หลังจากที่กู้เจิงโดนเหล่าสตรีหยอกล้อในงานแล้ว เมื่อช่วยงานในบ้านนั้นเสร็จ นางกับชุนหงจึงตรงกลับบ้าน ตลอดทางกลับบ้านหิมะยังคงตกอยู่
เมื่อมาถึงบ้าน ชุนหงจึงรีบไปเก็บเสื้อผ้าที่นางได้ตากเอาไว้ “คุณหนู เสื้อผ้าพวกนี้ยังชื้นอยู่เลย บ่าวจะตากไว้ข้างเตาไฟจะได้แห้งนะเ้าคะ” ชุนหงะโถามกู้เจิงจากลานบ้าน
“ได้สิ” กู้เจิงขานตอบ นางเข้ามาในห้องกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อดี แต่จู่ๆ นางก็รู้สึกเจ็บตรงหลังคอ ก่อนจะหมดสติไป
ชายชุดดำสองคนที่ลอบเข้ามา พวกเขาช่วยกันแบกกู้เจิงออกจากบ้าน ที่ข้างบ้านมีรถม้าคันหนึ่งจอดรออยู่
“คุณหนู เสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายที่อยู่ในหีบจะเอาออกมาผึ่งให้แห้งด้วยดีไหมเ้าคะ?” ชุนหงะโถาม แต่นางไม่ได้ยินเสียงคุณหนูตอบกลับจึงเดินมาดูในห้อง แต่นางไม่เห็นกู้เจิงเลย“ไปไหนแล้ว? คุณหนู? คุณหนูเ้าคะ?”
หลังจากะโอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ ชุนหงรู้สึกแปลกใจ แต่นางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
รถม้าที่พวกชายชุดดำเอามาลักพาตัวกู้เจิง วิ่งไปบนถนนที่ขรุขระตลอดทาง ทำเอากู้เจิงเริ่มได้สติขึ้นมา
ร่างกายของนางขยับไม่ได้เพราะสองมือถูกมัดไพล่หลัง สองเท้าก็ถูกมัดไว้เช่นกัน ส่วนดวงตาก็ถูกผ้าปิดไว้ และปากก็ถูกอุดด้วยผ้า กู้เจิงไม่อยากเชื่อเลยว่ากลางวันแสกๆ เช่นนี้จะมีคนกล้ามาลักพาตัวนางถึงในบ้านได้
“ดูท่าจะตื่นแล้ว” ชายที่พูดใช้เท้าเตะๆ กู้เจิง “จะทำให้นางสลบไปอีกไหม? จะได้ไม่ต้องได้ยินสิ่งที่ไม่ควรฟัง”
“ให้นางฟังเถอะ จะมีชีวิตอยู่พ้นวันนี้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้” ชายอีกคนกล่าว
“จ่ายทองตั้งมากมายเพื่อให้พวกเรามาจับคน แต่ก็เป็เพียงผู้หญิงคนหนึ่งท่านั้น ช่างลงทุนเกินแรงจริงๆ"
“รับเงินจากผู้อื่น ขจัดเคราะห์ให้แทน*”
(*หมายถึง ได้รับเงินทองหรือสิ่งของจากคนอื่นมา ก็ต้องทำงานให้เขา)
กู้เจิงกลัวจนตัวสั่น มีคนอยากฆ่านางหรือ? ขาของนางถูกเตะอีกครั้ง เสียงของชายคนนั้นดังแว่วมา “ทำไมไม่ดิ้นรนเลยล่ะ?”
ถูกมัดไว้ขนาดนี้แล้วนางจะดิ้นรนเพื่ออะไร? การรักษาแรงกายเป็สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้
รถม้าเริ่มสั่นะเืมากขึ้น
กู้เจิงไม่รู้ว่าเป็เพราะตัวเองเครียดเกินไปหรืออะไร นางแค่รู้สึกว่าที่นี่หนาวกว่าที่เมืองเยว่เฉิงนิดหน่อย บวกกับหนทางอันขรุขระ นางคิดในใจว่ารถม้าคันนี้ขับเข้ามาในูเาแล้วหรือเปล่า?
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ กู้เจิงหนาวจนตัวสั่น สักพักรถม้าก็หยุดลง
นางถูกลากออกจากรถม้าแล้วโยนลงที่พื้น นางล้มคว่ำจนใบหน้าถูกฝังอยู่ในหิมะ ไม่ใช่ดินแต่เป็หิมะ
ที่เยว่เฉิงมีหิมะตกก็จริงแต่ไม่ได้ตกหนักจนหิมะทับถมกันหนาขนาดนี้ หิมะขนาดนี้ต้องเป็บนูเาอย่างแน่นอน
กู้เจิงถูกคนแบกขึ้นบ่า นางรู้สึกอยากจะอาเจียนแต่ก็อาเจียนไม่ออก จนกระทั่งได้ยินเสียงหญิงสาวร้องไห้เบาๆ เสียงใหม่ที่ได้ยินนี้ค่อนข้างคุ้นเคยอยู่บ้าง
ขณะที่กู้เจิงกำลังคิดว่าเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหน ร่างของนางก็ถูกโยนลงไปในพงหญ้าแห้ง
‘อั่ก--’ อีกสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
เหมือนจะเป็เสียงของกู้เหยา กู้เจิงใ กู้เหยาก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ? นางค่อยๆ ขยับไปทางต้นเสียง จนกระทั่งนางแตะโดนอะไรบางอย่าง
‘อ๊ะ--’ เสียงร้องใดังขึ้น
กู้เจิงมั่นใจว่าคือเสียงของกู้เหยา นางไม่สนใจว่าชายสองคนที่ลักพาตัวนางมาจะยังอยู่หรือไม่ นางทำเป็ส่งเสียงร้องไห้
เสียงสะอึกสะอื้นหยุดลง กู้เจิงรู้สึกว่ากู้เหยาน่าจะััได้ถึงนาง ไม่นานก็ได้ยินเสียงสั่นเทิ้มดังขึ้น “พะ พี่ใหญ่?”
กู้เจิงพยักหน้าอย่างสุดชีวิต
มือเล็กคู่หนึ่งดึงเอาผ้าออกจากปากนาง และปลดผ้าปิดตาออก
กู้เจิงเห็นกู้เหยา ไม่เพียงแต่มีกู้เหยา แม้แต่หนิงซิ่วหลันก็อยู่ด้วย ทั้งคู่ล้วนมีน้ำตาคลอเบ้าและสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พวกนางอยู่กันในถ้ำแห่งหนึ่ง คนที่จับพวกนางมาไม่ได้อยู่ในถ้ำนี้ด้วย แต่น่าจะคอยเฝ้าอยู่นอกถ้ำ
กู้เหยารีบปลดเชือกที่มือและเท้าของพี่สาวนางออก ก่อนโผเข้าไปกอดแล้วร้องไห้เสียงดัง “พี่ใหญ่ ข้ากลัวมากเลยเ้าค่ะ”
“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว” กู้เจิงเองก็กลัวเหมือนกัน แต่นางเป็พี่เลยต้องทำเป็เข็มแข็งเพื่อไม่ให้กู้เหยายิ่งเตลิด
หนิงซิ่วหลันก็เขยิบมาข้างกายกู้เจิง ราวกับว่าการนั่งใกล้ๆ กันจะทำให้ปลอดภัยมากขึ้น
หลังจากหยุดน้ำตาของกู้เหยาได้แล้ว กู้เจิงก็ถามพวกนางว่าเหตุใดจึงถูกลักพาตัวมาที่นี่? แล้วเห็นหรือไม่ว่าใครเป็คนทำ?
ทั้งสองส่ายหัว
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงจากด้านนอกดังขึ้น
“นี่เป็เงินอีกสามร้อยตำลึงที่เหลือ หลังจากรับไปแล้วก็อย่าได้ปรากฏตัวขึ้นอีก” เป็เสียงของบุรุษ
“สามคน รวมทั้งหมดเก้าร้อยตำลึง”
เก้าร้อยตำลึง? กู้เจิงฟังแล้วใ ถึงกับมีคนจ่ายเงินมากมายขนาดนี้เพื่อเอาชีวิตพวกนาง
ที่ปากถ้ำมืดสลัวลง
กู้เจิง กู้เหยา และหนิงซิ่วหลันเบียดเสียดอยู่ด้วยกัน พวกนางเบิกตากว้างมองคนที่เดินเข้ามาด้วยความหวาดกลัว เมื่อมองเห็นคนที่ปรากฏตัวตรงหน้าอย่างชัดเจน กู้เหยากับหนิงซิ่วหลันก็ไม่แทบอยากเชื่อ
“ฟู่ผิงเซียง?”
นับั้แ่ถูกจับมา กู้เจิงก็คาดเดาไว้แล้ว นางไม่อยากจะเชื่อว่าฟู่ผิงเซียงจะยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อจ้างคนมาลักพาตัวพวกนางสามคน
“ฟู่ผิงเซียง เ้ากล้าลักพาตัวพวกเราหรือ?” กู้เหยาลุกขึ้นและพุ่งเข้าไปหานาง แต่ถูกชายที่อยู่ข้างกายฟู่ผิงเซียงเตะกลับมาอย่างแรง
กู้เหยากรีดร้องอย่างเ็ป
กู้เจิงรีบเข้าไปพยุงกู้เหยา นางมองฟู่ผิงเซียงด้วยความโกรธ
“พาพวกนางออกมา” ฟู่ผิงเซียงออกคำสั่งอย่างหยิ่งผยอง ก่อนเดินออกไปหน้าถ้ำ
นอกถ้ำท้องฟ้ามืดครึ้ม คงใกล้สู่ยามราตรีแล้ว
หนิงซิ่วหลันก้าวเดินเสียการทรงตัวจนล้มลงไปในหิมะ “หนาวจัง”
ชายสองคนที่ลักพาตัวกู้เจิงมาไม่อยู่แล้ว พวกเขาน่าจะรับเงินแล้วก็ไปแล้ว ตอนนี้ชายที่อยู่ข้างๆ ฟู่ผิงเซียงคือชายอีกสองคนที่มาใหม่
“คุณหนูใหญ่ฟู่ ในเมื่อท่านไม่คิดจะให้พวกนางมีชีวิตรอดกลับไป ทั้งไม่อยากฆ่าพวกนางในทันที” ชายร่างกำยำเอ่ยถาม “แล้วท่านวางแผนจะทำอะไร?”
“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกนางตายง่ายขนาดนั้นหรอก ข้าจะทำให้พวกนางเ็ปเหมือนข้า และค่อยๆ ทรมานจนตายไปอย่างช้าๆ” ฟู่ผิงเซียงพูดอย่างชั่วร้าย
“ฟู่ผิงเซียง ทำไมเ้าถึงต้องทำแบบนี้กับพวกเราด้วย?” กู้เหยาโกรธจนอยากจะพุ่งเข้าใส่นาง แต่ถูกกู้เจิงรั้งไว้
“ทำไมน่ะหรือ?” สีหน้าฟู่ผิงเซียงเต็มไปด้วยความเคียดแค้น “ตระกูลกู้ของพวกเ้าทำแผนชั่วจนข้าจำต้องแต่งเข้าตระกูลวัง ทั้งชีวิตข้าถูกพวกเ้าทำลายหมดสิ้นแล้ว”
เป็เพราะนายหญิงเว่ยซื่อ กู้เจิงกำลังคาดเดาว่านายหญิงใช้วิธีการใดให้ฟู่ผิงเซียงจำต้องแต่งงานกับญาติผู้พี่ของตระกูลวังคนนั้น
กู้เหยาและหนิงซิ่วหลันไม่เข้าใจสิ่งที่ฟู่ผิงเซียงพูด
ฟู่ผิงเซียงคงไม่ปล่อยพวกนางไปง่ายๆ แน่ กู้เจิงหันมองรอบด้าน ถึงอยากจะหนีก็เป็ไปไม่ได้
ฟู่ผิงเซียงหันไปถามชายข้างกายว่า “พวกเ้ามีวิธีใดบ้าง?”
ชายหนึ่งในนั้นยิ้มและกล่าวว่า “ในูเานี้ มีนายพรานวางกับดักจับสัตว์ทิ้งไว้มากมาย หญิงสาวอย่างพวกนางสามคนในป่าหากได้ติดกับดักเข้า คงจะเ็ปทรมานไปอีกสองสามวันจนตายในที่สุด”
ฟู่ผิงเซียงตาเป็ประกาย “เป็วิธีที่ดี”
หนิงซิ่วหลันใจนขาอ่อน
กู้เหยาตัวสั่นไม่หยุด ไม่รู้ว่านางโกรธหรือกลัวกันแน่ กู้เจิงเองก็กลัวเช่นกัน แต่เวลานี้ไม่มีผู้ใดช่วยพวกนางได้ นอกจากตัวพวกนางเอง
“กู้เจิง ทำไมเ้าไม่พูดล่ะ?” จู่ๆ ฟู่ผิงเซียงก็เข้ามาใกล้กู้เจิง ความเคียดแค้นในดวงตาเข้มข้น นางเกลียดชังใบหน้างดงามของสตรีผู้นี้ยิ่ง หากได้เห็นความกลัวบนใบหน้าของอีกฝ่าย ก็คงอิ่มเอมใจนัก ทว่าพอได้สบตากับอีกฝ่ายกลับเห็นเพียงั์ตาใสกระจ่างที่ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
วินาทีถัดมา ฟู่ผิงเซียงก็กรีดร้องออกมา เพราะจู่ๆ กู้เจิงก็คว้ามือนางแล้วพลิกกลับไปด้านหลัง จากนั้นนางก็เอาปิ่นปักผมบนศีรษะมาจ่อที่คอฟู่ผิงเซียงอย่างรวดเร็ว
การกระทำนี้ฉับไวยิ่งนัก หลังจากทำสำเร็จ นางก็จับฟู่ผิงเซียงแล้วลากเข้าไปในป่าด้านหลัง นางมองชายทั้งสองคนพลางพูดเสียงดุดันว่า “พวกเ้าอย่าเข้ามา ถ้าเข้ามาข้าจะฆ่านางเสีย”
“เ้ากล้าหรือ?” ฟู่ผิงเซียงโกรธจัด
“ข้าจวนเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมจะไม่กล้าเล่า?” กู้เจิงจิ้มปิ่นปักผมลึกเข้าไปในคอของฟู่ผินเซียง เพื่อย้ำว่านางไม่ได้พูดเล่น
ฟู่ผิงเซียงหน้าซีดเผือด นางรับรู้ถึงแรงกดตรงคอ
“พวกเ้ามายืนอยู่ข้างๆข้า” กู้เจิงหันไปสั่งกู้เหยาและหนิงซิ่วหลัน
ชายทั้งสองคนยืนนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อน แต่สีหน้าของพวกเขาไม่ได้ดูวิตกกังวลหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย พวกเขามองกู้เจิงที่ลากเอาตัวฟู่ผิงเซียงเดินลึกเข้าไปในป่า