สือเจียงหย่วนหยิบตะเกียบคีบผัดหมูสองไฟขึ้นมา คังอิงกลัวว่ารสเผ็ดจะระคายเคืองแผลของเขา จึงใส่แค่กระเทียมสับ ไม่ได้ใส่พริกลงไปผัดด้วย ไม่อย่างนั้นรสชาติคงจะดีกว่านี้ แต่อย่างน้อยยังคงรสชาติเค็มๆ มันๆ อร่อยลิ้นอยู่ เมื่อคีบเข้าปากคำหนึ่ง ความชุ่มฉ่ำจากไขมันและความหวานสดของวัตถุดิบพลันะเิรสชาติบนปลายลิ้น
สือเจียงหย่วนรู้สึกว่า แค่มีกับข้าวจานนี้ เขาก็กินข้าวเพิ่มได้อีกหนึ่งชาม แต่พอเขาจะคีบตับหมู เขากลับลังเลเล็กน้อย เพราะภาพสเต๊กเนื้อติดเืที่คุณหนูโอวหยางเคยทำให้กินยังคงติดตา แม้เขาจะรู้ว่านั่นคือวิธีการกินอาหารแบบสังคมชั้นสูง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าการกินเนื้อสัตว์แบบติดเืนั้นน่าสะอิดสะเอียน ทำให้พอมองตับหมูผัดที่ดูสดใหม่จานนี้แล้ว ก็อดรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้
พอเห็นตะเกียบของสือเจียงหย่วนหยุดชะงัก คังอิงก็ไม่พูดอะไร เธอคีบตับหมูหนึ่งชิ้นเข้าปากแล้วเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
สือเจียงหย่วนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา คิดในใจว่าคังอิงช่างหลักแหลมจริงๆ เธอเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นโดยไม่ต้องอธิบาย เลยทำให้เขาดูเป็ตัวอย่างเสียเลย
สือเจียงหย่วนคีบตับหมูหนึ่งชิ้นใส่ปาก เนื้อัักรุบกรอบ อร่อยลิ้น ละลายในปาก ทั้งยังสุกทั่วถึง ไม่มีกลิ่นคาวเืสักนิด คังอิงควบคุมไฟได้ดีมากจริงๆ
สือเจียงหย่วนรู้สึกว่าตับหมูผัดจานนี้อร่อยยิ่งกว่าตับหมูฝีมือพ่อครัวที่โฮสเทลเมื่อวานเสียอีก
เมื่อเห็นเขากินอย่างเอร็ดอร่อย คังอิงจึงบอกว่า “กินเนื้อหมูให้น้อยหน่อย แล้วกินตับหมูเยอะๆ ค่ะ จะได้บำรุงเื”
สือเจียงหย่วนพยักหน้า คังอิงจึงเลื่อนจานตับหมูมาไว้ตรงหน้าเขา พลางบอก “กินให้หมดเลยนะ”
สือเจียงหย่วนมักจะชอบดูแลคนอื่น เพราะที่บ้านมีเขาเป็ลูกชายคนเดียว จึงไม่เคยถูกตามใจเลย พอถูกผู้หญิงที่ไม่รู้จักกันมาก่อนดูแลเช่นนี้เป็ครั้งแรก เขากลับแปลกใจที่ไม่รู้สึกอึดอัด แต่กลับอบอุ่นใจขึ้นมา
คังอิงชอบดูแลคนอื่น นี่เป็สัญชาตญาณแท้จริงของเธอ เพราะจิติญญาของเธอมีอายุ 38 ปีแล้ว พอเห็นสือเจียงหย่วน เธอจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็เหมือน ‘รุ่นน้อง’ พี่สาวจะไม่ดูแลน้องชายได้อย่างไร?
สือเจียงหย่วนกินตับหมูผัดจนหมดจานจริงๆ เหตุผลหลักก็คือ เมื่อวานเขาเสียเืเยอะมาก นี่เป็ครั้งแรกในชีวิตที่เขาเสียเืมากขนาดนี้
หากไม่ใช่เพราะคังอิงบังเอิญมาพบเข้า ต่อให้เขาหนีการตามล่าของพวกคนร้ายได้ แต่พอเขาหมดสติไป ก็คงจะเสียเืมากจนตาย เพราะไม่มีใครมาเจอแน่ๆ
หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว คังอิงก็รีบเก็บจานชามอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องให้สือเจียงหย่วนช่วย คังอิงที่ดูเป็ผู้ใหญ่ดูแลสือเจียงหย่วนเป็อย่างดี
ทว่าหลังจากที่เก็บจานชามเสร็จ คังอิงก็พบว่าสือเจียงหย่วนยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ เขายังคงนั่งอยู่ในห้องรับแขก พลางชงชาอย่างคุ้นเคย
เขาเอาใบชามาจากในตู้เย็น น่าจะเป็ใบชาชั้นดี พอเทน้ำร้อนลงไปกลิ่นหอมก็ค่อยๆ โชยขึ้นมา หลังจากนั้นสือเจียงหย่วนก็เปิดโทรทัศน์
สือเจียงหย่วนกำลังดูข่าวตอนเที่ยง คังอิงก็เลยนั่งลงข้างๆ เขา เพื่อดูโทรทัศน์ฆ่าเวลาด้วยกัน แบบนี้ถึงจะไม่อึดอัด
แม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็แค่ผู้เช่า แต่ก็ไม่อาจไล่เขาออกไปได้ใช่ไหมล่ะ?
พอเห็นคังอิงสามารถทนดูข่าวเที่ยงที่แสนน่าเบื่อเช่นนี้ได้ สือเจียงหย่วนก็อดไม่ได้ที่จะมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ คังอิงดูข่าวด้วยความตั้งใจ ในดวงตาที่แสนมีชีวิตชีวาฉายแววครุ่นคิด
สือเจียงหย่วนรู้สึกว่าท่าทางของคังอิงในตอนนี้ ดูเหมือนนักขุดทองที่กำลังถือจอบขุดหาทองคำอยู่กลางกองข่าว
โดยปกติแล้ว ผู้หญิงมักจะไม่ค่อยสนใจข่าวภาคเที่ยงที่น่าเบื่อพวกนี้ สือเจียงหย่วนเองไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนทนดูข่าวกับเขาได้อย่างเงียบๆ แบบนี้มาก่อน
เขาถามคังอิงด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่ว่าพวกผู้หญิงไม่ไม่ค่อยสนใจข่าวกันเหรอ ผมมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชอบดูมิวสิกวิดีโอมาก ทุกๆ วันเธอมักจะเปิดแต่ช่องเพลง ยังมีเพื่อนผู้หญิงอีกคน เธอชอบดูละครรักโรแมนติก นั่งดูโทรทัศน์ทั้งวันได้แบบไม่มีเบื่อ แต่คุณดูไม่เหมือนพวกเธอเลย ทำไมคุณถึงชอบดูข่าวล่ะ?”
คังอิงคิดไม่ถึงว่าสือเจียงหย่วนจะถามแบบนี้ เธอเลิกคิ้วพลางกล่าวว่า “ข่าวสามารถให้ข้อมูลที่เป็ประโยชน์กับเรา ทำไมฉันจะไม่ดูล่ะ?”
“โอ้? แต่มันก็เป็แค่ข่าวที่เล่าถึงการสืบสวนของทางผู้นำไม่ใช่หรือ” สือเจียงหย่วนแกล้งถามกลับ
“ข่าวพาดหัวใหญ่เมื่อครู่นี้ ก็คือเื่ที่ผู้นำมณฑลหลี่ไปตรวจเยี่ยมบริษัท หัวหยาง ออโตโมบิล บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นภายใต้ชื่อบริษัทเอกชน แถมยังมีสายการผลิตยานยนต์ที่ตนเองพัฒนาขึ้นอีกสองสาย ดังนั้นในไม่ช้าบริษัทนี้น่าจะต้องมีการอัพเกรดและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ไม่อย่างนั้นผู้นำมณฑลคงไม่เดินทางไปตรวจสอบแน่”
“ถ้าฉันเป็ซัพพลายเออร์ที่ให้บริการด้านการผลิตยานยนต์ล่ะก็ ฉันจะรีบคว้าโอกาสเพื่อเจรจากับบริษัทนี้ พยายามร่วมมือกับพวกเขา แล้วขายสายการผลิตยานยนต์ให้กับพวกเขาแน่นอน” สือเจียงหย่วนฟังคังอิงพูดแล้ว ก็ตกตะลึงงุนงง แม้ว่าการที่เขาดูข่าวและให้ความสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองปัจจุบันจะตีความไปอย่างหนึ่ง แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าข่าวพวกนี้จะมองจากมุมนี้ได้
เขาเอ่ยอย่างลังเลว่า “จริงหรือ? คุณมองออกถึงจุดสำคัญเหล่านี้ได้ด้วย?”
สือเจียงหย่วนเองใช่ว่าจะเป็คนที่ไม่มีประสบการณ์เลย เพียงแต่นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้พบผู้หญิงที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากข่าวโทรทัศน์แบบคังอิง แถมผู้หญิงคนนี้เมื่อวานก็เพิ่งจะถูกสามีทำร้ายร่างกายจนต้องหย่าร้าง ประสบการณ์และความรู้ที่แตกต่างกันมากของเธอทำให้สือเจียงหย่วนตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ
“ถ้าไม่เชื่อ ก็รอสักหนึ่งหรือสองเดือนค่อยมาพิสูจน์กันอีกที เพราะโครงการใหญ่ขนาดนี้ ทางบริษัทคงไม่ออกข่าวทันทีหลังจากที่ผู้นำเดินทางมาตรวจสอบ แน่นอนว่าก่อนที่ผู้นำจะเดินทางมาตรวจสอบ บริษัทนี้น่าจะมีไอเดียบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว หรือไม่ก็อาจยื่นแผนธุรกิจต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วก็ได้ คุณลองฟังดูสิ ระหว่างการตรวจสอบ พวกผู้นำมณฑลต่างก็สนับสนุนให้บริษัทนี้พัฒนาและเติบโตขึ้น นี่นับว่าเป็สัญญาณที่ดีเลย”
คังอิงเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ ใบหน้าเปี่ยมสีสันเป็ประกาย แสดงออกถึงความมั่นใจอันแรงกล้าทำให้ผู้อื่นไม่อาจมองข้าม
สือเจียงหย่วนพยักหน้า เขาแอบจดจำชื่อบริษัทนี้อยู่ในใจอย่างเงียบๆ เขาวางแผนว่ารอผ่านไปสองเดือนก่อน แล้วค่อยลองไปสืบดูว่าบริษัทนี้จะเป็อย่างที่คังอิงพูดจริงหรือไม่ ที่ว่าพวกเขาจะอัพเกรดสายการผลิต
“ยังมีข่าวนี้อีก ทางสถานีโทรทัศน์กำลังโฆษณากล้วยไม้สายพันธุ์ของชาวสวนคนนี้ นั่นหมายความว่า กระแสความนิยมของดอกกล้วยไม้กำลังจะลดลง ถ้าไม่รีบขายออกไปล่ะก็ ฉันเกรงว่าพ่อค้าที่ซื้อดอกกล้วยไม้ในราคากว่าหมื่นหยวนต้องขาดทุนย่อยยับแน่ๆ ” เวลานี้คังอิงชี้ไปที่ข่าวหนึ่งซึ่งดูเหมือนเป็ข่าวสังคมเบ็ดเตล็ด แล้วหันมาบอกสือเจียงหย่วน
“คงไม่ขนาดนั้นมั้ง ตลาดดอกกล้วยไม้ในตอนนี้ยังคึกคักอยู่เลย ตอนนี้พันธุ์เจี้ยนหยาง [1] ที่หายากราคาสูงมาก อย่างน้อยก็ต้องขายได้ในราคาหลักหมื่นหยวนแน่ๆ จะเป็ไปได้ยังไงที่มันจะขายไม่ได้อย่างที่คุณพูด”
บ้านของสือเจียงหย่วนก็มีกล้วยไม้เจี้ยนหยางอยู่หลายกระถาง แม่ของเขาชอบมันมากจึงเลี้ยงดูมันอย่างดี แถมยังมีบ้านญาติพี่น้องที่ดอกกล้วยไม้บางกระถางจัดแสดงอย่าง “สูงส่งงดงาม” คุณค่าสูงมาก ทำให้สือเจียงหย่วนรู้สึกว่า กล้วยไม้ยังเป็ดอกไม้ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง อีกทั้งจากการที่เห็นผู้คนพากันซื้อขายกันอย่างคึกคัก ดูเหมือนราคาจะไม่ลดลงเลยสักนิด!
อย่างไรเสียสือเจียงหย่วนก็ไม่ใช่คนจากอนาคต แม้เขาจะมีความรู้และวิสัยทัศน์ แต่เขาไม่อาจทำแบบคังอิงที่หลอมรวมความรู้จนเข้าใจเหตุการณ์ได้เป็อย่างดี ทั้งยังรู้เหตุการณ์ในอนาคต เพราะอย่างนั้นการที่เขาตัดสินใจผิดพลาดถือเป็เื่ปกติ
แต่คังอิงกลับรู้ดีว่า กระแสนิยมกล้วยไม้นั้นเฟื่องฟูสูงสุดใน่ปี 1990 ไปจนถึงต้นปี 2000 ถึงสามครั้ง แต่ใน่ที่ราคาพุ่งสูงขึ้น ก็มี่ขาลงเหมือนกัน หากไม่ควบคุมจังหวะให้ดี อาจถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว แถมยังมีคนโดดตึกฆ่าตัวตายเพราะเื่นี้ด้วย
เชิงอรรถ
[1] กล้วยไม้ดินจุหลัน (Cymbidium ensifolium) เป็ซิมบิเดียมวงศ์กะเรกะร่อน ชาวจีนเชื่อว่าเป็ไม้มงคล และเป็กล้วยไม้สำหรับชนชั้นสูง ในลัทธิขงจื๊อได้เปรียบความหอมของจุหลันเป็สัญลักษณ์แห่งความดีงาม คุณธรรม และจริยธรรม นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ว่า สตรีที่มีบุตรยากหากได้ดมดอกจุหลันแล้วจะสมหวังดั่งใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้