที่กำลังเปลี่ยนไป"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้