เถ้าแก่เฉิงมองกูเฟยเยี่ยนด้วยความระมัดระวังอย่างมาก เขาไม่้าทำผิดพลาดและไม่้าพลาดโอกาส เขาคิดว่าตนเองจำเป็ต้องหาเวลาว่างไปหาอวิ๋นเสียนเก๋อสักครั้งแล้ว
กูเฟยเยี่ยนนึกว่าเถ้าแก่เฉิงยังคงไม่เชื่อ หญิงสาวจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เถ้าแก่เฉิง เป็อย่างไร ข้าสามารถไปได้หรือยัง? ”
เถ้าแก่เฉิงจึงได้สติกลับมาพลางถามติดตลกว่า “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเล่า? เขาเตรียมที่จะแย่งตลาดสุราหมักกับตัวข้าหรือ? ฮ่าๆ ข้าจะลงโทษเขาด้วยสุราสามเหยือกก่อน! ”
ครั้นได้ยินเถ้าแก่เฉิงเอ่ยล้อเล่น กูเฟยเยี่ยนจึงลอบถอนหายใจออกมา นางคิดว่าในที่สุดนางที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าห้องยาสำนักหมอหลวงคนใหม่ก็ได้ช่วยเหลือผู้ดำรงตำแหน่งคนก่อนเก็บกวาดเื่วุ่นวายเรียบร้อยแล้ว และจะไม่เป็คนโง่ที่ตามคนอื่นไม่ทันแล้ว
หญิงสาวเผยยิ้มออกมา ดวงตามีความเปล่งประกายและมีชีวิตชีวา “เถ้าแก่เฉิง จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยมีเื่รีบร้อนจึงออกจากเมืองลั่วเสียไปเมื่อหลายวันก่อนแล้ว สุราสามเหยือกนี้ ข้าจะดื่มแทนเขา! ”
เถ้าแก่เฉิงเลิกคิ้วมองหญิงสาวพลางกล่าวสั่งสอน “หญิงสาวอยู่ด้านนอกตามลำพัง ดื่มสุราได้อย่างไร? ”
กูเฟยเยี่ยนพูดไม่ออกครู่หนึ่ง หญิงสาวมองแววตาไม่พอใจของเถ้าแก่เฉิง ภายในใจปรากฏถึงความอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว นอกเหนือจากท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวแล้ว นี่เป็ครั้งแรกที่มีคนรุ่นบิดามาสั่งสอนนางเช่นนี้ใช่หรือไม่? คำสั่งสอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็การสั่งสอน แต่ในความเป็จริงแล้วคือความเป็ห่วง!
ครั้นมองดูลักษณะอันสงบสุขและเคร่งขรึมของเถ้าแก่เฉิง กูเฟยเยี่ยนจึงละสายตาไม่ลงครู่หนึ่ง นางอดไม่ได้ที่จะแอบคิดว่า ถ้า…ถ้านางมีบิดา ถ้าบิดาของนางยังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีลักษณะเหมือนกับเถ้าแก่เฉิงหรือไม่?
บิดามารดาของนางอยู่ที่ใด? บ้านของนางอยู่ที่ใด? ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวอยู่ที่ใด? อยู่ดีๆ ก็คิดถึงพวกเขาจัง…
กูเฟยเยี่ยนมองข้ามความปวดร้าวในใจพลางยิ้มแย้มราวกับเด็กน้อย “เช่นนั้นข้าไม่ดื่มสุราแทนจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยแล้ว ข้าจะจดบันทึกแทนเขา เมื่อกลับไปแล้วจะไปบอกเขาให้”
เถ้าแก่เฉิงจึงพอใจและปล่อยให้กูเฟยเยี่ยนออกไป
ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนออกไป ซ่างกวนฟูเหรินที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมาโดยตลอดก็เดินออกมาด้วยความโกรธมาก “เป็ซ่างกวนเทา! ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีความผิดในเื่นี้เื่เดียว ข้าจะไปไต่สวนด้วยตนเอง เรียกตัวกรรมการบริหารคนอื่นๆ มาให้หมด! ”
เถ้าแก่เฉิงชำเลืองมองพลางเอ่ยถามอย่างเ็า “ตื่นนอนั้แ่เมื่อใด? ไม่เหนื่อยหรือ? ”
หลายวันมานี้ซ่างกวนฟูเหรินมักจะใช้ยาที่กูเฟยเยี่ยนมอบให้ ในหนึ่งคืนนางสามารถรังแกเขาได้หลายครั้ง โดยที่ในตอนแรกนางเป็คนรังแก แต่เมื่อถึงตอนท้ายกลับกลายเป็เขาที่รังแกนาง ซ่างกวนฟูเหรินยิ้มกรุ้มกริ่มคลุมเครือพลางรีบปรี่เข้าไปหา “ถ้าเ้าไม่เหนื่อย ข้าก็ไม่เหนื่อย”
เมื่อได้ยินคำพูดที่คลุมเครือเช่นนั้น สีหน้าของเถ้าแก่เฉิงก็ยังคงความเ็าไม่เสื่อมคลาย เขาเอ่ยถามอย่างไม่พอใจว่า “เอามาจากที่ใด? ”
แน่นอนว่าถามถึงยาของนาง ถึงแม้ว่าเขาจะตกหลุมพรางทุกครั้ง แต่ในทุกครั้งก็ยากที่จะป้องกัน
ซ่างกวนฟูเหรินแสร้งทำเป็โง่ “อะไร? ”
แววตาของเถ้าแก่เฉิงเปลี่ยนเป็ความเยือกเย็นในบัดดล เขาก้าวประชิดตัวใกล้นางเข้ามาเรื่อยๆ ทว่าซ่างกวนฟูเหรินไม่ก้าวถอย ตรงกันข้ามคือโอบรอบเอวของเขาและเงยหน้าขึ้นมองด้วยความยั่วยุ นางอายุถึงปูนนี้แล้ว ทว่ายังคงอวดดีราวกับปีศาจน้อยที่ดื้อรั้น
กูเฟยเยี่ยนมองไม่ผิด แทนที่จะกล่าวว่าสองคนนี้เป็สามีภรรยากัน จะดีกว่าถ้ากล่าวว่าเป็ศัตรูคู่แค้นกัน เถ้าแก่เฉิงขมวดคิ้วมองดูฟูเหรินของตนเองโดยที่ทำอันใดนางมิได้เลย เขาทัดปอยผมที่ตกหล่นลงมาของนางพลางกล่าวเสียงแ่ “เื่ของบุตรธิดา ปล่อยให้เป็ไปตามธรรมชาติก็พอ”
ซ่างกวนฟูเหรินยังคงดึงดัน “ถึงอย่างไรข้าก็จะดึงดัน ข้าจะคลอดบุตรสาวอย่างนังหนูกูเฟยเยี่ยนมาคอยดื่มสุราเป็เพื่อนข้า! ”
เถ้าแก่เฉิงเปลี่ยนสีหน้าทันที จากนั้นจึงปัดปอยผมที่ทัดเข้าไปเมื่อสักครู่นี้ลงมาตรงใบหน้าของนาง และหันหลังก้าวเดินออกไป ซ่างกวนฟูเหรินรีบไล่ตามเขา “ช้าก่อน มีเื่สำคัญ! ”
ซ่างกวนฟูเหรินกระซิบอย่างเอาจริงเอาจัง “เมื่อสักครู่นี้นังหนูกล่าวว่าจิ้งหวาง ใช่องค์ชายเก้าแห่งเทียนเหยียน ทายาทคนโตสายตรงของราชวงศ์จวิน จวินจิ่วเฉิน? ”
เถ้าแก่เฉิงเริ่มจริงจังเช่นกัน “เป็เขา”
ดวงตาของซ่างกวนฟูเหรินเต็มไปด้วยความซับซ้อนพลางพึมพำเบาๆ “เด็กคนนี้หายสาบสูญไปกว่าสิบปี ราชวงศ์จวินตามหาเขาพบได้อย่างไร? เมื่อดูจากสถานการณ์ในเมืองจิ้นหยางแล้ว เทียนอู่ฮ่องเต้ไม่ได้วางแผนที่จะส่งต่อตำแหน่งให้เขา ตัวเขาเองก็ไม่มีความทะเยอทะยาน เป็ไปได้หรือไม่ว่าเขา…จะเป็เพียงตัวแทน เขาไม่ใช่องค์ชายเก้าตัวจริง? ”
ทั่วทั้งดินแดนเสวียนคง นอกเหนือจากเทียนอู่ฮ่องเต้กับต้าหวงซูแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงแค่เถ้าแก่เฉิงกับฟูเหรินเท่านั้นที่ทราบความลับนี้?
ในยามนั้น ทันทีที่จวินจิ่วเฉินถือกำเนิดขึ้นมาก็ออกจากตระกูลจวินทันที ว่ากันว่าถูกต้าหวงซูพาไปซ่อนตัวเพื่อฝึกฝนพลังปราณ แต่ในความเป็จริงคือเขาถูกพ่อค้ามนุษย์ลักพาตัวไปขายเป็ทาส เถ้าแก่เฉิงกับซ่างกวนฟูเหรินต่างก็เคยทำงานให้กับเยวี่ยเจิ้งที่เป็ผู้ค้าทาสรายใหญ่ที่สุดในดินแดนเสวียนคง พวกเขาขโมยเอกสารลับออกมาหนึ่งชุด ภายในมีการบันทึกถึงประวัติชีวิตของเด็กจากสี่ตระกูลใหญ่ หนึ่งในนั้นก็คือทายาทคนโตสายตรงของตระกูลจวิน จวินจิ่วเฉิน
พวกเขาเคยออกค้นหาตามบันทึกในเอกสารลับ เพียงแต่ว่าเด็กถูกส่งต่อเปลี่ยนมือไปนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายไม่มีเบาะแสจึงไม่ได้ค้นหาต่อไป และไม่บอกกล่าวเื่นี้ต่อราชวงศ์จวิน เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถอธิบายเื่แบบนี้ได้อย่างชัดเจน และไม่จำเป็ต้องสร้างปัญหาวุ่นวายให้แก่ตนเอง
จนกระทั่งเมื่อสามปีก่อน มีข่าวถูกส่งออกมาจากเมืองจิ้นหยางว่าจวินจิ่วเฉินกลับมาแล้ว พวกเขาจึงให้ความสนใจในเื่นี้อีกครั้ง จนถึงบัดนี้พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจว่าจวินจิ่วเฉินในยามนี้เป็บุตรชายที่เทียนอู่ฮ่องเต้ตามหากลับมาอย่างลับๆ หรือเป็บุคคลที่เทียนอู่ฮ่องเต้นำมาแอบอ้าง
ทว่าพวกเขามีแนวโน้มเชื่อแบบหลังมากกว่า เนื่องจากพวกเขามีเบาะแสที่ตรงที่สุดอยู่ในมือยังตามหาไม่พบ จึงเป็ไปไม่ได้ที่เทียนอู่ฮ่องเต้จะหาพบ
องค์รัชทายาทอยู่ใน่วัยเยาว์ เทียนอู่ฮ่องเต้จำเป็ต้องมีคนมาแทนจริงๆ โดยที่ใช้นามของทายาทสายตรงในการให้ความช่วยเหลือรัชทายาท คอยระวังและสยบบุตรที่เกิดจากสามัญชนในการก่อฏ และตระกูลฉีที่มีความทะเยอทะยานสูง
เถ้าแก่เฉิงถอนหายใจแ่เบา “ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ เขาก็เป็สมาชิกของตระกูลจวิน จำเป็ต้องป้องกัน! ”
ในดินแดนแห่งนี้ ผู้ที่มีอำนาจแทบจะทั้งหมดต่างก็คอยจับตามองปิงไห่ ทุกคนต่างก็้าสืบหาสาเหตุที่ปิงไห่เกิดการเปลี่ยนแปลง ทุกคนต่างก็้าที่จะหาสาเหตุที่พลังปราณหายไป ทุกคนต่างก็้าที่จะเป็ผู้นำในการหาโอกาสของชีวิตนิรันดร์ โดยเฉพาะตระกูลจวินที่เคยเป็หัวหน้าตระกูลซ่อนเร้นในดินแดนเสวียนคง และเคยมีอำนาจที่สามารถจะปกครองทั่วทั้งดินแดนได้
สำหรับอวิ๋นเสียนเก๋อที่ควบคุมความลับมากมายนับไม่ถ้วนนั้น แทนที่จะกล่าวว่าจับตามองปิงไห่ จะเป็การดีกว่าที่จะบอกว่าคอยปกป้องปิงไห่ ทว่าต่อให้ควบคุมความลับมากมายนับไม่ถ้วน และคอยปกป้องเอาไว้ แต่พวกเขาก็ยังมีคำถามมากมายที่ยังไม่เสื่อมคลายเกี่ยวกับภัยพิบัติของปิงไห่เมื่อสิบปีก่อน การตามหาเซวียนหยวนเยี่ยนที่หายสาบสูญไปเมื่อสิบปีก่อนคือกุญแจสำคัญของทุกอย่าง!
เถ้าแก่ถอนหายใจแ่เบา ไม่ง่ายที่จะได้พบกับสหายที่สามารถประลองสุรากันอย่างมีความสุขได้ แต่ดันกลายเป็คู่ต่อสู้ที่ต้องระมัดระวังเป็อย่างยิ่ง ซึ่งเป็เื่ที่น่าเศร้าสำหรับเขาจริงๆ
“นิ่งเฉิง...”
ซ่างกวนฟูเหรินเริ่มจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม เถ้าแก่เฉิงสกุลนิ่ง นามว่าเฉิง มีเพียงแค่่เวลาจริงจังเท่านั้นที่ซ่างกวนฟูเหรินจะเรียกเขาเช่นนี้ นางอุทานด้วยความใ “ในตอนนั้นตระกูลกูมีเงาเฟิ่งหวงปรากฏพร้อมกันกับปิงไห่ ไม่ใช่ว่า…ตระกูลจวินค้นพบอะไรบางอย่างและจับตามองนังหนูคนนั้นแล้วนะ? ”
เถ้าแก่เฉิงกล่าวอย่างจริงจังว่า "ไม่ถึงขนาดนั้น จากข้อมูลของถังจิ้งนั้น เทียนอู่ฮ่องเต้รวมไปถึงตระกูลฉีมักจะสร้างปัญหามากมายให้กับนังหนูคนนั้น ทว่าในอนาคต…ไม่แน่นอน"
ซ่างกวนฟูเหรินเกิดความกังวล “พวกเราให้นางอยู่ที่นี่ต่อ ไม่ว่านางจะเป็ใคร เก็บไว้ในมือของพวกเราจะปลอดภัยที่สุด! ”
ไม่ใช่ว่าเถ้าแก่เฉิงไม่เคยคิดเช่นนี้ ทว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ได้เป็เพียงแค่หัวหน้าห้องยาสำนักหมอหลวงเทียนเหยียน แต่นางยังเป็ถึงกรรมการบริหารกิตติมศักดิ์ของหุบเขาเสินหนงอีกด้วย ถ้าไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ นอกจากพวกเขาจะให้นางอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ยังจะแหวกหญ้าให้งูตื่นอีก
อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากท่าทีของจวินจิ่วเฉินในคืนนั้นแล้ว สำหรับเขาแล้วกูเฟยเยี่ยนไม่ได้เป็แค่ขุนนางคนรับใช้ ถ้ายังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ยิ่งไม่สามารถเสี่ยงได้
เถ้าแก่เฉิงกระซิบแ่เบา “เื่ของซ่างกวนเทานั้นฝากไว้ที่เ้าแล้ว ยามบ่ายข้าจะเริ่มออกเดินทางไปที่อวิ๋นเสียนเก๋อ เ้าจำไว้ให้ดี อย่าได้บุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือ”
ซ่างกวนฟูเหรินตอบตกลง นางเป็ผู้ไปไต่สวนซ่างกวนเทาด้วยตนเอง ไม่มีใครทราบว่านางใช้วิธีการใด ภายในครึ่งวันนางก็ทำให้ซ่างกวนเทาสารภาพทุกอย่างออกมาอย่างหมดเปลือก ซ่างกวนฟูเหรินกลัวว่าตนเองจะอดไม่ได้ที่จะให้กูเฟยเยี่ยนอยู่ต่อ นางจึงไม่กล้าไปพบด้วยตนเอง ทำเพียงแค่ส่งคนไปแจ้งผลลัพธ์แแก่กูเฟยเยี่ยน…