“อืม แต่บริษัทมีกฎว่าเื่ที่ไม่ควรถามก็อย่าถามมาก”ความจริงเนี่ยเซิงเสี่ยวชินเสียแล้ว ตอนที่จินเป้ยน่ายังไม่กลับมารับตำแหน่งเหยียนจิ่งจื้อก็เปลี่ยนเลขาส่วนตัวไปหลายคนแต่ก็ไม่มีสักคนที่จะเหมาะกับความเคยชินและความ้าของเขา เธอจึงถูกเขาเรียกให้ไปดูแลอยู่บ่อยครั้ง
“ฮ่าๆๆ ความจริงแล้วเหตุผลนั้นก็แค่ท่านประธานพอใจกับเธอมากๆหายากมากเลยนะที่จะมีคนเข้าใจความชอบของท่านประธานได้ในเวลาสั้นๆ”จินเป้ยน่าก็ใจกว้างและตรงไปตรงมา ตอนที่เข้าไปในลิฟต์จู่ๆเธอก็ใช้มือมาวัดส่วนสูง “จะว่าไปแล้วความสูงของเธอกับฉันก็ต่างกันไม่มากเนอะ? ผู้หญิงจีนที่สูงขนาดนี้มีน้อยมากเลยนะ”
เนี่ยเซิงเสี่ยวคิดว่านั่นคือคำชม จึงไม่ได้ว่าอะไรนอกจากยิ้มรับเท่านั้น“ขอบคุณค่ะ”
“แต่ว่าทำไมท่านประธานถึงไม่ให้เธอเป็เลขาส่วนตัวไปเลยล่ะ?” จินเป้ยน่ามีทีท่าสงสัย“คนที่ใช้งานได้คล่องขนาดนี้ท่านประธานไม่เคยปล่อยให้หลุดมือนะ”
เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ตอบ เธอรู้ว่าเหยียนจิ่งจื้อกลัวว่าเจินเนี้ยนจะหึงความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ดีมาก แม้ข่าวลือของพวกพนักงานจะเชื่อได้ไม่หมดแต่ก็ยังพอเชื่อถือได้
ในที่สุดลิฟต์ก็หยุดลงเนี่ยเซิงเสี่ยวถูกพาไปอยู่ต่อหน้าเหยียนจิ่งจื้อที่ตอนนี้กำลังนั่งสบายอยู่บนโซฟาและเปิดนิตยสารการแพทย์ไปด้วย บรรยากาศเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและผ่อนคลาย
ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมาเนี่ยเซิงเสี่ยวก็หลบสายตาไปแล้ว “ท่านประธาน เรียกหาฉันหรือคะ”
“ผู้ช่วยเนี่ยเป็เพื่อนร่วมชั้นกับคุณหนูเจินสินะ?” เหยียนจิ่งจื้อถามออกไปตรงๆ
เนี่ยเซิงเสี่ยวตัวสั่นเธอไม่รู้ว่าเจินเนี้ยนไปพูดอะไรกับเขาจึงตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยปกติ“ใช่ค่ะ”
“เป็เพื่อนที่ไปหากันบ่อยหรือว่าเป็เพื่อนที่ไม่ค่อยสนิท?” เหยียนจิ่งจื้อพิงหลังเข้ากับโซฟา เมื่อเห็นเนี่ยเซิงเสี่ยวตื่นเต้นเขาก็มีความสุขกับการสอบสวนทุกครั้งที่ทำให้เนี่ยเซิงเสี่ยวมีท่าทีหวาดระแวงเขาจะมีความรู้สึกแบบนี้บางครั้งเขาก็คิดว่าตัวเองอาจจะเป็บ้าไปแล้วก็ได้
เนี่ยเซิงเสี่ยวหยิกหลังมือตัวเอง “เป็…เพื่อนที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ค่ะ”
“อ่อ…” เหยียนจิ่งจื้อลากเสียงอ่อยาวรับรู้ถึงความรู้สึกของเนี่ยเซิงเสี่ยว“ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงจะรู้ว่าเธอชอบการขอแต่งงานแบบไหนสินะ”
เนี่ยเซิงเสี่ยวเงยหน้าขึ้นมามองตาของเหยียนจิ่งจื้อทันทีถึงแม้จะเคยคิดมาหลายพันรูปแบบ แต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อเขากำลังจะขอเจินเนี้ยนแต่งงาน พวกเขาจะแต่งงานกันแล้ว…เธอเงียบไม่พูดอะไรออกมาอยู่นาน
“เป็อะไรไปผู้ช่วยเนี่ย คงจะไม่มีทางไม่รู้ใช่ไหม? อย่างน้อยก็ให้คำแนะนำฉันสักหน่อยสิ” ในตอนที่เหยียนจิ่งจื้อมองสายตาของเธอแล้วพูดประโยคนี้ออกมามือก็เริ่มยกขึ้นไปกุมขมับ ปวด เขารู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงนี่เป็การปวดหัวที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายวัน
ตอนที่สติแตกกระเจิง เขาเห็นเนี่ยเซิงเสี่ยววิ่งมาทางเขาจนกระทั่งััได้ถึงมือของเธอ เหยียนจิ่งจื้ออยากจะสะบัดออกแต่ก็พบว่าเธอกับผู้หญิงในความฝันมีความอบอุ่นที่เหมือนกัน
จินเป้ยน่ารีบโทรไปหาคุณหมอทันทีอาการเป็ลมแบบนี้ของเหยียนจิ่งจื้อไม่ใช่เื่แปลกสำหรับเธอแต่ก็เป็ไม่ค่อยบ่อยนัก เป็ผู้ช่วยพิเศษของเขามาสามปี ก็เคยเห็นแค่สองครั้งแถมครั้งที่แล้วคุณหมอก็เคยพูดว่าอาการเวียนหัวกะทันหันแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเธอไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ถึงได้เป็ขึ้นมาอีกแถมยังเป็ตอนที่พูดกับเนี่ยเซิงเสี่ยวด้วย
“เสี่ยวเนี่ย เธอคิดยังไงกับท่านประธานหรือ?” หลังจากที่หมอพิเศษรีบมาดูอาการและรักษาเหยียนจิ่งจื้อแล้วจินเป้ยน่าก็ถามแกมหยอกกับเนี่ยเซิงเสี่ยวอยู่ด้านนอกห้องสำหรับอาการเป็ลมของท่านประธาน เมื่อครู่ท่าทางของเนี่ยเซิงเสี่ยวก็ดูร้อนใจมาก
อาการร้อนใจแบบนั้น…นอกจากรักแล้ว จินเป้ยน่าก็คิดอย่างอื่นไม่ออกแล้วล่ะ
เมื่อเห็นเนี่ยเซิงเสี่ยวไม่พูดอะไรจินเป้ยน่าก็อดที่จะพูดเตือนไม่ได้“ตอนนี้ความสัมพันธ์ของท่านประธานกับคุณหนูเจินดีมากแถมผู้หญิงที่ชอบท่านประธานก็มีเยอะจนต่อแถวได้เลยเธออย่าเอาความรู้สึกไปไว้ที่ตัวท่านประธานเลยนะเสี่ยวเนี่ยเขาไม่มีทางคิดอะไรกับเธอหรอก”
ถึงแม้จินเป้ยน่าจะไม่รู้เื่ราวภายในของพวกเขาแต่ว่าคำพูดนี้กลับมีเหตุผล เนี่ยเซิงเสี่ยวยิ้ม “อืม ฉันรู้แล้ว”
เหยียนจิ่งจื้อที่อยู่ภายในห้องพักผ่อนก็ไม่ได้เป็อะไรมากเขาตื่นขึ้นมาั้แ่ตอนที่หมอกำลังรักษา เขานอนอยู่บนเตียงพลางจ้องไปยังเพดานนิ่งผู้หญิงประหลาด นั่นคือนิยามที่เขาให้กับเนี่ยเซิงเสี่ยว
“คุณเหยียน คุณจะต้องระวังอารมณ์ของตัวเองดีๆดูเหมือนผลข้างเคียงของยาตอนผ่าตัดจะยังมีผลกระทบอยู่ ผมขอพูดตรงๆ นะงานใน่นี้ก็อย่าทำให้มันหนักมากเกินไป ร่างกายสำคัญกว่านะ” คุณหมอที่อยู่ข้างๆพูดเตือน
“อารมณ์หรือ?” เหยียนจิ่งจื้อถามกลับ
“ใช่ เมื่อครู่อารมณ์ของคุณเครียดเกินไปทำให้ประสาทในสมองทำงานผิดปกติหวังว่าจะรักษาร่างกายตัวเองดีๆ ไม่ทำให้ตัวเองได้รับความกดดันมากเกินไปนะครับ”
จู่ๆ เหยียนจิ่งจื้อก็อยากจะหัวเราะออกมาหมอคนนี้คงจะไม่ได้ชำนาญมากสินะเมื่อครู่เขาแค่คุยเื่สบายๆที่ไม่เกี่ยวกับงานเลยกับลูกน้อง จะไปทำให้อารมณ์เครียดเกินไปได้อย่างไรน่าขำจริงๆ
“คุณเหยียน ถ้าหากเป็ไปได้ทุกวันจะต้องอ่านหนังสือที่ปลอบโยนจิตใจแบบนี้จะดีกับร่างกายของคุณนะครับ” คุณหมอพูดจบก็บอกลาไปทันที
คุณหมอเพิ่งจะออกไปเสียงของเนี่ยเซิงเสี่ยวก็ดังออกมาจากด้านนอกห้องพักผ่อน “ท่านประธานรักษาสุขภาพด้วยนะคะถ้าหากไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวลงไปทำงานก่อนค่ะ”
เหยียนจิ่งจื้อยังคงมองเพดานอยู่อย่างนั้นเขารู้สึกว่าเสียงนี้ยังคอยวนเวียนอยู่จนเขาเวียนหัวจากนั้นด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เธอไปแล้วสินะ
เหยียนจิ่งจื้อนอนพักผ่อนอยู่สักพัก ยิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่นด้วยความอยากรู้จึงขึ้นลิฟต์ไปยังห้องเก็บหนังสือที่ชั้นสามของบริษัท
จินเป้ยน่าตามอยู่ด้านหลัง“ท่านประธานจะอ่านหนังสืออะไรคะ ฉันจะช่วยท่านหา”
“ฉันมาผ่อนคลายอารมณ์ ถ้าเสียงดังอีกฉันจะไล่เธอออก”เหยียนจิ่งจื้อในเวลานี้อารมณ์ไม่ดีมากๆความรู้สึกรำคาญใจที่ไม่มีสาเหตุนี้ยากที่จะควบคุมได้
จินเป้ยน่าไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ตอนที่เหยียนจิ่งจื้อกำลังโมโหนั้นการเงียบปากไว้เป็วิธีที่ดีที่สุด
จู่ๆ เหยียนจิ่งจื้อก็มาปรากฏตัวที่ห้องเก็บหนังสือ พนักงานที่อยู่รอบๆนั้นก็ต่างเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อสายตาหลายวันที่ท่านประธานกลับมาที่เฉินตงซึ่งเป็บริษัทแม่นี้ก็ได้สร้างความประทับใจแรกกับพวกเขาว่าเป็คนที่เยือกเย็นเหมือนกับตัวละครในนิยายเพ้อฝันของสาวๆ
เขาเดินมาถึงชั้นหนังสือแถวหนึ่งก่อนจะเลือกหยิบหนังสือออกมาจากนั้นก็เข้าไปพิงกับหน้าต่าง ในตอนนี้เป็เวลาที่ใกล้จะเลิกงานแล้ว แสงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินได้ส่องเข้ามาพอดีทำให้ใบหน้าด้านข้างของเขาอ่อนโยนลง ทำเอาพนักงานหญิงหลายคนอดที่จะมองเหม่อไม่ได้
หนังสือเล่มนี้เป็หนังสือที่น่าเบื่อ น่าเบื่อขนาดไหนน่ะหรือ? เหยียนจิ่งจื้อรู้สึกว่ามันช่างไร้สาระ ถึงได้เขียนว่า “ถ้าหากคุณเกิดความรู้สึกกับผู้หญิงคนหนึ่งเช่นนั้นมีความเป็ไปได้ว่าคุณอาจจะตกหลุมรักเธอแล้ว” และยังเขียนว่า“ถ้าหากผู้หญิงในความเป็จริงกับผู้หญิงในความฝันของคุณเป็คนเดียวกันเช่นนั้นก็ตามจีบเธอเถอะ!”
ตอนที่เหยียนจิ่งจื้อเห็นสองประโยคนี้เขาก็อยากจะปาหนังสือเล่มนี้ทิ้งเสียจริงๆเมื่อพลิกกลับมาดูที่หน้าปก ที่แท้ชื่อหนังสือก็คือ “เื่หัวใจของผู้ชาย” เหอะเหยียนจิ่งจื้อร้องหึออกมาเบาๆ รสนิยมต่ำเป็บ้า
ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเล่มนั้นก็พบว่าพนักงานได้ออกไปจนหมดแล้วเหยียนจิ่งจื้อขมวดคิ้วใส่จินเป้ยน่าที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ไม่ต้องเคลียร์คนออกไปเพื่อฉันก็ได้ ฉันเองก็้าความนิยมนะ”
จินเป้ยน่าผู้ถูกใส่ร้ายรีบเอ่ยแย้ง “ท่านประธานฉันไม่ได้เคลียร์คนเพื่อคุณนะคะ แต่ตอนนี้เป็เวลาเลิกงานแล้วค่ะ”
แบบนี้นี่เอง…เหยียนจิ่งจื้อมองจากหน้าต่างลงไปข้างล่างก็เห็นผู้คนกำลังเดินออกจากเฉินตงตำแหน่งของชั้นสามเป็ระยะห่างที่สามารถแยกแยะคนออกได้อย่างพอดีเหยียนจิ่งจื้อมองไปยังผู้คนอยู่ด้านนอกหน้าต่างพร้อมพูด“พรุ่งนี้มีแพลนอะไรหรือเปล่า?”
“เมื่อวานท่านประธานกำชับว่าให้ยกเลิกแพลนงานพรุ่งนี้ออกให้หมดเพราะจะไปปีนเขากับคุณหนูเจิน”จินเป้ยน่าพูดจบก็พบว่าดวงตาของเหยียนจิ่งจื้อมองไปที่ด้านนอกหน้าต่าง “ท่านประธาน้าเปลี่ยนแพลนไหมคะ?”
เขายังไม่มีปฏิกิริยาอะไรทันใดนั้นจินเป้ยน่าก็อยากจะดูว่าข้างล่างมีเื่อะไรดีๆ กันแน่ท่านประธานถึงได้มองโดยไม่ละสายตาขนาดนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปที่หน้าต่าง
เหยียนจิ่งจื้อก็หมุนตัวกลับมากะทันหัน“ปีนเขาวันพรุ่งนี้เปลี่ยนมาเป็กิจกรรมของบริษัทแทน”
ทั้งยังพูดเสริมอีกว่า “แผนกละสองคน”
จินเป้ยน่าอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ รู้ๆกันอยู่ว่าแผนกผู้จัดการทั่วไปของหวงเทานั้นมีแค่เขากับเนี่ยเซิงเสี่ยวแค่สองคนเท่านั้น