ตระกูลหวางมีวัวอยู่หนึ่งตัว ฤดูเพาะปลูกมีไว้ไถนา แต่หากว่างจากการเพาะปลูกจะใช้สำหรับรับส่งคนเข้าอำเภอหรือไม่ก็ตำบล หารายได้เล็กๆ น้อยๆ
หวางฟู่กุ้ยจะนำงานไม้ไผ่สานที่เขาทำกับพ่อตอนมีเวลาว่างไปส่งให้ร้านขายของเบ็ดเตล็ดในตำบล สองพ่อลูกมีฝีมือดีมากของที่ทำทั้งทนทาน ทั้งสวยงาม ร้านขายของในตำบลถึงได้ยอมรับซื้อ
เพียงแต่ได้ราคาไม่สูงมากนัก
แต่พวกเขากลับไม่รังเกียจ ได้หนึ่งเหรียญทองแดงก็เอาหนึ่งเหรียญทองแดง
หวางฟู่กุ้ยเทียมเกวียนแล้วนำงานไม้ไผ่สานสองกองมาวาง้า จากนั้นจึงเรียกหวางกุ้ยเซียงกับหลินหวั่นชิวขึ้นเกวียน
หลินหวั่นชิวหยิบเหรียญทองแดงสองเหรียญออกมาให้หวางกุ้ยเซียง แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับไว้ “พี่สะใภ้อย่าเห็นข้าเป็คนอื่นคนไกล”
หวางกุ้ยเซียงพูดสนับสนุนเช่นกัน “นั่นน่ะสิ จะเก็บเงินท่านได้อย่างไร รีบเก็บกลับไปเถิด”
หลินหวั่นชิวกลับส่ายหน้า “ได้อย่างไรกัน มันคนละเื่กัน หากข้าไม่จ่ายแล้วผู้อื่นมาเห็นเข้าล่ะ? ขืนพวกเขาบอกว่าไม่จ่ายด้วย…เช่นนั้นพวกเ้าจะทำอย่างไร? คงได้มีปากมีเสียงกันเป็แน่”
“เกวียนของบ้านข้าอยากให้ผู้ใดนั่งก็ย่อมได้ ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์ยุ่ง!” หวางกุ้ยเซียงพูด นางยังคงไม่อยากเก็บเงินหลินหวั่นชิว
“โอ้ ฟู่กุ้ยจะเข้าอำเภอหรือตำบลหรือ?” ขณะที่กำลังพูด มีสตรีจูงเด็กคนหนึ่งมาทางนี้พอดี
หวางฟู่กุ้ยตอบว่า “อาสวีสาม ข้าจะเข้าตำบล”
สตรีนางนี้เป็น้องสะใภ้ของหมอสวีไคซาน ภรรยาของสวีไคฉวน นามว่าตู้เอ้อร์ฮวา
“เช่นนั้นพาพวกข้าสองคนไปด้วย พวกข้าสองแม่ลูกจะเข้าตำบลเช่นกัน” ตู้เอ้อร์ฮวาอุ้มเด็กขึ้นเกวียน
หวางฟู้กุ้ยเห็นนางไม่มีท่าทีจะหยิบเงินก็เอ่ยเตือน “ได้ ผู้ใหญ่หนึ่งคนสองเหรียญทองแดง เด็กหนึ่งเหรียญทองแดง ทั้งหมดสามเหรียญทองแดง”
ตู้เอ้อร์ฮวายืดหน้าอกอวบอ้วนทำตาเขม็งใส่เขา “เป็ทางผ่านเ้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ขนาดนังจิ้งจอกหลินหวั่นชิวเ้ายังไม่เก็บเงิน เหตุใดจึงเก็บพวกข้า?”
พูดจบก็มองมาทางหลินหวั่นชิวอย่างดูถูก
หวางกุ้ยเซียงโมโหทันที “ผู้ใดเป็นังจิ้งจอก? อาสวีสาม ถ้าจะนั่งก็จ่ายเงิน ไม่นั่งก็ลงไป!”
“ข้าพูดผิดหรือ? ใครๆ ก็รู้ว่าผู้ใดเป็นังจิ้งจอก หรือว่าพี่ชายเ้ามีความสัมพันธ์กับนางถึงได้ไม่เก็บเงิน! ให้ตาย นังจิ้งจอกคงยากจนมากสิ แค่สองเหรียญทองแดงยังต้องถ่างขา”
“อาสวีสาม เกวียนบ้านข้าไม่ลากให้ท่านแล้ว ท่านไปเถิด” หวางฟู่กุ้ยโมโหเช่นกัน แต่เขาใช้คำพูดไม่เก่ง
สตรีนางนี้แค่อ้าปากก็สาดน้ำสกปรกใส่พี่สะใภ้ ทั้งยังดึงเขาเข้าไปเกี่ยว หากเจียงต้าเกอกลับมา เขาจะอธิบายกับเจียงต้าเกอว่าอย่างไร
“ข้าไม่ลง หวางฟู่กุ้ย เขาคงไม่ได้ใจฝ่อกระมัง? ถูกนังจิ้งจอกล่อลวงิญญาหรือ?”
“นังจิ้งจอก นังจิ้งจอก!” สวีตัวเป่าพูดตามอยู่ด้านข้าง
ตอนนี้บรรดาชาวบ้านเริ่มออกมามองกันแล้ว คนที่คิดจะนั่งเกวียนก็เข้ามามุงเช่นกัน ตู้เอ้อร์ฮวายิ่งพูดก็ยิ่งโมโห
“ทุกคนดูสิ นังจิ้งจอกหลินหวั่นชิวแค่ถ่างขาก็ไม่ต้องจ่ายค่าเกวียน ช่างหน้าไม่อายเสียจริง ล่อลวงพี่เขยจนท่อนล่างเละหมดแล้ว ยังจะมีบุรุษ้าตัวอีก ไอ๊หยา…ไม่กลัวเหม็นกันบ้างเลย!”
คำพูดของนางทำให้สายตาที่ชาวบ้านมองหลินหวั่นชิวนั้นมองไม่ดีนัก บ้างก็ชี้ไม้ชี้มือมาที่นาง
หวางกุ้ยเซียงโมโหจนหอบหายใจแรง เข้าไปผลักตู้เอ้อร์ฮวา “นังหญิงปากร้ายไร้ยางอาย ไม่อยากจ่ายค่ารถเลยพ่นขี้…”
“กุ้ยเซียง!” หลินหวั่นชิวห้ามนางไว้
ตู้เอ้อร์ฮวามองหวางกุ้ยเซียงอย่างได้ใจ “ดูสิ ขนาดนังจิ้งจอกยังยอมรับเอง”
“นางยังมีหน้าออกจากบ้านอีก”
“หน้าไม่อายจริงๆ”
“แค่เห็นบุรุษหนุ่มก็ยั่วยวนไปเสียหมด”
“ต้องกลับบ้านไปเฝ้าเป้ากางเกงของผู้ชายที่บ้านให้ดีเสียแล้ว อย่าให้นังจิ้งจอกล่อลวงไป”
“พวกเ้าอย่าพูดบ้าๆ พวกเ้าไปเห็นภรรยาเจียงเหล่าต้าล่อลวงคนเมื่อไร”
“นั่นน่ะสิ คำพูดตู้เอ้อร์ฮวาเชื่อถือได้ด้วยหรือ เมื่อวานนางยังบอกว่าน้องสะใภ้ตัวเองล่อลวงอยู่เลย”
“ตู้เอ้อร์ฮวาพ่นขี้ออกมา แต่ดันมีคนรู้สึกว่าหอม”
บรรดาชาวบ้านผลัดกันพูดคนละประโยค บ้างก็พูดไม่ดี บ้างก็ไม่เชื่อ
“เอาสิ ใครที่รู้สึกว่าข้าไม่รักษาจารีตของสตรี ว่าข้าว่าล่อลวงคน เช่นนั้นก็ไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน จับถ่วงน้ำตามกฎของหมู่บ้าน จับโจรต้องมีหลักฐาน จับคนทรยศต้องจับพร้อมชู้ ในเมื่อพวกเ้าสาดน้ำสกปรกใส่ข้า…ถ้าแน่จริงก็เอาข้าไปถ่วงน้ำอีกรอบได้เลย อย่างไรเสียสามีของข้าก็ขึ้นเขาไปล่าสัตว์แล้ว ตอนนี้ข้าไม่มีผู้ใดให้พึ่ง ผู้ใดไม่ไปบอกให้หัวหน้าหมู่บ้านจับข้าถ่วงน้ำ ผู้นั้นเป็เต่าหดหัว! หากไม่กล้าก็อย่าพูดกระไรมั่วๆ ขืนยังกล้าพูดมั่วๆ อีก เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่พูดดีด้วย!”
เมื่อเสียงเย็นยะเยียบของนางสิ้นสุดลง เสียงที่กล่าวว่านางล่อลวงคนก็เงียบหายไป
ตู้เอ้อร์ฮวาคิดไม่ถึงว่าหลินหวั่นชิวจะสู้คนขนาดนี้ นางผงะไปชั่วครู่ แต่เพราะนางพูดจาให้ร้ายคนจนชิน ทั้งยังมีคนแอบมอบผลประโยชน์ให้นาง สั่งให้นางทำลายชื่อเสียงของหลินหวั่นชิว
นึกถึงเงินในกระเป๋า…ตู้เอ้อร์ฮวาไม่คิดอยากจะคืน
นางโวยวายอีกว่า “นังโสเภณีหน้าไม่อาย ทุกคนในหมู่บ้านรู้เื่ที่เ้ายั่วพี่เขยตัวเองกันหมด…แค่ถ่างขาก็ไม่ต้องจ่ายค่ารถ…”
“ส่วนเ้า ขนาดถ่างขาแล้วยังต้องแถมเงินอีก” คำพูดคลุมเครือประโยคนี้ของหลินหวั่นชิวทำให้หลายคนกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“เ้า…” ตู้เอ้อร์ฮวาโมโห หลินหวั่นชิวพูดจาปราดเปรียวเช่นนี้ั้แ่เมื่อไร?
“กระไรของเ้า นังโสเภณีแก่หน้าด้าน วันๆ ดีแต่นั่งอ้าขาอยู่หน้าบ้าน น่าเสียดาย ขนาดหมาตัวผู้เห็นยังต้องเดินหนี”
ผู้ใดด่าคนไม่เป็บ้างกัน?
เ้าด่ามา ข้าจะด่ากลับให้แรงยิ่งกว่า
หวางกุ้ยเซียงตะลึงงัน มองหลินหวั่นชิวด้วยความนับถือ ั้แ่ที่แม่นางอยู่กับเจียงต้าเกอ นางราวกับเป็คนละคนอย่างไรอย่างนั้น
มีบุรุษหนุนหลังช่างดีเหลือเกิน
ชาวบ้านที่มุงดูพากันหัวเราะ ฝีปากของหลินหวั่นชิวไม่เบาเลยจริงๆ
หลายคนดีใจที่ตัวเองไม่ได้ปะทะฝีปากกับหลินหวั่นชิว มิเช่นนั้นคงด่าสู้ไม่ได้
“ฟู่กุ้ย โสเภณีแก่นี่อ้วนเกินไป คนเดียวหนักเท่าสามคน เก็บแค่สองเหรียญทองแดงมีแต่จะขาดทุน”
“นังโสเภณี ข้าจะสู้กับเ้า!” ตู้เอ้อร์ฮวาเคยต้องโมโหขนาดนี้ที่ไหน โบกมือสองข้างใส่หลินหวั่นชิว
สีหน้าหลินหวั่นชิวเ็า ยกเท้าถีบ
“กรี๊ด!” ตู้เอ้อร์ฮวาที่ไม่ทันป้องกันถูกหลินหวั่นชิวถีบลงเกวียน ล้มลงร้องโอดโอยบนพื้น
สวีตัวเป่าใ มีคนกล้าตีแม่เขาด้วย?
หลินหวั่นชิวใเช่นกัน นี่นางแรงเยอะขึ้น?
ถึงกับถีบหญิงอ้วนลงจากเกวียนได้!
“ไอ้หนู ยังไม่รีบลงไปอีก จะรอให้ข้าพาเ้าไปขายในตำบลหรือ?” หลินหวั่นชิวไม่กล้าถีบสวีตัวเป่าลงรถต่อหน้าชาวบ้าน ได้แต่ทำหน้าให้เขากลัว
และก็ได้ผล สวีตัวเป่าใกลัว รีบะโลงจากเกวียนไปหาแม่ที่ล้มกลิ้งบนพื้น
หลินหวั่นชิวไม่แม้แต่จะมองสองแม่ลูกคู่นั้น นางยัดเหรียญทองแดงสองเหรียญใส่มือหวางกุ้ยเซียงต่อหน้าทุกคน แสยะยิ้มพูดกับบรรดาชาวบ้านว่า “จะนั่งเกวียนก็จ่ายเงิน ไม่นั่งก็อย่าขวางทาง ขอพูดอีกครั้ง ถ้าแน่จริงเชิญเอาข้าไปถ่วงน้ำ มิเช่นนั้น…ผู้ใดที่พูดจาไม่ดี ข้าจะจำหน้าไว้แล้วเอาไปฟ้องสามีของข้า”
เมื่อนางพูดจบ ทุกคนที่นี่นึกถึงหน้าตาดุร้ายของเจียงหงหย่วนกับภาพที่เขาปกป้องหลินหวั่นชิวเมื่อสองวันก่อน หลายคนใจเต้นด้วยความหวาดกลัว