“นี่แน่ะ เ้ามัวอึ้งอะไรอยู่ เร็วเข้า” เห็นซูเฟยซื่อไม่ได้พูดจา หยานเอ๋อร์ก็ก้าวไปข้างหน้าลากนางขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายอยากไปเข้าเฝ้าซ่งหลิงชิวแทบรอไม่ไหว
ซูเฟยซื่อภายใต้การรบเร้าของหยานเอ๋อร์ ในที่สุดก็เร่งรุดก้าวตามอีกฝ่ายไป ทว่าเมื่อเข้าไปในสวนบุปผชาติ นางก็อดตกตะลึงไปไม่ได้
เพียงเห็นในสวนบุปผชาติเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะมีชีวิตชีวา ส่วนซ่งหลิงซิวสวมชุดลำลองสีฟ้านั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน
ชุดลำลองทั้งชุดนั้นเมื่อนางได้เห็นก็คุ้นเคยดี สมัยซ่งหลิงซิวยังเป็พระราชโอรส ก็เป็นางที่ถวายให้ ในเวลานั้นเขามักสวมใส่ชุดนี้อยู่บ่อยๆ และทั้งยังกล่าวว่านี่เป็ชุดที่เขาชื่นชอบที่สุด
ความทรงจำในอดีตทะลักเข้ามาราวกับน้ำหลาก ซูเฟยซื่อเพียงรู้สึกว่าเืในร่างกายพลุ่งพล่านไปถึงศีรษะ
โชคดีที่เสียงของซูเต๋อเหยียนดังขึ้นทันการ “เฟยซื่อ ยังไม่รีบเข้าเฝ้าฝ่าากับพระสนมอีก”
ซูเฟยซื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วคุกเข่าลงด้วยความเคารพ “ข้าน้อยน้อมคารวะฝ่าา และพระสนมเพคะ”
เสื้อผ้าชุดนี้ซ่งหลิงซิวไม่ได้สวมใส่มานานแล้ว วันนี้มาจวนอัครมหาเสนาบดี อันเป็เขตอิทธิพลของซูจิ้งโหยว ทำไมจู่ๆ ถึงเลือกสวมเสื้อผ้าที่นางมอบให้กัน?
การกระทำของซ่งหลิงซิวนี้ นางคาดเดาไม่ออกจริงๆ
“ลุกขึ้นเถิด” ซ่งหลิงซิวยิ้มพลาง
“ขอบพระทัยฝ่าาเพคะ” ซูเฟยซื่อเงยหน้าขึ้น แต่พบว่าดวงตาทั้งคู่ของเขากำลังมองตนนิ่งๆ ราวกับกำลังค้นหาบางอย่าง
นางสะดุ้งในใจทันที หรือซ่งหลิงซิวจะจงใจสวมเสื้อผ้าชุดนี้มาทดสอบนางเป็พิเศษ?
วันนั้นในพิธีชุมนุมแข่งม้า นางโดดเด่นเกินไปจริงๆ
“วันนั้นการแสดงของคุณหนูสามในพิธีชุมนุมแข่งม้าได้สร้างความประทับใจอันลึกซึ้งแก่ข้ามาก” ซ่งหลิงซิวดูซูเฟยซื่ออย่างนึกสนุก
ซูเฟยซื่อขมวดคิ้วย่น แกล้งตีหน้าซื่อทำท่าหวาดกลัวออกมาให้รู้แล้วรู้รอด “ให้ฝ่าาเห็นเป็ขบขันแล้ว”
วันนี้นางเตรียมการสำหรับซูจิ้งเถียนเป็พิเศษ มิอาจปล่อยให้ซูเฟยซื่อนังตัวดีชิงความโดดเด่นไปอีก คิดถึงตรงนี้ ซูจิ้งโหยวรีบส่งสายตาให้นางแซ่หลี่อย่างรวดเร็ว
นางแซ่หลี่รับทราบ รีบขัดจังหวะการสนทนาระหว่างซ่งหลิงซิวกับซูเฟยซื่อ “ฝ่าา อาหารจานนี้เป็นายหญิงลงมือเตรียมเอง ไม่ทราบว่าจะถูกพระโอษฐ์ของฝ่าาไหมเพคะ”
แซ่หลี่ก่อกวนสถานการณ์แบบนี้ กลับต้องเจตนารมณ์ของซูเฟยซื่อ
นางรีบหามุมที่ห่างไกลออกไปแห่งหนึ่ง นั่งลงก้มหน้าก้มตากินอาหารพลางใช้หางตาสังเกตดูรอบๆ
“ฝีมือของนายหญิงจวนอัครมหาเสนาบดีย่อมเป็เลิศ” ซ่งหลิงซิวยิ้มบางๆ ขยับตะเกียบเป็สัญลักษณ์ ทว่าแววตาไม่ละจากซูเฟยซื่อสักนาที
ปฏิกิริยาตอบสนองนี้ ทำให้แซ่หลี่อดขมวดคิ้วไม่ได้ มองไปที่ประตูอีก ซูจิ้งเถียนยังไม่มา ในใจยิ่งเป็กังวล
ซูจิ้งโหยวเห็นแซ่หลี่กระทั่งเื่เล็กๆ แบบนี้ไม่อาจจัดการได้ดี จึงเอ่ยปากไปตรงๆ “ท่านแม่ ทำไมเพียงเห็นน้องสาม ไม่เห็นน้องสี่เล่า?”
ถูกชี้แนะมาแบบนี้ นางแซ่หลี่ก็ฉลาดขึ้นมาแล้ว “เมื่อเร็วๆ นี้ เถียนเอ๋อร์กำลังนั่งสมาธิ บอกว่าฝึกเพลงบทใหม่ได้แล้วคิดดีดให้นายท่านฟัง บ่าวคิดจะส่งคนไปเชิญนางมาที่นี่ แต่ก็คิดอีกว่าเถียนเอ๋อร์นังหนูนี่ชอบเล่นซุกซน เกรงว่านางจะทำหนวกหูรบกวนสุนทรียภาพของฝ่าาเพคะ”
“ฮ่าๆ ๆ เถียนเอ๋อร์ฝึกเล่นเพลงใหม่อีกแล้วหรือ? เพ็ดทูลฝ่าา เถียนเอ๋อร์เป็บุตรสาวคนเล็กของกระหม่อม ฝ่าาอย่าทรงทอดพระเนตรว่านางอายุน้อย แต่เื่พิณจีนเล่นหมากรุกเขียนพู่กันทุกอย่างล้วนเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ยังกตัญญูต่อบิดามารดามาก มักจะฝึกเพลงและการฟ้อนรำมาสร้างความบันเทิงให้กระหม่อมเพลิดเพลินใจ มีบุตรสาวแบบนี้ กระหม่อมมีวาสนาจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” ซูเต๋อเหยียนยอซูจิ้งเถียนอย่างไม่ตระหนี่สักนิด
ในดวงตาซูเฟยซื่อกลับเป็ประกายแวบหนึ่ง ที่แท้เป็เช่นนี้ ครั้งก่อนใช้ฟ้อนรำ ครั้งนี้ใช้พิณจีน วิธีของซูจิ้งโหยวช่างจำเจไม่แปลกใหม่
นางรีบส่งสายตากับซางจื่อ ซางจื่อรีบเร้นกายหายเข้าไปในพุ่มดอกไม้อย่างไร้สุ้มเสียง
เวลานี้เสียงหนี่งดุจนกกระจิบสีเหลืองจู่ๆ ก็ดังมา “ในสวนบุปผชาติน่าตื่นเต้น ใช่ในจวนมีแขกอย่างนั้นหรือ?”
สายตาของทุกคนต่างถูกเสียงดึงดูดไป เพียงเห็นซูจิ้งเถียนในชุดกระโปรงน่ารักสีเหลืองสดใส บนศีรษะยังผูกประดับด้วยกระดิ่งทองประณีต เวลาเดินส่งเสียงใสดังกรุ๊งกริ๊ง ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกาย งดงามน่ารักสดใสสุดประมาณ
ช่างเป็การประกาศก่อนแล้วเปิดตัวทีหลัง ไม่ให้ซูจิ้งเถียนขึ้นเวทีก่อน รอกระตุ้นความสนใจของซ่งหลิงซิวแล้ว ค่อยให้นางปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ผลลัพธ์ที่ได้ช่างเกินคาด
ซูจิ้งโหยวใช้เส้นทางอ่อนโยนสูงส่ง แต่ซูจิ้งเถียนใช้เส้นทางอ่อนหวานไร้เดียงสา
ถ้ามีหญิงสาวสองคนนี้เป่าลมอยู่ข้างหูของซ่งหลิงซิวในเวลานอน เกรงว่าจวนอัครมหาเสนาบดีคงได้เป็ใหญ่ไร้คู่แข่งอีกในไม่ช้า
“เถียนเอ๋อร์มาได้จังหวะพอดี รีบมาเข้าเฝ้าฝ่าากับพี่ใหญ่เ้าเถิด” ได้เห็นซูจิ้งเถียน บนใบหน้าของแซ่หลี่ก็รีบปรากฏรอยยิ้มที่ออกมาจากใจ
“อ๊ะ? ฝ่าากับพี่ใหญ่?” ซูจิ้งเถียนทำท่าตื่นตระหนกดุจกวางน้อย รีบคุกเข่าลง ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างช้อนมองซ่งหลิงซิวด้วยท่าทางน่าสงสาร
“เถียนเอ๋อร์ขอคารวะฝ่าา พระสนม เมื่อครู่ข้าไม่ทราบว่าฝ่าากับพระสนมทรงประทับที่นี่ จึงทำกิริยาไร้มารยาทไปเสียแล้ว ขอฝ่าากับพระสนมทรงโปรดลงทัณฑ์เถียนเอ๋อร์เถิดเพคะ”
“ฮ่าๆ ๆ การอบรมสั่งสอนทางครอบครัวของอัครมหาเสนาบดีเข้มงวดจริงๆ ลุกขึ้นเถิด เราต่างเป็ครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องมีพิธีรีตองเช่นนี้” ซ่งหลิงซิวพิจารณาซูจิ้งเถียน ในดวงตาแฝงรอยยิ้ม “วันนั้นในพิธีชุมนุมแข่งม้าไม่ได้มองชัดเจน วันนี้ได้เห็นอีก ช่างเป็สาวงามที่ข้าเห็นแล้วเอ็นดูสงสารจริงๆ ตามที่คาดไว้”
ฮ่องเต้ทุกพระองค์ล้วนเคยพบลูกไม้เหล่านี้มาไม่น้อย ย่อมทราบดีว่าควรต้องจัดการอย่างไร
ซูจิ้งเถียนเอียงอายจนยิ่งก้มศีรษะลงต่ำ เอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน อย่าว่าแต่บุรุษ กระทั่งกระดูกของสตรีต่างก็อ่อนระทวยไปหมด “ฝ่าาทรงชมเกินไปแล้วเพคะ”
“เมื่อครู่ได้ยินอัครมหาเสนาบดีกล่าวว่าเ้าอายุน้อย แต่เชี่ยวชาญในการเล่นพิณจีนเดินหมากรุกเขียนพู่กันวาดภาพ เมื่อเร็วๆ นี้ยังฝึกเพลงใหม่เพลงหนึ่งได้แล้ว ให้ข้าได้ชื่นชมบารมีของอัครมหาเสนาบดีด้วยเถิด” ซ่งหลิงซิวกล่าวพลาง ในน้ำเสียงยังแฝงร่องรอยการรอคอยกระแสหนึ่ง
บนใบหน้าซูจิ้งเถียนเต็มไปด้วยความยินดี ให้คนรับใช้เอาพิณมา แล้วนั่งลงตรงหน้าซ่งหลิงซิว “ฝีมือเถียนเอ๋อร์ยังไม่ดีนัก นี่เป็เพลงใหม่อีก เล่นไม่ดียังขอฝ่าาทรงโปรดอย่าได้ทรงลงทัณฑ์เพคะ”
“ข้ามีความศรัทธาในตัวเ้า” ซ่งหลิงซิวทรงมอบสัญญาแก่ซูจิ้งเถียนด้วยสายพระเนตรอ่อนโยน
มองจนกวางน้อยในใจซูจิ้งเถียนวิ่งชนกันวุ่นไปหมด ก่อนนั้นนางเพียงเคยได้ยินว่าฮ่องเต้เป็หนุ่มรูปหล่อสง่างาม องอาจผึ่งผาย ไม่คิดว่าเสียงหัวเราะของเขาจะมีเสน่ห์เช่นนี้
ข้ามีความศรัทธาในตัวเ้า ประโยคหนึ่งที่ทำให้จิตใจผู้คนหวั่นไหวสุดประมาณ
เขาเป็บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของแคว้นซ่ง ถ้าสามารถสมรสกับเขา นอกจากการเสพสุขร่วมกับเขาและพี่สาวอย่างซูจิ้งโหยวแล้ว จะเป็อะไรได้อีก?
ซูเฟยซื่อมองทุกอย่างในสายตา ในที่สุดก็เข้าใจว่านางเองเคยโง่มากเท่าใด
นี่เป็วิธีการที่ซ่งหลิงซิวใช้จนเคยชิน ในตอนนั้นทำไมนางมองไม่ออก
ซูจิ้งเถียนได้รับการสนับสนุนจากซ่งหลิงซิว รีบเอื้อมมือไปเล่นเพลง “ผีเสื้อหลงบุปผชาติ” ทันที เสียงเพลงเบาๆ ดังคลออยู่ในห้อง ฝูงชนต่างรับฟังดื่มด่ำกันถ้วนหน้า มีเพียงซูเฟยซื่อดูเหมือนกำลังรอคอยละครสนุกบางอย่าง
“ติ๊ง” เสียงเพลงที่ไพเราะชะงักลงกะทันหัน แทนที่ด้วยเสียงสายพิณขาดน่าขนลุกเสียงหนึ่ง
ซูจิ้งเถียนกรีดร้องออกมาอย่างน่าสลด ก้มลงมองมือของตน ก็มีเืไหลออกมาเต็มไปหมด นี่... นี่เป็เื่อะไรกัน?
ซูเฟยซื่อยิ้มเ็าคราหนึ่ง นางให้ซางจื่อลงมือจัดการพิณของซูจิ้งเถียนแต่เนิ่นๆ สายพิณขาดปุ๊บ ก็บาดมือซูจิ้งเถียนทันที ส่งผลให้นางไม่สามารถเล่นพิณได้อีกในวันเวลาอันใกล้นี้