สือเจียงหย่วนรู้สึกอบอุ่นใจอีกครั้ง บะหมี่ตับหมูเส้นหมี่เป็สูตรเฉพาะของอำเภอหลี่ว์ เส้นหมี่ที่ใช้ในส่วนผสมก็เป็สินค้าพื้นเมืองขึ้นชื่อของอำเภอหลี่ว์เช่นกัน เส้นหมี่เหนียวนุ่มกับตับกรอบๆ โรยหน้าด้วยผักชี ต้นหอม และผักชีฝรั่ง รสชาติอร่อยอย่าบอกใคร
แม่ของสือเจียงหย่วนเป็คนอำเภอหลี่ว์ เธอมักทำอาหารจานนี้ให้เขากินเสมอ ดังนั้นพอสือเจียงหย่วนได้กลิ่นหอมคุ้นเคยนี้ เขาก็รู้สึกราวกับอยู่ที่บ้าน
สือเจียงหย่วนรับชามเคลือบมาโดยไม่เกรงใจ แล้วกินอย่างเต็มปากเต็มคำ พอกินเสร็จ เขาก็วางชามลงบนโต๊ะ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเพื่อเช็ดปาก ก่อนเอ่ยถามคังอิงว่า
“ทำไมคุณถึงมาพักที่โฮสเทล? หย่าสำเร็จแล้วใช่ไหม?”
คังอิงสะดุ้งใ เธอมองเขาอย่างระแวดระวังพลางกล่าวว่า “ฉันไม่รู้จักคุณด้วยซ้ำ แล้วคุณรู้เื่ที่ฉันหย่าได้ยังไง?”
เมื่อเห็นสีหน้าสงบนิ่งของคังอิงเปลี่ยนเป็หวาดระแวงและหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย สือเจียงหย่วนก็หัวเราะออกมา เขาอยากแกล้งเธอมากขึ้นอีก
“จนถึงตอนนี้คุณยังไม่รู้เลยว่าผมเป็ใคร ยังกล้าพาผมกลับมาที่นี่อีก งั้นคุณรู้อะไรเกี่ยวกับผมบ้าง? ผมรู้ดีว่าสามีของคุณสอบติดวิทยาลัย แล้วทิ้งคุณไป ปกติเขาก็ไม่ดีกับคุณ เพราะแบบนี้คุณเลยขอหย่ากับเขาใช่ไหม?”
สือเจียงหย่วนพูดเหมือนเขารู้เื่ราวทั้งหมด ทำให้คังอิงใมาก ตอนนี้ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต แถมยังไม่มีแฮกเกอร์อีก ย่อมไม่มีข้อมูลการหย่าร้างของเธอเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตแน่ แล้วผู้ชายคนนี้รู้เื่พวกนี้ได้อย่างไรกัน?
ดวงตาของเธอสั่นไหว ราวกับเพิ่งตระหนักได้ว่าการที่เธออยู่กับผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเพียงลำพังยามค่ำคืนเช่นนี้ ช่างน่ากลัวเพียงใด
พอสือเจียงหย่วนเห็นเธอมีท่าทางหวาดกลัว และถอยหลังหนีราวกวางน้อย เขาก็รู้สึกเสียใจที่แกล้งเธอเกินไปหน่อย จึงรีบอธิบายให้เธอฟังว่า
“ผมล้อเล่นน่ะ อันที่จริง่บ่ายวันนี้ตอนที่คุณกับสามี แล้วก็แม่สามีของคุณอยู่ที่ร้านกาแฟซินซื่อจี้ ผมก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน
แต่ตอนนั้นคุณคงมัวแต่สนใจแต่เื่ของตัวเอง ก็เลยไม่ทันสังเกตเห็นผม ขอโทษด้วยนะครับ ตอนนั้นผมกำลังรอคนอยู่ ก็เลยได้ยินเื่ราวของพวกคุณั้แ่ต้นจนจบ ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังบทสนทนาของพวกคุณจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าคืนนี้จะบังเอิญเจอ แถมคุณยังช่วยชีวิตผมเอาไว้อีก”
คังอิงเพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ที่แท้ก็เป็แบบนี้ คุณทำให้ฉันใมากจริงๆ เมื่อครู่ฉันเกือบจะคิดไปถึงทฤษฎีสมคบคิดแล้วว่า การที่ฉันช่วยชีวิตคุณในวันนี้ เป็แผนของคุณหรือเปล่า?
ว่าแต่คุณไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจ? พวกนั้นตามล่าคุณราวกับจะเอาชีวิต ถ้าคุณอยู่ที่นี่ต่อจะมีอันตรายไหม? คุณไปหลบอยู่ที่อื่นก่อนดีไหม?”
พอสือเจียงหย่วนได้ฟังคำพูดของคังอิง เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า “คุณเป็ห่วงทุกคนแบบนี้หรือครับ?”
คังอิงเห็นว่าั์ตาของเขาวาววับ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เธอจึงส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ แล้วกล่าวว่า
“ก็ไม่เชิงหรอก แต่ฉันบังเอิญเจอคุณในตรอกนั่น แถมยังช่วยชีวิตคุณเอาไว้ ก็เลยคิดว่าจะช่วยให้ถึงที่สุด ไม่งั้นสิ่งที่ฉันทำไปทั้งหมด ไม่เท่ากับเปล่าประโยชน์หรือไง?”
ดูเหมือนสือเจียงหย่วนจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของคังอิง เขาคิดว่าคังอิงเป็คนชอบช่วยเหลือผู้คนมากเกินไป การช่วยเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็ผู้ชายคนอื่นล่ะ? เขาคิดว่าคังอิงเป็คนที่กล้าหาญมากเกินไป เกิดเธอไปช่วยเหลือคนเลวเข้าจะทำอย่างไร? สือเจียงหย่วนยังไม่ได้ตระหนักเลยว่า ตอนนี้เขากำลังจู้จี้จุกจิกมากเกินไป ซึ่งมันไม่ใช่นิสัยของเขาในยามปกติ
เขามองอย่างพินิจพิเคราะห์ ก็พบว่าคังอิงสวมเสื้อยืดสีดำเรียบง่าย กางเกงยีนขาสั้นสีน้ำเงิน และรองเท้าผ้าใบสีแดงขาว การแต่งกายแบบนี้ หากคนอื่นสวมใส่ก็คงดูธรรมดาๆ แต่คังอิงกลับดูอ่อนเยาว์ คล่องแคล่ว และเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต
สือเจียงหย่วนถึงกับไม่อาจละสายตาจากเธอได้ เขาไม่ใช่คนที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างมาก่อน ในเมืองหลวงมีหญิงสาวร่ำรวยจำนวนมากที่อยากจะเข้ามายุ่งกับเขา แต่เขากลับผลักไสพวกหล่อนออกไปอย่างไร้ความปรานี
ในหมู่สาวๆ เ่าั้ ยังมีผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่าทั้งสวยทั้งเก่งอีกด้วย คนอื่นเอาแต่ตามจีบ แต่ไม่เคยได้สมหวัง เพราะสือเจียงหย่วนเห็นพวกหล่อนราวกับหัวกระโหลกสีชมพู [1] เขาคิดว่าพวกหล่อนมักมาวุ่นวายกับเขา ช่างน่ารำคาญจริงๆ
สือเจียงหย่วนเคยลองคบหากับผู้หญิงเ่าั้เพื่อพัฒนา ‘ความรู้สึก’ ตามที่พ่อแม่ของเขา้า แต่พวกผู้หญิงเ่าั้มักจะพูดแต่เื่ไร้สาระ และแสดงความอ่อนโยนจอมปลอม จนสือเจียงหย่วนรู้สึกอึดอัดใจเป็ที่สุด
ดังนั้นปีนี้เขาอายุยี่สิบหกแล้ว แต่ยังไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ในกลุ่มเพื่อนที่เมืองหลวงจึงเรียกเขาด้วยฉายาว่า ‘บุรุษวัชระ’
ความหมายของฉายานี้ก็คือ จิตใจของเขานั้นแข็งแกร่งราวกับเพชร ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ไม่อาจทำให้เขาหวั่นไหวได้ หากเป็ผู้ชายในชนบทแบบนี้อาจถูกเรียกว่า ‘ท่อนไม้’ แต่เนื่องจากฐานะของเขาแตกต่างออกไป เขาเป็คนที่มีเกียรติมากกว่าคนทั่วไป พวกเขาจึงตั้งฉายาให้สือเจียงหย่วนว่า ‘บุรุษวัชระ’
พออายุยี่สิบหกแล้ว ตัวเขาเองไม่ได้ร้อนใจอะไร แต่พ่อแม่ของเขาต่างพากันเป็กังวลแทนเขาจนแทบบ้า กลัวว่าเขาจะคล้อยตามความนิยมแบบตะวันตก กลัวว่าเขาจะไม่สนใจผู้หญิง แต่พวกเขากลับไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ
คังอิงโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจมาหลายปี เธอจึงเชี่ยวชาญในการสังเกตสีหน้าของผู้อื่น เธอรู้ว่าสือเจียงหย่วนน่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แม้ว่าเขาจะดูโทรม แต่เสื้อผ้าที่เขาใส่นั้นกลับสะอาดสะอ้าน หลังจากกินข้าวเสร็จเขายังใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากอีกด้วย ผู้ชายที่ใส่ใจในรายละเอียดแบบนี้หาได้ยากยิ่งนัก
เช่นเดียวกันกับฟู่ซินหลาง ในความทรงจำของเ้าของร่างเดิมนั้น แม้ว่าฟู่ซินหลางจะมีใบหน้าที่ขาวสะอาดดูสุภาพ แต่เขากลับมีนิสัยอย่างหนึ่งคือไม่ชอบอาบน้ำ ่ฤดูร้อนเขาอาบน้ำสามวันครั้ง ส่วน่ฤดูหนาวอาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง ไม่มีใครรู้เลยว่าฟู่ซินหลางที่ดูสะอาดสะอ้านพออยู่ในบ้าน กลับเป็พวกไม่มีสุขลักษณะ
ทันใดนั้นคังอิงก็เริ่มอยากจะสืบเสาะเกี่ยวกับสือเจียงหย่วนมากขึ้น แต่ถ้าเขาไม่เอ่ยปาก เธอก็จะไม่ถาม
พวกเขาสองคนเป็เพียงคนรู้จักที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของกันและกัน พวกเขาบังเอิญได้พบหน้ากัน พรุ่งนี้พวกเขาก็อาจจะลืมเลือนกันไป คังอิงยังต้องกังวลเื่การเช่าบ้านและความเป็อยู่ของตนเองในอนาคต เธอจะไปมีเวลามาศึกษาภูมิหลังของชายแปลกหน้าได้อย่างไรกัน
ทางฝั่งสือเจียงหย่วนที่เหมือนได้รับพลังงานหลังจากกินตับหมูเข้าไป ก็เอ่ยถามคังอิงด้วยความสนใจว่า
“คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าหย่าสำเร็จหรือยัง? ผมดูแล้ว เหมือนคุณจะเตรียมพร้อมกับเื่นี้มากเลยนะ”
“สำเร็จค่ะ ถ้าเขาไม่ยอมหย่า ฉันก็จะส่งหลักฐานการใช้ความรุนแรงในครอบครัวของเขาไปที่วิทยาลัยของเขา แล้วไปแจ้งความด้วย ไม่ว่าตำรวจจะรับเื่ร้องเรียนของฉันหรือไม่ ฉันก็พร้อมทำให้เขาอับอายขายขี้หน้าจนไม่มีที่ยืนในสังคม”
คังอิงเห็นว่าสือเจียงหย่วนรู้เื่ราวั้แ่ต้นจนจบแล้ว เธอจึงไม่ปิดบังอะไรอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นเื่หย่าร้างนี้เป็เื่น่ายินดีสำหรับเธอ เธอยังไม่มีโอกาสได้บอกเื่นี้กับคนอื่นเลย ตอนนี้มีคนที่รู้เื่นี้อยู่ตรงหน้าเธอ เธอก็ระบายความสุขในใจออกมาได้
สือเจียงหย่วนเห็นคังอิงยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยสีหน้ามีความสุข จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “การหย่าร้างไม่น่าจะทำให้มีความสุขได้ไม่ใช่หรือ? ผมเห็นคนส่วนใหญ่ร้องไห้คร่ำครวญกันทั้งนั้น? ทำไมคุณดูมีความสุขนักล่ะ?”
พูดตามตรง ในบรรดาเพื่อนของสือเจียงหย่วนก็มีคนที่หย่าร้างกัน พอหย่าทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงก็ตกอยู่ใน่เวลายากลำบาก ฝ่ายชายก็มักจะดื่มเหล้าอย่างน้อยสามเดือน ส่วนฝ่ายหญิงก็จะกลายเป็อาซ้อเสียงหลิน [2] พูดแต่เื่ของตัวเองให้คนอื่นๆ ฟัง แถมยังเคยมาพูดให้สือเจียงหย่วนฟังด้วยซ้ำ ทำให้สือเจียงหย่วนเห็นผู้หญิงคนนั้นทีไรก็ต้องรีบหนีทุกที
เพราะแบบนี้เขาถึงคิดว่าการหย่าร้างเป็เื่น่าเศร้ามาก นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเห็นคนหย่าร้างแล้วหัวเราะเริงร่าขนาดนี้
เชิงอรรถ
[1] หัวกระโหลกสีชมพู หมายถึงผู้หญิงที่ภายนอกรูปร่างหน้าตาสวยงาม แต่มีจิตใจที่ชั่วร้ายน่ากลัว
[2] อาซ้อเสียงหลิน ตัวละครหลักในเื่สั้นชื่อ “อวยพร” จากหนังสือชุมนุมนวนิยายลำดับที่สองของหลู่ซวิ่น เสียงหลินเป็ตัวแทนกลุ่มคนที่ถูกบีบคั้นจากกฎเกณฑ์ ความเชื่ออันงมงายของระบบศักดินาจีนที่กดขี่ชนชั้นล่าง จนเกิดเป็โศกนาฏกรรม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้