สิ่งที่นางเผชิญกลับไม่ใช่ความเย็นเยียบของคมดาบอย่างที่จินตนาการไว้ มีเพียงเสียงที่ฟังดูห่างไกลและอบอุ่น
“เหวินฮวา เหตุใดเ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
ทั้งแผ่นดินนี้ คนที่เรียกนางว่าเหวินฮวาสามารถนับได้ด้วยปลายนิ้วเท่านั้น
เหวินฮวาคือชื่อตำหนักของนาง
เป็เซียวเหยียนไม่ผิดแน่ เป็เซียวเหยียนจริงๆ!
ตอนนี้เขาเป็ฮ่องเต้ของแคว้นซินหลัว แต่เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่เมืองหยงโจว?
หรือเป็เพราะนางยังตื่นไม่เต็มตา?
ขอบตาของนางเปียกชื้นเล็กน้อย นางถามเบาๆ ว่า “เ้าเป็ใคร?”
เสียงที่ฟังดูมีชีวิตชีวาดังขึ้นอีกครั้ง “สามปีมาแล้วที่ข้าออกจากตำหนักเหวินฮวาคราวนั้น องค์หญิงจำข้าไม่ได้จริงๆ หรือ?”
อวิ๋นจื่ออ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง “เ้า…เ้าคือเซียวเหยียนหรือ?”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนโยนของนาง เขาดูมีความสุขขึ้นเล็กน้อย “ใช่ เหวินฮวาข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าต้องจำข้าได้”
อวิ๋นจื่อเผลอทำมีดสั้นหลุดมือ มันตกลงไปในแขนเสื้อและสร้างาแเล็กๆ ให้กับแขนที่ขาวผ่อง
น้ำตาของนางร่วงหล่นโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มในความมืดทำตัวไม่ถูกทันที
“เหวินฮวา เหตุใดเ้าถึงร้องไห้? หยุดร้องไห้เถิด ข้าอยู่นี่แล้ว”
น้ำตายิ่งไหลรินจากดวงตาของอวิ๋นจื่อ
ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์วางตัวไม่ถูกมากขึ้นไปอีก
เขากอดนางโดยไม่มีคำพูดใดๆ ปล่อยให้น้ำตาของหญิงสาวหยดลงบนอาภรณ์ที่ขาวสะอาดของเขา
เวลาผ่านไปนาน เสียงร้องไห้ของหญิงสาวก็ค่อยๆ แ่เบาลง
คิ้วของนางคลายลง ในค่ำคืนที่มืดมิดนางมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มไม่ชัดเจนนัก แต่เสียงของเขาและการเต้นของหัวใจเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม หมอกควันที่เคยปกคลุมในใจของนางดูเหมือนจะถูกปัดเป่าออกไปแล้ว นางไม่รู้ว่าชาวซินหลัวใส่อะไรลงในถุงหอม แต่นางคิดว่ากลิ่นนี้ช่วยผ่อนคลายได้ดีมาก
ริมฝีปากสีแดงของนางเผยอออกเล็กน้อยขณะที่กล่าวว่า “ไม่ว่าเ้าจะมาที่หยงโจวด้วยสาเหตุใดก็ตาม ข้าแค่อยากจะบอกว่าขอบคุณ”
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้เสียจนทำให้นางรู้สึกสับสน อวิ๋นจื่อดันตัวออกเงียบๆ เพื่อรักษาระยะห่างจากชายหนุ่ม
ชายหนุ่มกล่าวเสียงต่ำ “เหวินฮวาคือชื่อตำหนักของเ้า เ้าช่วยบอกนามของเ้าได้หรือไม่?”
“อวิ๋นจื่อ จื่อที่มาจากปี้จื่อ” หลังจากที่อวิ๋นจื่อกล่าวจบ เขามองหน้านางด้วยดวงตาสีดำที่ทอประกายในแสงจันทร์
คิ้วและดวงตาของเขายังคงชัดเจนและอ่อนโยนเช่นเคย แต่ก็มีร่องรอยของความผันผวนเล็กน้อย เมื่อคิดดูแล้ว การเป็เ้าแผ่นดินแห่งแคว้นซินหลัวนั้นไม่ง่ายเลย
เขาเปิดปากและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ข้า...ข้าเรียกเ้าว่าอาจื่อได้หรือไม่?”
อวิ๋นจื่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบออกไป
ชายหนุ่มที่พบกันเพียงไม่กี่ครั้งจะตกหลุมรักนางั้แ่แรกพบเลยหรือ?
เขามีจุดประสงค์อื่นใช่หรือไม่?
อวิ๋นจื่อมองเขาเงียบๆ ดวงตาของนางมืดลง
สามปีที่แล้ว เหตุผลที่องค์รัชทายาทแห่งซินหลัวมาเยือนอวิ๋นเมิ่งนับว่าเรียบง่ายมาก นั่นคือ พ่ายา
ตอนนั้นเย่เช่อหลานชายวัยสิบสี่ปีของแม่ทัพเจิ้นหนานนำกองทหารหนึ่งแสนนายเอาชนะกองทหารของซินหลัวจำนวนหกแสนนายที่บุกรุกชายแดนโชวโจว ชัยชนะในครั้งนั้นทำให้เย่เช่อมีชื่อเสียงขึ้นมาทันที เย่เซียงเสนาบดีฝ่ายขวาถึงกับถือโอกาสทูลขอราชโองการจากฮ่องเต้ให้บุตรชายตนเข้าเมืองหลวง
ซินหลัวพ่ายแพ้ ดังนั้นจึงส่งองค์รัชทายาทมาที่อวิ๋นเมิ่ง
อย่างไรก็ตาม องค์รัชทายาทจากแคว้นที่พ่ายแพ้ากลับตกเป็เหยื่อในการต่อสู้ของเหล่าสตรีในวังหลัง
เห็นได้ชัดว่าความตั้งใจของซินหลัวคือการส่งองค์รัชทายาทมาเป็ตัวประกันที่อวิ๋นเมิ่ง
สตรีในวังหลังย่อมปูเส้นทางสีทองสู่บัลลังก์ให้โอรสอันเป็ที่รักของตนอยู่แล้ว
น่าเสียดาย องค์รัชทายาทผู้นี้โชคไม่ดีที่ได้พบกับอวิ๋นจื่อผู้เป็องค์หญิงใหญ่แห่งตำหนักเหวินฮวา ซึ่งเป็ที่โปรดปรานของโอรส์ในครานั้น
หลังจากที่องค์หญิงทราบแผนอุบาทว์เช่นนี้ นางก็พยายามเกลี้ยกล่อมเสด็จพ่อให้ปล่อยองค์รัชทายาทแห่งซินหลัวไป หลังจากได้รับอนุญาตให้ออกจากเมืองหลวง นางก็สั่งให้ชางอู๋หลิงคุ้มกันองค์รัชทายาทแห่งซินหลัวจนกว่าอีกฝ่ายจะเดินทางถึงเมืองหลวงของซินหลัว
ย้อนกลับไปในตอนนั้น มีข่าวลือแพร่สะพัดในอวิ๋นเมิ่งว่าองค์หญิงใหญ่ถูกองค์รัชทายาทแห่งซินหลัวปั่นหัวจนเสียสติ
เมื่อคิดถึงเื่นี้ อวิ๋นจื่อก็ได้แต่แอบร้องไห้อยู่ในใจ
บางทีในเวลานั้น ตระกูลโจวอาจเริ่มวางแผนแล้ว เพียงแต่นางยังไม่รู้ตัว
“เหตุใดองค์หญิงต้องขอบคุณข้า? หากปราศจากความเมตตาขององค์หญิงในครานั้น ข้าจะเป็เซียวเหยียนผู้มีทุกอย่างในทุกวันนี้ได้อย่างไร?” เสียงของชายหนุ่มหนักแน่นมาก
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “องค์ชาย...ไม่สิเพคะ วันนี้อาจื่อควรเรียกพระองค์ว่าฝ่าา ถ้าฝ่าาทรงประสงค์จะล้างความอัปยศที่อาจื่อเคยได้รับในอวิ๋นเมิ่ง อาจื่อจะขอบคุณฝ่าามาก”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง อวิ๋นจื่อก็พูดอีกครั้ง “ฝ่าาน่าจะรู้ว่าไม่มีองค์หญิงเหวินฮวาในโลกนี้แล้ว”
หางเสียงของนางสั่นเล็กน้อย
ใช่แล้ว องค์หญิงเหวินฮวาได้หายตัวไปในการก่อฏผลัดเปลี่ยนราชวงศ์
ในใจของอวิ๋นจื่อ ความเศร้าโศกที่ไม่มีวันสิ้นสุดได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
ทันใดนั้นนางก็ตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น
เสียงของเซียวเหยียนนั้นอบอุ่นและหนักแน่น
“ในสายตาของข้า เ้าคือองค์หญิงเหวินฮวาตลอดไป เ้าเข้าใจหรือไม่? ข้าได้เตรียมที่จะแต่งงานกับเ้าแล้ว”
ในความมืดน้ำตาของอวิ๋นจื่อไหลริน
ร่างกายของเซียวเหยียนมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งช่วยให้จิตใจของผู้คนสงบลง อุณหภูมิร่างกายของเขาแผ่ออกมาผ่านทางอาภรณ์ นี่เป็ครั้งแรกที่อวิ๋นจื่อได้ใกล้ชิดกับชายแปลกหน้าที่มีวัยใกล้เคียงกัน หัวใจของนางเต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว อารมณ์ที่พลุ่งพล่านทำให้นางหน้าแดงก่ำ แต่ทว่าเมื่ออยู่ในความมืดเช่นนี้ย่อมเห็นได้ไม่ชัด
หลังจากนั้นไม่นานอวิ๋นจื่อก็หยุดร้องไห้ นางผลักเขาออกอย่างแ่เบา “เหตุใดฝ่าาทรงทำเช่นนี้?”
นางกับเขาเติบโตมาในราชสำนัก จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าการต่อสู้เพื่ออำนาจของวังหลวงเป็เื่ที่คาดเดาไม่ การเคลื่อนไหวอย่างเลินเล่อแม้เพียงน้อยนิดอาจทำให้ทุกอย่างที่เพียรสร้างมาถูกทำลายลงทันที
ลมหายใจอุ่นๆ ของชายหนุ่มยังคงอ้อยอิ่งอยู่ใกล้ใบหูของหญิงสาว
เซียวเหยียนกล่าวว่า “สามปีก่อนข้าไม่อาจพาเ้าไปกับข้าได้ ครั้งนั้นข้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่ตอนนี้ข้ากลับมารับเ้าแล้ว”
อวิ๋นจื่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เซียวเหยียนจะเป็ตัวแปรในคำทำนายหรือไม่?
อุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์ในฤดูหนาวของชายหนุ่มทำให้นางอยากขยับเข้าใกล้เขามากกว่านี้ แต่จู่ๆ คำทำนายเมื่อหลายปีก่อนก็ผุดขึ้นมา
ในที่สุดอวิ๋นจื่อก็ตัดใจและกล่าวว่า “อาจื่อต้องอยู่ที่เมืองหยงโจว”
ชายหนุ่มถามอย่างอบอุ่นว่า “เพราะเหตุใด?”
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “เพราะข้ายังอยากกลับไปที่ตำหนักเหวินฮวาอีกครั้ง”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่
ก่อนที่เซียวเหยียนจะทำลายความเงียบด้วยการกล่าวว่า “ในเมื่อเ้าคิดอย่างรอบคอบแล้ว เช่นนั้นเ้ามีแผนการอย่างไร?”
อวิ๋นจื่อเงียบไปชั่วขณะและกล่าวต่อว่า “ข้าจะแฝงตัวอยู่ที่หอคณิกาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหยงโจว ที่หอจุ้ยฮวนข้าสามารถสร้างฐานอำนาจ เพื่อหวนคืนสู่ราชวงศ์และฟื้นฟูบ้านเมืองของข้า”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “อันที่จริง เ้ามีทางเลือกที่ดีกว่านี้”
อวิ๋นจื่อโพล่งออกมา “อย่างไร?”
ชายหนุ่มกล่าวว่า “แต่งงานกับข้า”
อวิ๋นจื่อเงียบ ท่ามกลางแสงสลัวนางมองเข้าไปในดวงตาสีเข้มของชายหนุ่ม
“หลังจากที่เ้าแต่งงานกับข้า ข้าไม่เพียงจะช่วยเ้าฟื้นฟูราชวงศ์เท่านั้น อวิ๋นเมิ่งและซินหลัวจะยังเป็พันธมิตรกันด้วย”
นี่เป็ข้อเสนอที่เย้ายวนใจเหลือเกิน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้