ต้วนชิงิยิ้มเจื่อนๆพวกนางไม่ใช่ไม่กล้าทำอะไรพวกเรา แต่กำลังเริ่มที่จะทำแล้วต่างหาก!
ยิ่งไปกว่านั้นต้วนชิงิยังสังหรณ์ใจว่าอีกสักครู่คุณหนูเหล่านี้จะต้องโเี้อย่างไม่เคยพบเห็นมาก่อนหวังว่าจะไม่ทำร้ายกันจนเืตกยางออกเป็พอ!
เพราะว่าร่างกายของคุณหนูเหล่านี้สูงศักดิ์และเป็ผู้ดีในเมืองหลวงตระกูลของพวกนางต่างเกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อนถ้าเกิดคุณหนูเหล่านี้าเ็ที่ตำหนักติ้งกั๋วกงต่อให้เป็งานเลี้ยงที่เชิญโดยเสิ่นกุ้ยเฟยตำหนักติ้งกั๋วกงก็ยากจะปัดความรับผิดชอบได้แต่ดูแล้วเสิ่นกุ้ยเฟยตั้งใจเล่นใหญ่ขนาดนี้ เหมือนว่าเป้าหมายของนางไม่ได้เพียงเพื่อร่วมงานเลี้ยงธรรมดาแค่นั้นแล้วสิ่งที่นาง้าจริงๆ คืออะไรกันแน่?
ทว่าเื่นี้ไม่มีใครรู้!
เมื่อได้ฟังน้ำเสียงของซือหลัวที่ดูท่าทางมั่นใจนางจึงแน่ใจขึ้นไปอีกว่าซือหลัวคนนี้ไม่ธรรมดา สองคนนี้ดูเหมือนจะสนใจตนเองมากกว่านางต้วนชิงิจึงพูดเสียงเบา “ข้าไม่เป็ไร...ต่อจากนี้พวกเ้าไม่ต้องพูดอะไรอีก ถ้ามีเื่อะไรให้เขียนที่ฝ่ามือแทน”
สองคนนั้นจับข้อมือของต้วนชิงิไว้แน่นไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
ภายในห้องนี้เหมือนมีตัวอะไระโขึ้นไปบนร่างกายเมื่อััโดนใครจะสร้างความหวาดกลัวขึ้นมาพริบตาเดียวในห้องก็เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้เอะอะโวยวาย เสียงด่าทอด้วยความโมโหรวมทั้งเสียงร้องขอที่ดูใผสมกันอยู่ในนั้นปกติคุณหนูเหล่านี้จะมีท่าทางกิริยามารยาทผู้ดีแต่ภายใต้ห้องแห่งความมืดมิดแห่งนี้ ทุกอย่างถูกโยนถูกทิ้งไปหมดแล้ว เ้าหลบข้าหนี ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นมาครั้งใหญ่!
แต่กลุ่มสามคนของต้วนชิงิกลับจับมือกันนิ่งแม้จะไม่มีใครเหยียบพวกนางได้สิ่งนั้นวิ่งผ่านด้านหลังของพวกนางไปเพียงรอบเดียวแล้วหายไป
เชวียหนิงหรานกลัวความมืดจนตัวสั่นเทิ้มไปหมดในความมืดมิดนั้น นางเขียนบนฝ่ามือของต้วนชิงิ ‘นี่มันตัวอะไรกัน!’
ผ่านไปอีกครู่นางก็เขียนอีกว่า ‘ใช่หนูหรือไม่ ข้ากลัวมันมากที่สุด!’
ต้วนชิงิคิดอยู่ชั่วครู่ ‘เป็หนูที่คนเลี้ยงไว้ ปล่อยมาเพื่อแกล้งให้พวกเราใ ข้าไม่กลัวหนูหรอก!’
เชวียหนิงหรานก็ไม่ได้เขียนอะไรอีกเพียงขยับตัวเข้ามาใกล้ต้วนชิงิมากขึ้น พลางสั่นไปทั้งตัว
ทันใดนั้นเองในห้องก็มีเพียงเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้นมา “คุณหนูทุกท่านอย่าตระหนกไป ดูสิว่าในตัวของใครมีฮว่าเจ๋อจือ[1]?”
ในความมืดมิดมีเสียงส่งมาทุกคนต่างกำลังหาของอยู่ ส่วนต้วนชิงิหัวเราะเยาะในใจคุณหนูเหล่านี้สูงศักดิ์มือไม่เคยได้ทำงานหนักอะไรในตัวแม้เงินสักเหลียงก็ไม่พกแล้วจะมีฮว่าเจ๋อจือของที่ไร้ค่าติดตัวได้ยังไง? กลัวว่าฮว่าเจ๋อจือจะอยู่ในมือของบ่าวรับใช้พวกนั้นที่เฝ้าอยู่ด้านนอก
เมื่อเสียงเงียบลงครู่เดียวก็มีเสียงพูดปนสะอึกสะอื้น “ข้าไม่มี!”
จากนั้นก็มีคนพูดด้วยเสียงอู้อี้ในคอว่า “ข้าก็ไม่มี!”
ในความมืดยังมีเสียงคนพูดขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ข้าไม่เคยพกของเหล่านี้ติดตัว!”
และอีกคน “ใช่แล้ว ของเหล่านี้อยู่ในมือพวกบ่าวรับใช้ ใครจะไปพกล่ะ!”
มีคนสุดจะทนพูดอย่างถอดใจ “เช่นนั้น มีใครได้พกของประเภทหยกเรืองแสงติดตัวมาบ้าง?”
หยกเรืองแสงสามารถส่องแสงสว่างในที่มืดเป็ของหายากคนทั่วไปจึงไม่มีไว้ในยิ่งไปกว่านั้นยังมีลักษณะค่อนข้างใหญ่จึงไม่มีใครพกติดตัวต่อให้ถึงเวลาใช้ก็ต้องใส่กล่องใบเล็กแล้วให้บ่าวรับใช้ถือไว้
เหอะๆดูสิ พวกผู้ดีใช้ของดี กินอยู่สุขสบายถูกบ่าวรับใช้ปรนนิบัติจนเคยตัวตอนนี้ไม่มีพวกบ่าวใช้ก็ทำอะไรไม่เป็แล้วหรือ! สองวิธีนี้ที่ดูท่าแล้วจะใช้ไม่ได้ตอนนี้คิดแผนอะไรไม่ออก ถึงคิดออกกลับไม่มีของนั่นเท่ากับว่าไม่มีวิธีการใดที่ใช้ได้เลย
คุณหนูคนนั้นถามขึ้นมาเช่นนี้เหมือนกับท้อแท้ใจแล้ว “เช่นนั้น พวกเราทำได้แค่รอให้พวกเขายอมเปิดประตูให้แล้วกัน!”
ได้ยินเช่นนั้นจึงไม่รู้ว่าต้องอยู่ในความมืดมิดอีกนานเท่าไหร่ มีคุณหนูบางคนพูดอย่างโกรธเคือง “พวกเขาถือดีอะไรมาขังพวกเราไว้ที่นี่?ข้าจะกลับไป... กลับไปหาท่านแม่...”
มีคุณหนูบางคนเขย่าประตูอย่างสุดชีวิต “เปิดประตูๆ ท่านพ่อข้าเป็ถึงโหวเหย่[2] เ้ากล้าขังข้าไว้ในนี้ข้าจะให้ท่าพ่อบั่นคอเ้า!”
และยังมีคุณหนูบางคนร้องไห้ขอร้องคนที่อยู่ด้านนอกให้ปล่อยนางโดยเร็ว
ต้วนชิงิกลับหัวเราะคำพูดและการกระทำของคุณหนูเหล่านี้จะถูกคนที่อยู่ด้านนอกจดบันทึกไว้แล้วกระมัง? ส่วนเื่หลังออกไปจากที่นี่ คำพูดเหล่านี้คงใช้ตัดสินเป็คะแนน
ซือหลัวขยับตัวเหมือนหาอะไรในความมืดคำถามของคุณหนูคนนั้นทำให้ซือหลัวเหมือนอยากพูดอะไรแต่ต้วนชิงิใช้แรงบีบที่มือเพื่อส่งสัญญาณว่าอย่าพูดอะไรออกไป
ต้วนชิงิเชื่อว่าต่อให้มีฮว่าเจ๋อจืออยู่ในมือก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้เนื่องจากคนพวกนี้คงไม่ได้มาล้อมรอบเพียงกลุ่มเดียวเป็แน่แต่ถ้ามาแกล้งคุณหนูเหล่านี้ก็ย่อมได้ ทว่าไม่สามารถทำร้ายพวกนางได้แม้แต่นิดเดียวด้านนอกในตอนนี้คงมีหลายคนรออะไรบางอย่างอยู่!
ส่วนรออะไรอยู่นั้น? ต้วนชิงิก็ยังไม่รู้ แต่อีกไม่นานนางจะได้รู้แล้ว!
เพียงครู่เดียวจู่ๆก็มีควันลอยเข้ามาจากหน้าต่างและประตูที่ถูกปิด เข้ามาทั่วบริเวณรอบห้องนี้แม้ว่าควันที่เข้าลอดเข้ามาในห้องทุกคนจะไม่เห็นแต่เมื่อจมูกได้สูดเข้าไปก็ไม่มีใครลืมว่าเป็กลิ่นอะไร
อากาศในห้องแห้งมากจึงทำให้ควันเต็มที่พื้นโดยเร็วหลายคนเริ่มไอ มีคนเริ่มเปล่งเสียงด้วยความเศร้าโศกออกมา “นี่มันอะไรกัน!... ยังปล่อยควันเข้ามาอีก? จะให้พวกเราสำลักควันตายหรือไร?”
หลายคนพุ่งไปที่ประตูดึงประตูพลางะโไปด้านนอก “เปิดประตูปล่อยพวกข้าออกไปๆ”
ไม่นานทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงไอทำให้ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกกลับมีเพียงควันที่ลอยเข้ามาทั่วทั้งห้อง
เวลานี้ต้วนชิงิค่อยๆดึงมือซือหลัวและเชวียหนิงหรานให้ย่อตัวลง นางพูดออกมา “ทุกคนย่อตัวลงกับพื้น ใช้เสื้อปิดจมูกและรีบก้มไปที่พื้น!”
เมื่อได้ยินคำพูดของต้วนชิงิบางคนได้สติขึ้นมาจึงรีบก้มหน้าไปที่พื้น จากนั้นดึงเสื้อมาปิดจมูก
ต้วนชิงิเขียนไปที่มือของเด็กสาวทั้งสอง ‘อย่าส่งเสียง ตามข้ามา ค่อยๆ ดึงกันมา พวกเราเตรียมตัวออกไป!’
เมื่อต้วนชิงิเขียนเสร็จก็เอามือเชวียหนิงหรานไปจับมือซือหลัวส่วนนางนำทาง ค่อยๆ เดินไปแท่นบูชา
รู้หรือไม่? รูปปั้นเ้าแม่กวนอิมไม่ว่าจะอยู่ในจวนขุนนางหรือบ้านเรือนของชาวบ้านมักจะมีแท่นบูชาไม่ก็จะวางไว้ที่ศาลเ้า โบสถ์หรือไม่ก็ห้องนอนเ้าของบ้าน พูดได้ว่าจะไม่มีใครสามารถหาเจอได้ง่ายๆแต่เ้าแม่กวนอิมองค์นี้กลับอยู่ตรงกลางห้อง ถ้าต้วนชิงิจำไม่ผิดละก็ แท่นบูชาไม่ได้สูงมากนักแต่กลับแข็งแรงแ่าย่อมไม่ได้สร้างมาโดยง่ายเป็แน่ดังนั้นนางจึงมั่นใจว่าห้องนี้จะต้องมีทางหนีออกไปได้และไม่แน่ว่ากลไกจะอยู่ใต้ฐานแท่นบูชา
ขอเพียงหาวิธีที่จะปีนเข้าไปด้านล่างแท่นบูชาก็จะสามารถหากลไกที่ซ่อนอยู่พบขอเพียงออกไปจากที่นี่ได้ นางสาบานว่านางจะไม่ร่วมงานเลี้ยงบ้านี่อีกแล้วจะรีบกลับจวนเปลี่ยนเสื้อผ้า!
นางตัดสินใจแล้วว่าต่อจากนี้ไม่ว่างานเลี้ยงประเภทไหน นางจะใช้ข้ออ้างว่าป่วยและจะปฏิเสธไปให้หมด!
นั่นก็เพราะว่าตอนคุณหนูทั้งหลายร้องไห้อย่างอเนจอนาถต้วนชิงิสังเกตถึงเห็นความจริงเื่หนึ่งนั่นก็คือเื่ที่เกิดในวันนี้กลัวว่าจะเป็ความคิดของเสิ่นกุ้ยเฟยเพียงผู้เดียวทว่าผลลัพธ์นั้นนางรับคนเดียวไม่ไหวเป็แน่!
…...
[1]ฮว่าเจ๋อจือ คือ พับไฟหรือตะบันไฟเป็เครื่องมือจุดไฟสมัยโบราณลักษณะเป็กระบอกเปิดปิดได้
[2]โหวเหย่ เป็ตำแหน่งขุนนางเทียบเท่าเ้าพระยา