องค์หญิงจุนหนิงที่ถูกพูดแทงใจดำเช่นนั้น ก็ปิดพระพักตร์และทรงเดินกรรแสงออกไป
ครู่ต่อมา ทุกคนต่างถอนหายใจกันอย่างโล่งอก
ชิงอีมองลงไปยังมือที่ถูกชายหนุ่มจับเอาไว้ ความรังเกียจบนใบหน้าไม่ได้ต่างไปจากตอนที่เซ่อเจิ้งอ๋องมองไปยังองค์หญิงจุนหนิงเลย
“ยังไม่ปล่อยมืออีกหรือไง?”
เซียวเจวี๋ยเหลือบมองนางอย่างเ็าและปล่อยมือ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเช็ดลงบนปลายนิ้ว ราวกับว่าเขาเพิ่งััสิ่งสกปรกมา
ชิงอีเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า “เถาเอ๋อร์เอากะละมังใส่น้ำมาให้ข้า! ข้าอยากจะล้างมือเสียหน่อย!”
ทุกคนเหงื่อแตกพลั่กไปทั่วทั้งหลัง และรู้สึกได้ว่าถึงความแค้นระหว่างเซ่อเจิ้งอ๋องกับองค์หญิงใหญ่...ที่ดูออกจะเด็กน้อยนิดหน่อย
เถาเซียงนำน้ำออกมาด้วยความลำบากใจ ชิงอีเองก็ล้างมือให้เขาเห็นตรงนั้นเลยเช่นกัน
เื่ที่น่าอารมณ์เสียในคืนนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หงุดหงิด เซียวเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่นและี้เีเกินกว่าจะมองไปที่นางอีกครั้ง ในขณะที่เขากำลังจะออกไป
“ช้าก่อน” หลังจากที่ชิงอีล้างมือเสร็จแล้ว ก็ไม่หยิบผ้าเช็ดมือที่ต้านเสวี่ยยื่นให้ นางเดินไปตรงหน้าเขาด้วยมือที่เปียกทั้งสองข้าง “เอาข้าไปเป็ข้ออ้างแล้วคิดจะสะบัดก้นเดินไปเช่นนี้หรือ?”
“สิ่งที่ข้าพูดไปคือความจริงทั้งสิ้น” เซียวเจวี๋ยมองนางด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย รวมไปถึงสีหน้าที่ไม่ได้มีความเยาะเย้ย “หรือท่านคิดว่าตนเองเทียบไม่ได้กับองค์หญิงใหญ่จุนหนิงงั้นหรือ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ชิงอีพูดด้วยนำเสียงปกติ พร้อมกับยิ้มอย่างพึงพอใจ “วันนี้ข้าเพิ่งจะพบว่านางกับท่านช่างเป็คู่์สรรค์สร้าง หากพวกท่านทั้งสองไม่ได้จับมืออยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า พระเ้าคงจะผิดหวัง
ไม่แปลกใจเลยที่เซ่อเจิ้งอ๋องอยากจะถอนหมั้น ในที่สุด ข้าก็เข้าใจถึงเจตนาและความรักอันลึกซึ้งของท่านแล้ว ท่านวางใจเถิด ข้าไม่มีทางไปขัดขวางระหว่างพวกท่านทั้งสองอย่างแน่นอน...”
เซียวเจวี๋ยฟังนางพูดจนจบอย่างไร้อารมณ์ และยิ้มให้โดยไม่แสดงความโกรธใดๆ “งั้นหรือ? เหตุใดข้าฟังแล้วมันเหมือนกับว่าองค์หญิงกำลังหึงเลยล่ะ?”
มือเล็กๆ ที่เปียกทั้งสองของชิงอีแนบลงไปบนหน้าอกของเขา และค่อยๆ เช็ดให้แห้ง นางโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เผยยิ้มอย่างมีเสน่ห์ และดวงตาที่เต็มไปด้วยความเ็า “หึงหรือ? เกรงว่าท่านคงกำลังฝันอยู่เสียมากกว่า”
เซียวเจวี๋ยที่ไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด เขาคว้าเอวเรียวของนางเข้ามา แล้วแนบริมฝีปากไปที่หูของนาง “เช่นนั้นคอยดูแล้วกันว่าตอนสุดท้ายเป็ใครกันที่จะยิ้มออก”
ชิงอีผลักเขาออกไปด้วยสีหน้าเ็า
เซียวเจวี๋ยเหลือบมองนาง พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่ไร้อารมณ์ใดๆ จากนั้นจึงพากลุ่มคนออกไป
เถาเซียงและต้านเสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล คิดว่าชิงอีต้องโกรธอีกครั้งเป็แน่ ทว่า ไม่คาดคิดว่านางจะแค่สะบัดมือ และสั่งให้พวกนางไปทำความสะอาดในลานบ้าน
ส่วนตนเองก็กลับไปที่ห้อง เมื่อชิงอีหันกลับมาก็เห็นชิวอวี่ที่ยังคงเดินตามอยู่ข้างหลัง นางเลิกคิ้วขึ้น “มีอะไรอีกหรือไม่?”
ชิวอวี่กัดริมฝีปากมองไปที่นาง และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นจึงถามว่า “ท่าน...ท่านคือองค์หญิงตัวจริงใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ิญญาของชิงอีที่ออกจากร่างที่เขาเห็นก่อนนั้นแตกต่างจากรูปลักษณ์ในตอนนี้ไปอย่างสิ้นเชิง!
“ถ้าข้าบอกว่าไม่ เ้าจะทำเช่นไร?”
ชิวอวี่ที่ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
เดิมทีเขาก็ไม่ได้ชื่นชอบองค์หญิงฉู่ชิงอีท่านนั้นอยู่แล้ว นางทั้งโง่เขลา ทั้งไร้ประโยชน์ ส่วนคนในตอนนี้...แม้ว่าจะเป็เ้านายที่เอาใจยาก ทว่า ในเวลาเพียงสั้นๆ ชิวอวี่กลับชื่นชมนางออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ฝีมือร้ายกาจ นิสัยไม่ดี จู้จี้จุกจิก ทว่า...สิ่งเหล่านี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น หากเธอมีใจแข็งกระด้างอย่างหน้าตาหรือเป็คนชั่วละก็ เหตุใดนางถึงต้องให้เ้าแมวอ้วนไปช่วยเหล่าขอทานพวกนั้นล่ะ?
“ข้า...ก็ไม่รู้เหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ”
ชิงอีมองมาที่เขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบแมวอ้วนขึ้นมาโยนไปหาเขา “มีเื่อะไรก็ถามเขา อย่ารบกวนเวลาพักผ่อนข้า”
คนหนึ่งคนและแมวหนึ่งตัวถูกไล่ออกไปนอกประตู
ชิวอวี่ที่อุ้มเ้าแมวเอาไว้ หลังยืดตรงแข็งทื่อ เขายังไม่ลืมสิ่งที่เพิ่งเข้าไปในร่างของเ้าแมวตัวนี้
ตาเล็กๆ ของเ้าแมวอ้วนเหลือบมองไป ช่างโง่เขลาเสียจริง ยังยืนบื้ออยู่หน้าประตูทำไมอีก?
ชิวอวี่รีบอุ้มเ้าแมวไปหาที่ที่ไม่มีคน สายตาทั้งสองประสานกัน
“ไอ้หนู มาคุยกันเถอะ อยากรู้อะไรบ้างล่ะ?” อย่างไรก็ตามคนผู้นี้ก็เห็นร่างจริงของพวกเขาแล้ว เ้าแมวอ้วนจึงไม่จำเป็ต้องปิดบังอะไรอีก
ถึงแม้จะรู้ว่ามันพูดภาษามนุษย์ได้ ก็อดไม่ได้ที่จะขนหัวลุกอยู่ดี “พวกท่าน...ไม่สิ ท่านกับนางมาจากที่ไหนกันแน่? แล้วองค์หญิงตัวจริงอยู่ที่ไหน?”
“ตายไปแล้ว”
สีหน้าของชิวอวี่เปลี่ยนไปทันที “ถูกพวกท่านฆ่างั้นเหรอ?”
เ้าแมวอ้วนกลอกตา “ฉู่ชิงอีตัวจริงโง่ขนาดนั้น เ้าคิดว่าพวกเราเป็คนทำร้ายนางหรือไร?”
ชิวอวี่พยักหน้า นั่นมันก็จริง
“เช่นนั้นที่นางอยู่ในร่างขององค์หญิงใหญ่ ้าที่จะทำอะไรกันแน่?!”
“อย่ากังวลไปเลย ไอ้หนู พวกเราแค่ขึ้นมาทำงาน เ้านี่โชคดีไม่เบาเลยนะ ที่วันนี้ได้เห็นนางกับข้าในร่างที่แท้จริง”
เมื่อชิวอวี่นึกไปถึงเขาที่สวมเสื้อคลุมของผู้พิพากษาสีแดงก่อนหน้านั้น ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “หรือว่า...พวกท่านคือผีงั้นหรือ?”
เ้าแมวอ้วนที่เกือบยกอุ้งเท้าข่วน “ผีบ้าผีบอเ้าสิ! ข้าคือกุ่ยเซียน[1]! กุ่ยเซียนไง ไม่เข้าใจหรือไง! ข้ามีตำแหน่งอย่างเป็ทางการในปรโลก เป็ผู้พิพากษาเสื้อคลุมแดงที่เคร่งขรึม เ้ายังจะกล้าพูดว่าข้าเป็ผีอีกไหม? รอให้เ้าตายก่อนเถอะ คอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะจัดการกับเ้าอย่างไร!”
เมื่อชิวอวี่ได้ยินมันพูดแบบนี้ กลับไม่ได้มีความกลัวเหมือนก่อนหน้า “ท่านคือผู้พิพากษาหรือ? เช่นนั้นท่านที่อยู่ในร่างองค์หญิงใหญ่ตอนนี้ก็เป็หนึ่งในพญามัจจุราชหรือไม่?”
“ใช่แล้ว ในชีวิตนี้ได้เห็นพญามัจจุราชด้วยตาของตนเองเลยนะ มีความสุขหรือไม่ล่ะ? ตื่นเต้นมากเลยใช่ไหม?”
ชิวอวี่ที่รู้สึกว่าการยิ้มนั้นยากยิ่งกว่าร้องไห้ เขาตื่นเต้นมากจนอยากจะร้องไห้ออกมา
“เช่นนั้นนาง...เป็พญามัจจุราชอะไรหรือ?” ชิวอวี่กลืนน้ำลาย
เ้าแมวอ้วนหัวเราะคิกคักและมองมาที่เขาอย่างมีเลศนัย “ก็เป็คนที่ถูกเ้าด่าว่าน่าเกลียดคนนั้นไง...”
ถูกเขาด่างั้นหรือ เขาจะไปกล้าด่าพญามัจจุราชได้อย่างไรกัน?
ไม่สิ... จู่ๆ ชิวอวี่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ พร้อมกับเหงื่อที่แตกพลั่กลงมา
ดูเหมือนเขาจะ...เคยด่าจริงๆ ...
“พญา...พญามัจจุราชน้องสาว?”
...
เมื่อเซียวเจวี๋ยกลับมาถึงที่พักทางฝั่งใต้ เขาก็ขมวดคิ้วอย่างหมดความอดทนเล็กน้อย
การมาของฉู่จุนหนิงนั้นเป็ปัญหาจริงๆ
“าา ้าให้กระหม่อมไปขอให้องค์หญิงใหญ่จุนหนิงออกไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ฉู่สือพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เซียวเจวี๋ยส่ายหน้า “ปัญหาเล็กน้อย อย่าทำให้คนอื่นสงสัยขึ้นมาเลย”
หากฉู่สือใช้พลังโดยไม่ตั้งใจ ชิงอีต้องสังเกตเห็นอย่างแน่นอน และถ้าอยากจะไล่ฉู่จุนหนิงไป ก็ต้องพึ่งพาแค่วิธีการของทางโลกมนุษย์เท่านั้น
ฉู่สือดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “แค่ชิงอีคนเดียวก็น่ารำคาญพอแล้ว ตอนนี้ยังจะมีฉู่จุนหนิงอีก! จริงๆ เลย...” เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี คงต้องโทษาาที่ทรงเสน่ห์แรงเกินไปสินะ?
เขาเองก็กลัวว่าจะถูกาาฆ่าเสียก่อนนะสิ
ขณะเดียวกัน หลิงเฟิงก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก “องค์หญิงใหญ่มาแล้วหรือ? พระเ้า เหตุใดนางถึงได้ตามมาถึงที่นี่กันนะ!” ก่อนหน้านั้นมีจดหมายจากูเาด้านหลังว่าเกิดเื่ผิดปกติขึ้นเล็กน้อย เขาเลยขึ้นไปตรวจสอบ จึงทำให้พลาดฉากเด็ดไป
ฉู่สือกลอกตามองเขา เ้าโง่นี่หาเื่ถูกตีจริงๆ
“เกิดอะไรขึ้นบนูเาด้านหลัง?”
หลิงเฟิงรีบเก็บสีหน้าทะเล้นและพูดออกไปว่า “ท่านอ๋อง ท่านคือเทพจริงๆ ด้วยพ่ะย่ะค่ะ! เหล่าขอทานบนูเาด้านหลังทั้งหมดกลับสู่สภาพปกติดั่งเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ อ้อ ใช่แล้ว อีกอย่าง ตอนที่ข้ามาข้าได้พบกับสามเณรน้อยหยวนเป่า เขาพูดว่าอาการบ้าของพระอาจารย์เจี้ยชือเองก็หายดีแล้วเช่นกัน! ช่างเป็คืนแห่งพระเ้าจริงๆ หรือว่าเบื้องบนจะมีความเมตตาแล้วยื่นมือเข้ามาช่วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ความเมตตากะผีนะสิ ฉู่สือยกยิ้ม เกรงว่านางมารร้ายผู้นั้นเป็คนแอบยื่นมือเข้ามาช่วยเสียมากกว่าน่ะสิ!
เพียงแต่...นางจะช่วยคนพวกนี้ได้จริงหรือ?
แม้แต่ฉู่สือเองก็คิดไม่ถึง และไม่กล้าที่จะเชื่อเลย
เขาเงยหน้าขึ้นมองาาของตนเอง ทว่า กลับเห็นดวงตาของเซียวเจวี๋ยที่ล้ำลึกและคาดเดาไม่ได้ มีเพียงแค่ริมฝีปากของเขาที่ยกขึ้นเล็กน้อย
ใจของฉู่สือถึงกับกระตุกไปครั้งหนึ่ง
นี่าา...
กำลังยิ้มหรือ?
**********************
[1] กุ่ยเซียน คือ คือคนที่มีพลังหยินมากเกินไป เมื่อตายก็จะอาศัยอยู่ในภูมิของผี