“ฝ่าา อวิ๋นซีมิบังอาจเรียกร้องความดีความชอบ เพียงอยากจะขอร้องให้ท่านไว้ชีวิตตระกูลหานเถิด!”
หานอวิ๋นซีพูดและคุกเข่าลงทันที นางพูดอย่างจริงจังว่า “ฝ่าา โรคประหลาดที่หานฉงอันวินิจฉัยนั้นถูกเก็บเป็ความลับมาโดยตลอด อวิ๋นซีเชื่อว่านอกจากหานฉงอันแล้ว ไม่มีใครในสามตระกูลหานรู้เื่นี้ และไม่มีใครกล้าที่จะใส่ร้ายไท่จื่อ อวิ๋นซีเต็มใจที่จะชดใช้ความผิด ได้โปรดฮ่องเต้ทรงไว้ชีวิตผู้บริสุทธิ์ โปรดท่านทรงเมตตาเถิดเพคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานฉงอันที่ลุกลี้ลุกลนก็สงบลงและรีบขอร้องต่อ “ฝ่าา กระหม่อมให้คำมั่นสัญญาด้วยชีวิตว่าอาการป่วยของไท่จื่อจะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้ใด กระหม่อมขอให้ฝ่าาทรงพิจารณาอีกครั้ง โปรดทรงเห็นแก่หน้าตาภรรยาและอวิ๋นซี ครานี้ไว้ชีวิตกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของของฮ่องเต้เทียนฮุยที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่ได้พูดอะไรออกมาเป็เวลานาน ไท่เฮาเองก็เฝ้าดูอย่างเงียบๆ โดยไม่ส่งเสียงใดๆ ทว่ากลับเย้ยหยันอยู่ในใจ เมื่อเทียบกับฮูหยินเทียนซินแล้ว หานฉงอันด้อยกว่านางอย่างมาก ยิ่งเทียบกับบุตรสาวในตอนนี้ เรียกได้ว่าแย่ยิ่งกว่านั้น
หานอวิ๋นซีขอร้องเพื่อสามตระกูลหาน แต่หานฉงอันกลับเอาแต่อ้อนวอนเพื่อตัวเอง
“เสด็จแม่ จะไว้ชีวิตพวกเขาไม่ได้นะ ไม่เช่นนั้นโม่เอ๋อร์จะทนทุกข์เกินไป!” ฮองเฮาพูดด้วยเสียงแ่เบา ปรารถนาให้สังหารหานฉงอันในทันที
ในราชวงศ์ คนคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งหมดได้ เช่นเดียวกับฮูหยินเทียนซินที่ช่วยชีวิตไท่เฮาในตอนนั้น หากไม่ได้ยืดเยื้อมานานหลายปีขนาดนี้ ไท่จื่อคงได้ตั้งหลักอย่างมั่นคงในราชสำนักไปนานแล้ว และคงไม่ให้องค์ชายองค์อื่นๆ ได้กำเริบเสิบสานเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ไท่เฮาเหลือบมองไปที่หานอวิ๋นซี ั์ตามีการครุ่นคิด และพูดว่า “ฝ่าา อวิ๋นซีมีจิตใจเฉกเช่นฮูหยินเทียนซิน มีความเมตตา ท่านทำตามคำขอของนางเถอะ”
หานอวิ๋นซีไม่คาดคิดว่าไท่เฮาจะไม่เพียงไม่ซ้ำเติมนาง แต่ยังกลับเอ่ยปากช่วยเหลืออีก พูดไปแล้วก็แปลก แม้ว่านางจะช่วยไท่จื่อ ไท่เฮาเองก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อนางด้วยความจริงใจ แต่ครู่หนึ่งนางก็อดคิดมากไม่ได้
ฮ่องเต้เทียนฮุยเงยหน้าขึ้นมองไท่เฮา จากก็นั้นมองไปที่หานอวิ๋นซีแล้วจึงถอนหายใจออกมา “เอาล่ะ วันนี้ถือว่าข้าเห็นแก่หน้าเ้ากับแม่ของเ้าก็แล้วกัน ข้าจะไว้ชีวิตสามตระกูลหาน...”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา หานฉงอันรู้สึกดีใจเป็อย่างยิ่งและรีบก้มหัวเพื่อขอบคุณ แต่ใครจะรู้ว่าฮ่องเต้เทียนฮุยจะเตะเขาออกไปด้วยความโกรธและพูดอย่างเ็าว่า “สามตระกูลหานได้รับการอภัย แต่ขยะอย่างเ้า ข้าไม่มีวันให้อภัย!”
หานฉงอันที่ถูกเตะไปด้านข้างก็ตกตะลึง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายหมดลง ร่างกายราวกับเป็อัมพาตไป
“ขอบพระทัยฝ่าาเพคะ!” เสียงของหานอวิ๋นซีดังขึ้น พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ นางเพียง้าช่วยสามตระกูลหานเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะช่วยหานฉงอันอยู่แล้ว ด้วยผลลัพธ์เช่นนี้ นางจึงพอใจอย่างมาก
“ทหาร ทำไมยังไม่จับหานฉงอันไปเข้าคุกอีก ฮึฮึ ข้าอยากให้เขาเดินขบวนไปตามถนนและตัดหัวที่ประตูอู่!” ฮ่องเต้เทียนฮุยพูดอย่างเ็า
“ไม่...ฝ่าา อวิ๋นซี...ไม่นะ...ช่วยข้าด้วย...อวิ๋นซี!”
หานฉงอันะโเสียงดัง ทว่าก็ถูกทหารนำตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงะโก็ไกลออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหายไป
หานอวิ๋นซีที่กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของฮ่องเต้เทียนฮุย “ตัดหัวที่ประตูอู่” เห็นได้ชัดว่าตั้งใจที่จะใช้โอกาสนี้แจ้งให้โลกทราบถึงอาการของไท่จื่อ แล้วก็ทำการชี้แจงให้ชัดเจน
ท้ายที่สุดแล้วโรคแปลกประหลาดก็ทำให้คนจินตนาการได้ง่ายและส่งผลต่อภาพลักษณ์ของไท่จื่อ หากบอกว่าโดนวางยาพิษ เช่นนั้นก็จะกลายเป็เื่ปกติ
อย่างไรก็ตาม ด้วยวิธีนี้ ตระกูลหานซึ่งเป็ตระกูลหมอต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างแน่นอน และอาจเป็เื่ยากที่จะตั้งหลักในด้านการแพทย์ในอนาคต
สำหรับตระกูลหานที่เลี้ยงชีพด้วยการเป็หมอนั้น นี่คือหายนะครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!
การละทิ้งบุญคุณและความคับข้องใจเ่าั้ เป็เื่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ต้องทำลายชื่อเสียงเก่าแก่หลายร้อยปีของตระกูลหาน แต่หานอวิ๋นซีรู้ดีว่านี่เป็ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่ฮ่องเต้เทียนฮุยจะมอบให้
หลังจากหานฉงอันถูกพาตัวออกไป ความโกรธของฮ่องเต้เทียนฮุยก็ลดลงไม่น้อย เขาเข้าไปใกล้เตียง มองหน้าบุตรชายอย่างจริงจังและถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “หานอวิ๋นซี อีกหนึ่งชั่วยามกว่าจะฟื้นขึ้นมาใช่หรือไม่?”
“เพคะ!” หานอวิ๋นซีตอบอย่างมั่นใจ
“หทาร พาฉินหวังเฟยไปพักผ่อน” ฮ่องเต้เทียนฮุยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มองไท่จื่อ ในแววตาที่มืดมนก็มีประกายแห่งความหวังขึ้นมา
“ขอบพระทัยฝ่าา” หานอวิ๋นซีเก็บกระเป๋าหมอ ก่อนจะเดินไปที่เรือนข้างพร้อมกับนางกำนัล
นางเหนื่อยมากเหลือเกิน ไม่มีแรงที่จะคิดเื่ของหานฉงอันในตอนนี้ เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วยาม นางไม่ได้นอนลงบนเตียง ด้วยกลัวว่าจะลุกไม่ขึ้นหากหลับไป นางแค่นอนเอนบนตั่งอุ่น โดยเอามือข้างหนึ่งเท้าศีรษะไว้และคิดจะพักสายตาสักครู่ แต่ใครจะไปรู้ว่าทันทีที่หลับตานางก็หลับไปเลย
ภายในห้องเงียบสงัด เสียงฝีเท้าของหลงเฟยเยี่ยเบามากราวกับจงใจเดินให้ช้าลง
เขาเดินไปตรงหน้าหานอวิ๋นซีและก้มลงมองนาง เดิมทีคิดว่านางน่าจะตื่นแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าสตรีผู้นี้หลับลึกมาก และในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ก็ไม่ได้ระมัดระวังตัวเลย
ความไม่พอใจปรากฏขึ้นในแววตาของหลงเฟยเยี่ย จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ หานอวิ๋นซี
อย่างไรก็ตาม เขาที่นั่งลงแล้ว แต่หานอวิ๋นซีก็ยังไม่รู้สึกตัว ใบหน้ายามหลับใหลของนางนั้น ช่างเงียบสงบและสวยงาม มีความก้าวร้าวน้อยกว่าปกติและมีเสน่ห์ของสาวน้อยมากขึ้น
นี่เป็ครั้งแรกที่หลงเฟยเยี่ยมองนางอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ และเป็ครั้งแรกที่มองนางอย่างจริงจังขนาดนี้เช่นกัน แววตาที่เ็าโดยธรรมชาติของเขาค่อยๆ ถูกครอบงำ ราวกับติดกับดักที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ้ามองความงามทุกส่วนของนางอย่างถี่ถ้วน
ท่ามกลางความเงียบ หลงเฟยเยี่ยยื่นมือออกไปอย่างกล้าหาญ กดปลายนิ้วเบาๆ บนริมฝีปากอันบอบบางของนาง แล้วพูดเสียงเบาว่า “หานอวิ๋นซี เ้าเป็ใครกันแน่?”
เขาสืบหาข้อมูลนางมาเป็เวลานานแต่ไม่พบข้อบกพร่องใดๆ ในตัวนางเลย อย่างไรก็ตาม เขายังคงไม่เชื่อว่าสตรีผู้นี้เป็หญิงสาวที่ขี้ขลาด ไร้ประโยชน์และอัปลักษณ์เช่นเมื่อก่อน
เพราะถ้านางยืนยันที่จะอภิเษกเข้าจวนฉินอ๋องั้แ่คราแรก ก็ไม่จำเป็ต้องเสแสร้งและไม่จำเป็ต้องทนทุกข์กับความคับข้องใจทุกประเภทในตระกูลหาน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาแน่ใจอย่างสมบูรณ์จากการเดาก็คือ เขาเพิ่งเห็นทุกอย่างในห้องอย่างชัดเจนจากหลังคาห้องนอนของไท่จื่อ
สตรีผู้นี้หันหลังให้กู้เป่ยเยวี่ยและเสกพิษทั้งหมดในหม้อยาให้หายไปทั้งหม้อ เพื่อไม่ให้หานฉงอันพบมัน นี่เป็หนึ่งในวิชาพิษที่น่าอัศจรรย์ของนางด้วยงั้นหรือ?
ไม่ต้องพูดถึงตระกูลหานหรอก แม้แต่สำนักแพทย์หยุนคงก็ไม่มีทักษะเช่นนั้นใช่หรือไม่?
พระเ้ารู้ดีว่าหานอวิ๋นซีเหนื่อยเพียงใด จึงหลับเป็ตายไปขนาดนั้น ทว่าด้วยปลายนิ้วของหลงเฟยเยี่ยที่กดแรงมากขึ้น นางจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา และทันทีที่ลืมตาขึ้น ก็สบเข้ากับดวงตาที่เ็าและพร่ามัวเล็กน้อยของหลงเฟยเยี่ย
เอ่อ...นี่คือ...
แววตาของหานอวิ๋นซีหลุบลง และเห็นนิ้วของเขากดที่ริมฝีปากของตนเองทันที การกระทำนี้คลุมเครือเหลือเกิน!
หานอวิ๋นซีที่สะลึมสะลือก็เบิกตากว้างยิ่งขึ้น นางไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่?
ไม่อย่างนั้นหลงเฟยเยี่ยจะแกล้งนางแบบนี้ในขณะที่นางหลับได้อย่างไร?
เมื่อคิดเช่นนี้ หานอวิ๋นซีก็ใในทันที และปัดมือของหลงเฟยเยี่ยออกไป!
เอ่อ...นี่นางหลับไปงั้นหรือ?
นี่คือกำลังการแต๊ะอั๋งอยู่ใช่หรือไม่!
“หลงเฟยเยี่ย ท่านทำอะไร?” หานอวิ๋นซีะโด้วยความโกรธ ถอยหลังอย่างกะทันหันและขดตัวกลมราวกับลูกบอลอย่างระแวง
หลงเฟยเยี่ยที่ไม่ได้คิดที่จะอธิบายการกระทำของตนเอง ก็เอนกายลงที่อีกด้านของตั่งอุ่นอย่างเกียจคร้าน เลิกคิ้วและมองไป “หานอวิ๋นซี เ้าช่างกล้านัก เ้าวางยาไท่จื่อใช่หรือไม่?”
หานอวิ๋นซีตกตะลึง ชายผู้นี้รู้ความจริงอย่างนั้นหรือ?
“ท่านกำลังพูดถึงอะไร ข้าไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงอะไร” แน่นอนว่านางต้องแสร้งโง่
“ข้าเห็นหมดแล้ว เ้าเปลี่ยนยาพิษในหม้อยา” หลงเฟยเยี่ยพูดอีกครั้ง
หานอวิ๋นซีใมากกว่าเดิม คิดไม่ถึงว่าชายผู้นี้จะแอบมอง หรือเป็ไปได้หรือไม่ว่าเขาเห็นนางซ่อนยาพิษไว้ในระบบล้างพิษด้วย?
แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความสับสน แต่ในไม่ช้าหานอวิ๋นซีก็สงบลง แม้ว่าจะถูกเปิดโปงเื่นั้น นางก็ยังแก้ตัวได้ แต่หากไม่ได้ถูกเปิดโปง ต่อให้ตายนางก็ไม่ยอมรับ
“ไม่รู้ว่าท่านมองอย่างไร ทว่าคงเป็การเข้าใจผิด” นางพูดอย่างสงบแล้วเตือนว่า “ท่านอ๋อง คำพูดเช่นนี้ท่านจะพูดออกมามั่วๆ ไม่ได้ การวางยาพิษเป็ความผิดร้ายแรง หากโดนฮ่องเต้ต่อว่าขึ้นมา ท่านกับข้าคงไม่สามารถชดใช้ได้”
สีหน้าของหานอวิ๋นซีเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย แต่หลงเฟยเยี่ยกลับผ่อนคลายมากกว่านาง และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าชดใช้ได้”
แววตาที่มืดมนของหานอวิ๋นซีเผยออกมา แต่ยังคงพูดอย่างอดทนว่า “ท่านอ๋อง คำพูดเช่นนี้ท่านต้องมีหลักฐาน ในตอนที่ข้ากำลังรักษาไท่จื่อ หมอหลวงกู้เองก็อยู่ในกระบวนการทั้งหมด และหมอหลวงกู้ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็เท็จ”
โดยไม่คาดคิด ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หลงเฟยเยี่ยก็โน้มตัวเข้ามาหานาง
หานอวิ๋นซีที่ไม่ทันตั้งตัวก็เซถอยหลังไป ถ้าไม่ใช่เพราะพนักพิงของตั่งอุ่นสูงพอ นางคงร่วงไปนานแล้ว
นางวางมือข้างหนึ่งบนหน้าอกของเขาและจ้องเขม็งไปที่เขา ชายผู้นี้กำลังทำอะไรกัน พูดดีๆ ไม่ได้เลยหรือไร?
“กู้เป่ยเยวี่ยมีสิทธิ์อะไรที่จะมาช่วยเ้า? กู้เป่ยเยวี่ยรู้มากขนาดนั้นเลยหรือไร” หลงเฟยเยี่ยหัวเราะเยาะ
“ท่านอ๋อง หมอหลวงกู้ได้รับคำสั่งให้ช่วยเหลือข้า เช่นนั้นแล้วเขาก็ต้องช่วยข้า” หานอวิ๋นซีแสร้งทำเป็โง่และตอบอย่างจริงจัง
“เ้ารู้ดีว่าข้ากำลังพูดอะไร อาการป่วยของไท่จื่อเป็อย่างไรกันแน่?” หลงเฟยเยี่ยเองก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน
“ท่านอ๋อง อาการป่วยของไท่จื่อ ข้าได้ชี้แจงไปอย่างชัดเจนแล้ว” หานอวิ๋นซีพูดอย่างจริงจัง
ในที่สุดความอดทนของหลงเฟยเยี่ยก็หมดลงและพูดอย่างเ็าว่า “หานอวิ๋นซี เ้าคิดว่าฮ่องเต้ทรงไว้วางพระทัยเ้ากับหมอหลวงกู้ แล้วข้าต้องเชื่อใจเ้าด้วยงั้นหรือ?”
เอ่อ...หานอวิ๋นซีถึงกับพูดอะไรไม่ออก และตอนนี้ก็ค้นพบว่าูเาน้ำแข็งใหญ่ลูกนี้เองก็มีด้านอันธพาลเหมือนกัน!
นางเม้มริมฝีปากและพูดอย่างไม่พอใจว่า “พูดจาให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้เลยหรือไร? ออกไป!”
หลงเฟยเยี่ยที่ถูกนางดุก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วถอยห่างออกมาโดยยังคงนอนอย่างี้เี ทว่าสายตาที่พินิจพิเคราะห์ของเขากลับไม่เคยละสายตาจากหานอวิ๋นซีเลย และยืนกรานที่จะให้นางอธิบายให้ชัดเจน
หานอวิ๋นซีไม่มีทางเลือกนอกจากต้องบอกความจริงเกี่ยวกับเื่ของทารกในท้อง
หลงเฟยเยี่ยฟังอย่างตั้งใจ สุดท้ายก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและค่อนข้างนึกไม่ถึง
เมื่อเห็นการแสดงออกของเขาแล้ว หานอวิ๋นซีก็ถอนหายใจ ชายหนุ่มผู้นี้แตกต่างจากคนทั่วไป แม้แต่กู้เป่ยเยวี่ยเองก็ยังใเมื่อได้ยินเื่นี้ และตอนนี้เขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย
หลังจากอธิบายอย่างชัดเจนแล้ว หานอวิ๋นซีก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่เอนกายลงบนหมอนสูงอย่างเกียจคร้านและมองเขา
ได้คำตอบชัดเจนแล้ว เขาจะคิดอย่างไรกันนะ?
ใครจะไปรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยจะพูดเพียงว่า “เื่นี้จบลงตรงนี้ ห้ามบอกผู้อื่นอย่างเด็ดขาด”
พูดจบ เขาก็ลงจากตั่งและออกไป
แค่นี้หรือ?
มาที่นี่เพื่อกดดันนางเพียงเพื่ออยากจะรู้ความจริง? หานอวิ๋นซีผงะเล็กน้อย นางเตรียมพร้อมที่จะถูกข่มขู่แล้ว สรุปแล้วเขาเห็นนางเอาของออกมาจากระบบการล้างพิษหรือไม่?
หานอวิ๋นซีที่สงสัยแต่ไม่ได้รับคำตอบ ถ้าเขาไม่ได้ถาม เช่นนั้นก็คงไม่เห็นกระมัง
เอาเถอะ นางไม่สามารถเข้าใจชายหนุ่มผู้นี้ได้จริงๆ
ถูกหลงเฟยเยี่ยรบกวนขนาดนี้ แม้ว่าหานอวิ๋นซีจะเหนื่อย แต่ก็กลับไม่ง่วงนอนเลย นางยังคงนอนอย่างเกียจคร้านและครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ
ในไม่ช้า ขันทีก็เคาะประตูอย่างตื่นเต้น “หวังเฟย! หวังเฟยพ่ะย่ะค่ะ ไท่จื่อฟื้นแล้ว! ฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เร็วกว่าที่หานอวิ๋นคาดการณ์ไว้เล็กน้อย นางมีความสุขอย่างมาก รีบตั้งสติและไปที่ห้องนอนของไท่จื่อทันที
ภายในห้อง ทุกอย่างเหมือนเดิม ฮ่องเต้เทียนฮุย ไท่เฮา และฮองเฮาต่างห้อมล้อมอยู่ข้างเตียง ฮ่องเต้เทียนฮุยเรียกหมอหลวงมาหลายคน และตรวจชีพจรของหลงเทียนโม่ทีละคน!
หลงเทียนโม่ที่ยังคงนอนอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่ดวงตากลับเบิกกว้าง รูม่านตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่สามารถบรรยายได้ แม้ว่าจะยังป่วยอยู่ แต่ก็กลับเต็มไปด้วยพลัง!
ถ้าไม่ใช่เพราะเสด็จแม่และเสด็จย่าของเขาที่ไม่ต้อนรับนาง หานอวิ๋นซีก็คงชอบคนไข้ที่เข้มแข็งแบบนี้สุดๆ