ตอนที่ 2 : รั่วอิงเหยาคนใหม่
ตำหนักอี้คุน
อิงอิงถูกองครักษ์ตู้ชิงหลางนำตัวมาเข้าเฝ้าองค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิง
ครั้งที่นางเห็นตู้ชิงหลางเข้าไปหาที่คุกหลวงถึงกับปากคอสั่นด้วยกลัวว่าจะถูกดำเนินไปตามเนื้อเื่ในนิยายที่ตัวเองแต่ง แต่โชคดีนายทหารผู้นั้นทำตามคำสั่งเธอสำเร็จ หลังจากนำความของรั่วอิงเหยาไปแจ้งแก่ 'ราชครูรั่วหนานเฉิน' เขาจึงเร่งเข้าเฝ้าองค์ชายใหญ่เพื่อทูลขอให้นำตัวบุตรีใหญ่ของตนออกจากคุกเพื่อมาช่วยบุตรีรองอย่างรั่วเชียนชิง
ครานั้นอิงอิงเริ่มรู้สึกผิดที่แต่งให้รั่วอิงเหยาเป็ที่ชังของบิดาอย่างราชครู ก่อนออกมาจากคุกจึงได้สาบานกับตนเองไว้ว่า นางจะกลายเป็รั่วอิงเหยาคนใหม่เพื่อเอาตัวรอดจากนิยายของตนเองและกลับสู่โลกที่เธออยู่
“ถวายบังคมองค์ชายใหญ่”
รั่วอิงเหยาย่อคำนับองค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงอย่างมารยาทงาม บนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเื่ราวใหม่ที่เพิ่งแต่งขึ้นในหัว
“ราชครูแจ้งว่าเ้ามียาถอนพิษ”
องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงไม่รีรอ เขารีบนำคำที่ว่าที่พ่อตาทูลถวายถามความจริงจากรั่วอิงเหยาทันที
“กราบทูลองค์ชายใหญ่ หม่อมฉันไม่มียาถอนพิษเพคะ”
“บังอาจ! เ้ากล้ากราบทูลความเท็จต่อข้าเชียวรึ”
องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงบันดาลโทสะทันทีที่ได้ยินรั่วอิงเหยาบอกความจริงว่าไม่มียาถอนพิษ
ราชครูรั่วหนานเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับใมองบุตรีคนโตที่เกิดจากฮูหยินเอกด้วยแววตาดุกร้าว
“อิงเหยา เ้ากล้าให้ทหารมาแจ้งความเท็จกับข้าเพื่อหลอกลวงเบื้องสูงหรือ!”
“ท่านพ่อโปรดใจเย็น องค์ชายใหญ่โปรดระงับโทสะ”
รั่วอิงเหยารีบบอกทั้งสองให้สงบสติอารมณ์ จากนั้นนางจึงก้าวไปด้านหน้าสองก้าวก่อนเอ่ย
“น้องหญิงรั่วมิได้ถูกพิษอันใดเพคะ”
“เ้าเล่นตลกอะไร ชิงเอ๋อร์สลบไปสองชั่วยามยังไม่ฟื้น หมอหลวงตรวจอาการแล้วต่างบอกว่านางถูกพิษที่เ้าใส่ไว้ในอาหาร”
องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงอธิบายรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสุ้มเสียงเ็ปและเคียดแค้นสตรีตรงหน้า
“เื่นี้หม่อมฉันอธิบายได้ หากแต่องค์ชายอนุญาตให้หม่อมฉันเข้าเฝ้าส่วนพระองค์”
รั่วอิงเหยาใข้สายตาท้าทายสบมองพระเนตรขององค์ชายใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว
“บังอาจ! คุณหนูใหญ่กล้าิ่เบื้องสูงสมควรเพิ่มโทษ”
องครักษ์ตู้ชิงหลางรีบออกหน้าแทนองค์ชายตน
“องครักษ์ตู้โปรดใจเย็น เื่นี้อิงเหยาต้องกราบทูลองค์ชายใหญ่เป็การส่วนพระองค์จริง ๆ”
อิงอิงในร่างรั่วอิงเหยาเริ่มใจคอไม่ดีที่หลัวอี้เฟิงนิ่งมากจนนางเดาตัวละครตัวเองไม่ออก
“ให้นางเข้ามา”
สิ้นคำสั่งนั้น องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงก็สะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้างแล้วไพร่หลังไว้เดินเข้าไปในห้องส่วนพระองค์พร้อมกับรั่วอิงเหยาที่เดินตามเข้าไปช้า ๆ
พรึ่บ!
รั่วอิงเหยานั่งลงบนพื้นโดยมีหลัวอี้เฟิงนั่งสูงกว่าหนึ่งระดับ
“เ้ารีบบอกวิธีถอนพิษให้ชิงเอ๋อร์ ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน”
ทันทีที่ได้ยินคนที่แอบรักเอ่ยอย่างไร้เยื้อใย รั่วอิงเหยาถึงกับเจ็บแค้นในอก
“องค์ชายใหญ่ทรงเ็ากับเหยาเอ๋อร์เกินควรกระมังเพคะ
หลัวอี้เฟิงได้ยินคำถากถางของสตรีตรงหน้าถึงกับขบฟันแน่น
“หากไม่มีเหยาเอ๋อร์คอยเป็สะพานรักให้องค์ชายใหญ่กับน้องหญิงเกรงว่าคงไม่มีพระราชทานสมรสระหว่างทั้งสองคนเกิดขึ้น”
“เ้า้าทวงบุญคุณ?”
“อิงเหยาหรือจะกล้าเพคะ”
รั่วอิงเหยารีบเปลี่ยนสรรพนามของตนเองเมื่อเห็นท่าทีเกรี้ยวกราดของหลัวอี้เฟิง
“เช่นนั้นก็เลิกเล่นลิ้นรีบบอกวิธีช่วยชิงเอ๋อร์มา”
คำก็ห่วงชิงเอ๋อร์ สองคำก็มีแต่เยื่อใยให้รั่วเชียนชิง เหตุใดพระองค์ถึงได้ทำร้ายจิตใจของสตรีที่หลงรักพระองค์เช่นนี้
หากรู้ว่าจะข้ามมิติมาอยู่ในนิยายที่ตนเองแต่งนางคงไม่ปูเื่มาให้รั่วอิงเหยาไร้คนรักและจริงใจเช่นนี้
“ก่อนจะบอกวิธีช่วยเชียนเชียน หม่อมฉันขอบังอาจถามพระองค์หนึ่งคำถามได้หรือไม่เพคะ”
รั่วอิงเหยาลอบมองปฏิกิริยาของหลัวอี้เฟิง ดูว่าเขาจะมีความทนรอให้นางถามคำถามเพื่อแลกกับชีวิตของคนรักเขได้มากน้อยเพียงใด
“ข้าให้เ้าแค่หนึ่งคำถาม”
นางก็บอกอยู่ว่าเพียงหนึ่งคำถาม เหตุใดต้องย้ำอยู่ได้
“ขอบพระทัยองค์ชายใหญ่ อิงเหยารู้แล้วว่าพระองค์เองก็เมตตาหม่อมฉันอยู่บ้าง…”
“คำถามล่ะ”
คล้ายรำคาญที่รั่วอิงเหยายื้อเวลาไม่รีบถามสักที หลัวอี้เฟิงจึงชักสีหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกว่าความอดทนเขามีขีดจำกัด
“อิงเหยาเข้าเื่แล้วเพคะ”
รั่วอิงเหยาคนใหม่ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อมก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาหลัวอี้เฟิงที่ไม่แม้จะใยดีมองนาง
ช่างเ็ายิ่งนัก สมแล้วที่นางวางบทให้องค์ชายใหญ่ผู้นี้แกล้งหลอกใช้ความรักของรั่วอิงเหยาที่มีต่อตนบีบให้นางกลายเป็นางร้ายที่น่ารังเกลียด
“ก่อนที่อิงเหยาจะให้ท่านพ่อมาเข้าเฝ้าองค์ชายใหญ่ อิงเหยาฝันประหลาดเพคะ”
หลัวอี้เฟิงปรายหางตามองรั่วอิงเหยาด้วยความหงุดหงิดปนอยากรู้เล็กน้อย
“หม่อมฉันฝันถึงองรักษ์ตู้ รับคำสั่งจากองค์ชายใหญ่ ให้มาสังหารหม่อมฉันที่คุกหลวงเพคะ”
ตุ้บ!
“บังอาจ! เ้ากล้าใส่ร้ายข้า”
หลัวอี้เฟิงดูร้อนตัวเช่นนี้ เขาคงวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะต้องกำจัดนางไปพร้อมกับว่าที่พระชายาตนที่ถูกพิษ
‘นี่เราให้ตัวละครเอกมีความคิดชั่วร้ายขนาดนี้เลยเหรอ’
“หม่อมฉันมิกล้ากล่าวหาองค์ชายใหญ่เป็แน่ ที่หม่อมฉันกราบทูลเมื่อครู่เป็เพียงเื่ราวในฝันร้าย หม่อมฉันรู้ดีว่าองค์ชายใหญ่เป็ผู้สูงศักดิ์ที่มีเมตตา ยิ่งกับอิงเหยา ที่พระองค์ทรงไปมาหาสู่และสนิทกันยิ่งไม่มีทางที่ฝันร้ายนั้นจะเป็จริง จริงหรือไม่เพคะ”
ท้ายคำพูดนั้นรั่วอิงเหยาแฝงน้ำเสียงไปด้วยการประชดประชัน ทำเอาหลัวอี้เฟิงคิ้วกระตุกเล็กน้อยที่ถูกนางเดาแผนการที่วางเอาไว้ราวเห็นกับตาได้ยินกับหู หากราชครูรั่วมาเข้าเฝ้าเขาช้ากว่านี้สักหนึ่งเค่อ ฝันร้ายของรั่วอิงเหยาคงเป็จริงไปแล้ว
“ข้าไม่คิดส่งใครไปสังหารเ้า เพราะหากชิงเอ๋อร์เป็อะไรไป เสด็จพ่อจะจัดการเื่นี้เอง”
โกหก! นางเขียนเองกับมือว่าเื่ราวใดจะเกิดขึ้นแต่หลัวอี้เฟิงก็ยังทำตัวนิ่งได้อย่างหน้าตาย
“นี่คือสิ่งที่เ้าอยากถามข้า”
หลัวอี้เฟิงไม่อยากถูกสตรีต่ำช้าตรงหน้าหลอกเอาเื่ความฝันมาท้าทายความอดทนเขาอีกจึงรีบถามออกไปอย่างไม่พอพระทัย
"อิงเหยาผิดเองที่สงสัยในความดีที่องค์ชายใหญ่มีต่อหม่อมฉัน เช่นนั้นเราไปที่ห้องของน้องหญิงกันเถิดเพคะ”
รั่วอิงเหยาลุกขึ้นยืนพร้อมย่อตัวลงอย่างอ่อนน้อมเพื่อเชื้อเชิญองค์ชายใหญ่เสด็จ
“เ้าบอกไม่มียาถอนพิษเหตุใดถึงอยากไปห้องของชิงเอ๋อร์”
หลัวอี้เฟิงครางแครงใจ เขาไม่ไว้ใจรั่วอิงเหยาที่รู้แผนการที่เป็ความลับของเขากับตู้ชิงหลางจึงไม่ยอมเสด็จลงจากที่นั่ง
“เพราะน้องหญิงมิได้ถูกพิษ แต่ถูกผงเจ็ดราตรีที่จะทำให้นอนหลับใหลเป็เวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน เมื่อยาหมดฤทธิ์ น้องหญิงเชียนเชียนก็จะฟื้นได้สติเช่นเดิม”
“เ้าตั้งใจจะให้ชิงเอ๋อร์หลับจนเลยวันแต่งงานของนางกับข้า!”
เมื่อได้ฟังความจริงหลัวอี้เฟิงถึงกับชี้หน้ารั่วอิงเหยาพร้อมบันดาลโทสะออกมาจนพระเนตรแดงก่ำ
“เพคะ หม่อมฉันไม่เคยคิดร้ายกับน้องหญิงถึงชีวิต แต่ก็ทำใจไม่ได้ที่จะเห็นคนที่หม่อมฉันรักกราบไหว้ฟ้าดินกับสตรีอื่น”
รั่วอิงเหยาร้องไห้ออกมาอย่างเ็ปที่ถูกหลอกใช้มาตลอด
นางคือคนที่พบกับหลัวอี้เฟิงและเป็สตรีที่เขาสามารถเปิดเผยพูดคุยเื่ราวต่าง ๆ ได้อย่างไม่ปกปิด
แต่จู่ ๆ รั่วเชียนชิงก็เข้ามาเป็เพื่อนเรียนองค์หญิงห้าและถูกตาต้องใจกับองค์ชายใหญ่ โดยที่ทั้งคู่ปิดบังความรู้สึกนาง ดอกไม้ของกำนัลที่สื่อรักกันล้วนผ่านมือรั่วอิงเหยามาหมด ไม่ให้นางอยากขัดขวางพิธีอภิเสกสมรสของน้องสาวได้อย่างไร
“เหยาเหยา เราเข้าใจความรู้สึกที่เ้ามีต่อเรา แต่การแต่งงานนี้เสด็จพ่อประทานให้ มิใช่เรากราบทูลขอเอง”
รั่วอิงเหยาประหลาดใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ ตัวละครที่ตนเองเคยเขียนไว้กลับมีบทพูดสวนทางกับในนิยายที่แต่ง
นางเขียนเองกับมือว่าองค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงกราบทูลขอพระราชทานสมรสกับรั่วเชียนชิงด้วยพระองค์เอง
หรือว่านี่คือผลพวงมาจากการที่นางไม่ถูกลอบสังหารทำให้เนื้อเื่เปลี่ยนไป
“อิงเหยารู้ดีว่าองค์ชายใหญ่ไม่มีทางหักหลังความรักที่เหยาเอ๋อร์มีต่อพระองค์”
ไม่สิ! ทำไมนางถึงเคลื่อนไหวร่างกายเองเข้าไปสวมกอดหลัวอี้เฟิงเช่นนี้
หมับ!
ผิดคาดจากที่กังวลว่าจะถูกลากไปปะาเมื่อมือหนาขององค์ชายใหญ่สวมกอดแแ่กับรั่วอิงเหยาอย่างอบอุ่น
“ข้ารู้ว่าเ้าหวังดีกับข้าที่สุด แต่ราชโองการของเสด็จพ่อ ข้าหรือจะกล้าขัด”
หลัวอี้เฟิงผละอ้อมกอดนั้นออกช้า ๆ เพื่อใช้แววตาที่แสนอบอุ่นจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสดใสของรั่วอิงเหยา
