“ตอนนั้นไม่รู้เพคะ”
“ตอนนี้เล่า ตอนนี้รู้แล้วงั้นหรือ?” ั์ตาของฮองเฮาอวี่เหวินเข้มขึ้นเล็กน้อย
เหนียนยวี่มิเอ่ยตอบ ทว่าความเงียบของนางคือคำตอบที่ให้ฮองเฮาอวี่เหวิน
“หากคนคนนั้นอยู่ที่นั่นจริง แสดงว่าคนผู้นั้นน่าจะหมายชีวิตเ้า เฮ้อ เหนียนยวี่เอ๋ยเหนียนยวี่ เปิ่นกงคิดว่าเ้าโชคดีมาั้แ่เกิด ได้รับความชอบพอจากอี้เอ๋อร์ของข้า ทั้งยังได้เป็ที่รักของชิงเหอ ทว่าท้ายที่สุดแล้ว กลับมีใครบางคนหมายเอาชีวิตเ้าหรือ” ฮองเฮาอวี่เหวินหัวเราะขำขันอย่างแ่เบาพลางนั่งลงบนเก้าอี้ ในวังหลวงเยี่ยงบ่อน้ำลึกแห่งนี้ นางอยู่รอดมาได้หลายปี ย่อมพอจะคาดเดาเื่นี้ได้บ้าง
บุตรีอนุแสนธรรมดานางหนึ่งที่ผู้คนมองข้าม ไม่อยู่ในสายตาของผู้ใด แต่ถ้าหากไปขวางทางของผู้อื่นเข้า...
ฮองเฮาอวี่เหวินปรายตามองเหนียนยวี่อย่างไม่ละสายตา “เ้าเป็แค่บุตรีอนุ คงมิรู้จักความอันตรายของโลกใบนี้ หากเ้าอยากอยู่รอดปลอดภัย เช่นนั้นควรทำแต่เื่ที่ตนควรทำ อย่าโลภในสิ่งที่ไม่ใช่ของเ้า นี่เป็วิธีการอยู่ในวังหลวง และเป็หนทางที่จะรักษาชีวิตของเ้าด้วย”
แม้ว่าฮองเฮาอวี่เหวินจะพูดอย่างคลุมเครือ แต่เหนียนยวี่ก็เข้าใจคำพูดนั้น
ฮองเฮาอวี่เหวินกำลังเตือนนางว่าอย่าคิดอะไรกับท่านอ๋องมู่หรือ?
ความสัมพันธ์ของนางกับท่านอ๋องมู่ มิใช่ความสัมพันธ์เช่นหญิงสาวชายหนุ่ม ทว่าคนอื่นๆ กลับคิดว่านางเป็นางจิ้งจอกที่ใช้เสน่ห์ล่อลวงจ้าวอี้เสียได้...
“หม่อมฉันจะน้อมนำคำสอนของฮองเฮาไปปฏิบัติเพคะ” เหนียนยวี่เอ่ยตอบอย่างสุภาพนอบน้อม ระหว่างนั้นนางนึกถึงอวี่เหวินหรูเยียน เหนียนยวี่จึงอดไม่ได้ที่จะแอบชำเลืองมองฮองเฮาอวี่เหวิน “เหนียนยวี่มิสมควร เหนียนยวี่มิกล้าคิดโลภหรอกเพคะ ท่านอ๋องมู่เป็คนรักอิสระ ทำตามใจตนเอง หากมีคนเช่นองค์หญิงหรูเยียนมาคอยดูแลเอาใจใส่ จะต้องเหมาะสมกัน เคียงคู่กันยาวนาน ราว์ส่งให้มาคู่กันแน่เพคะ”
หรูเยียนหรือ
ฮองเฮาอวี่เหวินชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้าแววตาที่มองเหนียนยวี่เริ่มเปลี่ยนไป
นางนึกไม่ถึงเลยว่า เหนียนยวี่จะคิดเกี่ยวกับเื่นี้อย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผยเช่นนี้ ทั้งยังนึกไม่ถึงเลยว่านางจะพูดถึงอวี่เหวินหรูเยียน
หึ เหนียนยวี่ผู้นี้ แท้จริงก็ฉลาดไม่น้อยเลยทีเดียว นางรู้ว่าตนเองโปรดปรานอวี่เหวินหรูเยียนงั้นหรือ?
คำพูดเหล่านี้ ดูเหมือนจะทำให้ฮองเฮาอวี่เหวินพอใจ มุมปากของนางจึงค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย "ในเมื่อเ้าคิดเยี่ยงนี้ เช่นนั้นเ้าควรเอาใจใส่มู่อ๋องเปี่ยวเกอของเ้ามากกว่านี้"
เหนียนยวี่มิเอ่ยตอบ ฮองเฮาอวี่เหวิน้าให้นางเป็แม่สื่อ ทว่าเหนียนยวี่รู้จักนิสัยของจ้าวอี้ดี หากบังคับเขา เขาไม่มีทางชอบอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเื่เช่นนี้นางคงไปก้าวก่ายไม่ได้
“พูดมาเถิด คนผู้นั้นเป็ใคร?” ฮองเฮาอวี่เหวินละวางความจริงจังก่อนหน้านี้ลง นางหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบอย่างช้าๆ
ทว่าเหนียนยวี่กลับมิตอบตรงๆ นางเพียงหยิบยกเื่หนึ่งขึ้นมาเอ่ย “ฮองเฮาเพคะ ตอนที่หม่อมฉันติดตามพระมารดาบุญธรรมเข้ามาในวัง บังเอิญเห็นรถม้าจวนเหนียนเข้ามาพอดี ทว่ากลับมีเื่หนึ่งที่ดูน่าแปลกใจ คือท่านอ๋องหลีขี่ม้าเคียงข้างรถม้าจวนเหนียนมาด้วยเพคะ...”
ครั้นเหนียนยวี่เอ่ยถึงตรงนี้ นางพลันหยุดชะงัก กวาดตามองฮองเฮาอวี่เหวินราวกับไม่มีนัยสำคัญอะไร เป็อย่างที่คิด นางเห็นมือที่ถือถ้วยชาของฮองเฮาอวี่เหวินสั่นไหวเล็กน้อย
ฉับพลันนั้นนางเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ของบางอย่าง ขอแค่ตนเองได้มาก็พอแล้วมิใช่หรือ?
ทุกๆ คนในวังหลวงแห่งนี้ ต่างก็มิใช่คนโง่ ยิ่งฮองเฮาอวี่เหวินนั้นก็เฉลียวฉลาดมาก
แม้จะฉลาด แต่ว่าชาติก่อนกลับพ่ายแพ้อยู่ในกำมือของฉางไทเฮา ทว่าชาตินี้...
เหนียนยวี่ครุ่นคิดถึงมารดาของสองแม่ลูกจ้าวเยี่ยนและไทเฮา ั์ตานางลุกวาวเล็กน้อย ดวงตาเคร่งขรึมเ็า เื่ทั้งหมดที่ฉางไทเฮาทำในยามนี้ ล้วนเพื่อหนทางแห่งอำนาจราชบัลลังก์ ยิ่งกว่านั้นไม่เพียงเท่านี้ นาง้าทำให้ความฝันอันงดงามของพวกเขา กลายเป็ฟองสบู่และแตกโพละจนไม่เหลือเศษซาก
นิสัยของจ้าวอี้นั้นจิตใจดีและบริสุทธิ์เกินไป เื่บางเื่ เขาคิดระแวดระวังมิเป็ ทั้งยังมิคิดเชื่อด้วยซ้ำ ทว่าฮองเฮาอวี่เหวินนั้นแตกต่าง นางเป็มารดาผู้ให้กำเนิดจ้าวอี้ ทั้งยังเป็มารดาแห่งวังหลัง เื่บางเื่ แน่นอนว่าฮองเฮาอวี่เหวินย่อมต้องคิดคาดเดาและชั่งน้ำหนักเื่ราวโดยธรรมชาติ
เป็อย่างที่คิด เื่ราวนี้ของเหนียนยวี่ กระตุ้นความคิดในใจฮองเฮาอวี่เหวินจนกระเพื่อมซ้อนเป็ชั้นราวระลอกคลื่น
เมื่อครู่นี้ หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนและฉางไทเฮาเพิ่งเดินออกจากตำหนักของนางไป
ปรากฏว่า เขากำลังไล่ตามฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงไปงั้นหรือ?
เขาไปแล้ว เช่นนั้นฉางไทเฮาเล่า
มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจฮองเฮาอวี่เหวิน ทุกคนรู้กันว่าหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนนั้นจืดจาง ไม่สนใจชื่อเสียงเงินทอง นางไม่อยากจะพูดวิจารณ์อะไร ทว่านางนั้นรู้บางอย่างเกี่ยวกับฉางไทเฮาผู้จิตใจดีมีเมตตาในสายตาใต้หล้าผู้นี้
ใจดีมีเมตตาหรือ?
นิสัยเดิมของสตรีผู้นั้นแท้จริงเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน แก่งแย่งปล้นชิง จิตใจดีหรือ? เว้นแต่จะเป็คนละคนกันเท่านั้นแหละ!
คนละคน?
ฮองเฮาอวี่เหวินราวกับนึกคิดอะไรขึ้นได้ สองคิ้วคู่นั้นพลันขมวดเป็ปมแน่น
“จวนเหนียนเกิดเื่อะไรขึ้นหรือ” ฮองเฮาอวี่เหวินปรายตามองเหนียนยวี่ นางเริ่มสงสัยเกี่ยวกับสตรีนางนี้มากขึ้น และแน่นอนว่าหญิงสาวผู้นี้ฉลาดกว่าที่นางคิดไว้มาก
นางเอ่ยเื่นี้ขึ้นมา แน่นอนว่านางมิยอมให้ตัวเองเอ่ยปากอย่างไม่รอบคอบแน่นอน
ฮองเฮาอวี่เหวินครุ่นคิดถึงเื่ในสวนร้อยสัตว์ ความองอาจหาญกล้าของบุตรีอนุนางนี้ ดูเหมือนจะมีหลายสิ่งในร่างกายของนางที่ผู้คนไม่เข้าใจและรู้สึกไร้เหตุผล
สิ่งที่เหนียนยวี่พูดนั้นไม่ชัดเจน ทหารที่มาช่วยแท้ที่จริงแล้ว เป็คนของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง หรือหลีอ๋องจ้าวเยี่ยน
“หึ ดังนั้นเ้าจึงมาขอให้คนไปช่วย?” ฮองเฮาอวี่เหวินจิบชาพลางเอ่ยแกมขำขันเล็กน้อย “เ้าเป็คนสกุลเหนียน ทว่ากลับเข้าหาจวนจิ้นอ๋อง หึ ดูเหมือนเ้ากับจวนเหนียน คงจะมีความสัมพันธ์เพียงเท่านี้”
ฮองเฮาอวี่เหวินนึกถึงเื่ราวในพิธีบรรลุความเป็ผู้ใหญ่ สองแม่ลูกหนานกงเยวี่ยคู่นั้นพยายามใส่ร้ายเหนียนยวี่ กล่าวหาว่านางเป็คนพรากความบริสุทธิ์ของจ้าวอิ้งเสวี่ย ในใจนางพลันสว่างวาบขึ้นทันใด
เกรงว่าเหนียนยวี่ผู้นี้จะใช้ชีวิตอยู่ในจวนเหนียนอย่างยากลำบาก ไม่แปลกที่นาง...
เหนียนยวี่มิเอ่ยตอบ ปล่อยให้ความเงียบงันเป็คำตอบของคำถาม
ผ่านไปครู่ใหญ่ ฮองเฮาอวี่เหวินจึงเอ่ยปากตรัสออกมาว่า “ได้ คิดดูแล้ว วันนั้นเ้าก็คอยปกป้องเปิ่นกงอย่างสุดกำลัง เปิ่นกงจะเป็คนที่ช่วยชีวิตเ้าให้เอง”
“ขอบพระทัยฮองเฮาเพคะ” เหนียนยวี่ย่อกายโค้งคำนับให้ฮองเฮา ผลลัพธ์เช่นนี้อยู่ในความคาดหมายของนาง
ไม่ใช่เพราะเื่ที่นางปกป้องชีวิตฮองเฮา แต่เพียงเพราะฮองเฮารู้ว่าหลีอ๋องยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเื่นี้ นางจึงกลัวว่าตัวเองจะอยู่ในวังนี้อย่างไม่มั่นคง
เหนียนยวี่มองจิตใจของฮองเฮาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ทว่านางกลับไม่ยอมเผยออกไปทั้งหมด เพราะขอเพียงแค่เป้าหมายของนางสำเร็จได้ก็พอแล้วมิใช่หรือ?
ส่วนจวนเหนียน...
ไม่รู้ว่าตอนนี้ สถานการณ์ที่จวนเหนียนจะเป็อย่างไรบ้าง นางอดใจรอดูไม่ไหว จวนเหนียนเชิญฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงไปแล้วจะรับมือกับพายุถาโถมนั่นอย่างไร
ส่วนทางหลีอ๋องจ้าวเยี่ยน ในที่สุดจวนหนานกงก็อยู่ในสายตาเขาแล้ว
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว แพขนตายาวปกปิดประกายเ็าแกมเกลียดชังในดวงตา
เหนียนยวี่กวาดตามองฮองเฮาอวี่เหวิน ทว่าเมื่อเห็นว่าฮองเฮายังคงขมวดคิ้วครุ่นคิด ในใจนางแอบตั้งตารอมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นางรู้ดีว่า ตัวเองยังกลับไปจวนเหนียนเร็วมากไม่ได้ นางยังไม่ลืมเื่ที่ตนเองต้องทำ การกลับมาของนาง...จะต้องถล่มเหนียนอีหลานให้ล้มลงอย่างหนักหน่วง!
ณ จวนเหนียน
ในห้องโถง บรรยากาศแลดูแปลกประหลาดไปอย่างมิอาจบรรยาย
ั้แ่ที่หนานกงเยวี่ยเข้าประตูมา นางได้รับการต้อนรับทักทายอย่างอบอุ่นมาตลอดทาง ยามนี้นางนั่งลงบนเก้าอี้ ประจันหน้ากับจิ้นหวางเฟยและจ้าวอิ้งเสวี่ย
ทั้งสองฝ่ายนั่งตรงข้ามกัน ฝั่งหนึ่งใบหน้าเคร่งขรึม เ็าราวน้ำแข็ง อีกฝ่ายใบหน้ายิ้มแย้มอบอุ่นและดูใจดี
ทว่าคนที่แย้มยิ้มอบอุ่นนั้น นั่งอยู่ที่นั่นมาเป็เวลานานแล้ว ทว่ากลับมิยอมเอ่ยคำขอโทษแต่อย่างใด
ผู้คนในห้องโถงต่างนิ่งเงียบ ความเงียบงันแผ่ขจายท่วมท้นจนผู้คนหายใจไม่ออกเล็กน้อย ทว่ามีบางสิ่ง ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกคันยุบยิบในจิตใจ
แขกทุกท่านที่ได้รับเชิญจากฮูหยิน ต่างกำลังจิบน้ำชา จนน้ำชาถูกเปลี่ยนหลายต่อหลายรอบ บรรดาอนุจวนเหนียนด้านข้าง เซวียอวี่โหรวผู้มีนิสัยสงบนิ่งไม่พูดไม่จา แม้กระทั่งสวีหว่านเอ๋อร์ในวันนี้ ยังต้องหายใจอย่างระมัดระวัง
ลู่ซิวหรงนั่งมองหนานกงเยวี่ยที่สุขุมเยือกเย็น ท่าทีดูมีแผนการในใจ นางจึงฉุดคิดถึงสิ่งที่นางแอบได้ยินเมื่อครู่นี้ ฉับพลันนั้นวงคิ้วงดงามขมวดมุ่นอย่างอดไม่ได้