ในกระโจมอีกทางด้านหนึ่งเว่ยซื่อกำลังจับมือบุตรสาวสองคนพลางบอกกำชับพวกนาง
“เื่นี้ข้าเองก็รู้สึกว่าไม่เกี่ยวข้องกับฟู่ผิงเซียงผู้นั้น”เว่ยซื่อมีสีหน้าเคร่งเครียด แน่นอนว่าสิ่งที่นางกังวลไม่ใช่กู้เจิงแต่เป็บุตรสาวทั้งสองของตน กู้อิ๋งสนิทกับฟู่ผิงเซียงผู้นี้มาโดยตลอด “อิ๋งเอ๋อร์หากเป็ฝีมือของฟู่ผิงเซียงจริงๆ จิตใจของนางคงน่ากลัวเกินไปแล้วคนเช่นนี้เ้าต้องระวัง ไม่อาจล่วงเกินได้ง่ายๆ”
“ลูกเข้าใจแล้วเ้าค่ะ” กู้อิ๋งพยักหน้า สีหน้าวิตกกังวล“วันหน้าหากลูกพบนาง จะพยายามพูดคุยให้น้อยลงเ้าค่ะ”
อุปนิสัยของกู้อิ๋งบุตรสาวคนโตเหมือนกับนางเว่ยซื่อเชื่อว่าเื่เช่นนี้บุตรสาวคนโตจะจัดการได้ดีส่วนบุตรสาวคนเล็กกู้เหยาก็ไม่รู้ว่าเหมือนใคร คำพูดไม่เคยผ่านการไตร่ตรองอยากจะพูดอะไรก็พูดตรงๆ “เหยาเอ๋อร์ เ้าก็ต้องระวังให้มากยามออกไปเที่ยวกับสตรีตระกูลสูงศักด์ อย่าได้รีบชิงดีชิงเด่นจะได้ไม่เป็ภัยกับตัว”
“ใครกล้าทำมาอะไรข้า" เมื่อคืนตอนที่ทราบเื่ของพี่ใหญ่กู้เหยาใมากจริงๆ แต่ตอนนี้นาง สงบใจลง “ข้ากับพี่ใหญ่จะเหมือนกันที่ไหน? ข้าเป็ลูกของของท่านแม่นะ”
“ถึงจะเป็อย่างนั้นแต่ก็ต้องพึงระวังคนไม่ดีที่จะคิดร้ายกับเราไว้บ้าง” เห็นบุตรสาวตัวน้อยเป็เช่นนี้
เว่ยซื่อก็ต้องเตือนนางให้ดี
กู้หงหย่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธเคือง
“ท่านพี่ เป็อะไรไปเ้าคะ” เว่ยซื่อเดินมาหยุดอยู่ข้างกายเขา
กู้หงหย่งแค่นเสียงเ็า “เสิ่นเยี่ยนผู้นั้น เมื่อครู่ข้าไปพูดจาดีๆกับเขาให้เขารีบแต่งกู้อวี๋
ออกไปแต่เนิ่นๆ แต่เขากลับปฏิเสธว่าได้แจ้งวันเวลาแก่ญาติพี่น้องไว้แล้ววันแต่งงานจะต้องเป็หนึ่งเดือนหลังจากนี้เหมือนเดิม”กู้หงหย่งโกรธจัดจนหัวเราะออกมา “ตระกูลป๋อเจวี๋ยเช่นข้าไปบอกเขาเื่การแต่งงานของบุตรสาวอนุภรรยาด้วยตนเอง เขากลับไม่รับน้ำใจจะมีเหตุผลเช่นนี้ได้อย่างไร”
เว่ยซื่อคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าเสิ่นเยี่ยนจะไม่ตกลง เื่ต่างๆมากมายที่กู้อวี๋ได้ก่อขึ้น ตระกูลเสิ่นไม่ยกเลิกการแต่งงานก็นับว่าดีแล้ว
ฝนในฤดูใบไม้ร่วงทำให้อากาศเย็นขึ้น งานล่าสัตว์ได้สิ้นสุดลงแล้ว
กู้เจิงเพิ่งรู้ว่าลานล่าสัตว์จะย้ายสถานที่ไปเรื่อยๆ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อคืนนางกับชุนหงถึงไม่เห็นทหารองครักษ์ยืนรักษาการณ์
หลังจากชุนหงมาเยี่ยมนางแล้วก็ไปพักผ่อน กู้เจิงว่างจนเบื่อเรียวขาของนางที่ขูดเกี่ยวกับกิ่งไม้นั้นาเ็เพียงเล็กน้อยตอนนี้ก็หายดีแล้วมีเพียงฝ่าเท้าที่คาดว่าต้องใช้เวลาหลายวันถึงจะหายดี
กู้เจิงวางข้อศอกลงบนตัก ฝ่ามือรองรับใต้กรอบหน้านิ้วมือเคาะบนแก้มเบาๆ ลุงของฟู่ผิงเซียงเป็แม่ทัพอย่างนั้นหรือ? เื่ในครั้งนี้ที่นางถูกตีจนสลบและเกือบจะทำให้นางต่องเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็แม่ทัพเยี่ยนผู้นี้ที่ทำเพื่อหลานสาวใช่หรือไม่?
ถ้าใช่แล้วอย่างไร? ไม่ใช่แล้วอย่างไร? นางสับสนไปหมด ชีวิตต่อไปนี้ก็อยู่แต่ในเรือนแล้วกัน อย่าว่าแต่ฟู่ผิงเซียงหรือแม่ทัพเยี่ยนเลยไม่มีทางที่จะเข้ามาหาเื่นางถึงในจวนกู้ได้
“คุณหนูใหญ่ แย่แล้ว แย่แล้วเ้าค่ะ” ชุนหงวิ่งะโเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น?” กู้เจิงใ
“ข้างนอกมีข่าวลือว่าคุณหนูใหญ่ฟู่ถูกคุณชายสามหนิงล่วงเกินเข้าบ่าวได้ยินว่าตระกูลฟู่และตระกูลหนิงถูกเรียกให้เข้าไปในกระโจมของฮ่องเต้แล้วเ้าค่ะ”ชุนหงกล่าวอย่างร้อนใจ “คุณหนูใหญ่ ท่านทำใจดีๆ นะเ้าคะ?”
กู้เจิงรู้สึกว่าชีวิตนี้จบสิ้นแล้ว
“คุณหนูใหญ่ ท่านจะทำอะไรเ้าคะ?” กู้เจิงฝืนสวมรองเท้าโดยไม่สนใจอาการาเ็ออกจากกระโจมไปชุนหงรีบตามออกไป
นางรีบออกจากกระโจมเพื่อไปหาท่านพ่อกับเว่ยซื่อเพื่อสอบถามข่าวคราวจากแต่เมื่อกำลังจะเข้าไปในกระโจมของท่านพ่อก็พบองค์ชายห้ากับเสิ่นเยี่ยนเข้าพอดี
องค์ชายห้าแววตาก็เ็าขึ้นทันทีเมื่อเห็นกู้เจิง
กู้เจิงเดินเข้าไปคารวะเขาอย่างว่าง่าย เสิ่นเยี่ยจำต้องทักทายนางอย่างเ็านางถามอย่างกังวลว่า “องค์ชายห้าเพคะ หม่อมฉันได้ยินข่าวเื่คุณหนูใหญ่ฟู่และฝ่าาทรงเรียกทั้งสองตระกูลเข้าพบ จริงหรือไม่เพคะ”
“ไม่ผิด”องค์ชายห้ารู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นสีหน้าร้อนรนของกู้เจิง
“เช่น เช่นนั้นข้าจะเป็อะไรไหมเพคะ?” กู้เจิงถามอย่างเคร่งเครียด
แววตาของเสิ่นเยี่ยนสั่นไหว
องค์ชายห้าหัวเราะอย่างเ็า “ทำไมข้าต้องบอกเ้าด้วย?”
กู้เจิงไม่โกรธเลยสักนิด ชีวิตน้อยๆ สำคัญยิ่งนัก นางยืนเงียบๆอยู่ด้านข้าง ก่อนจะกล่าวว่า “องค์ชายห้ากับคุณชายเสิ่นมาที่นี่น่าจะมาพบท่านพ่อท่านแม่และบอกพวกเขาถึงผลลัพธ์ของเื่นี้กระมังเชิญเข้าไปข้างในเถิด หม่อมฉันจะฟังอย่างเงียบๆ อยู่ด้านข้างเพคะ”
เสิ่นเยี่ยนมองดูกู้เจิง ยามนี้นางดูสงบและน่าหลงใหลความงามและความอ่อนโยนเป็เอกลักษณ์ของนาง นางมักจะก้มหน้าน้อยๆและพยายามหลบเลี่ยงผู้คนอยู่เสมอ แต่แปลกที่เขากลับรับรู้ถึงตัวตนของนาง