วันที่ 7 กรกฎาคม 1984 ผู้เข้าสอบบางส่วนจากโรงเรียนอันชิ่งเซี่ยนอีจงยากที่จะลืมเลือนวันนี้
ผู้เข้าสอบจำนวนนี้ก็คือคนที่ถูกจัดสรรไปยังสนามสอบเขตเหอตง ไม่ว่าในอนาคตเซี่ยเสี่ยวหลานจะน่าเกรงขามเพียงใด สภาพน่าอับอายตอนปรากฏตัวที่สนามสอบในวันนี้ของเธอ ถูกผู้คนจดจำไว้อย่างลึกซึ้งขึ้นใจเชียวล่ะ
ความทรงจำนี้ไม่ใช่ความรู้สึกแง่ลบ แต่เป็การชื่นชม
เพื่อนเสี่ยวหลานาเ็ขนาดนี้ยังอุตส่าห์นำาแมาถึงสนามสอบ พวกเขามีมือมีเท้าสมบูรณ์ดี มีอะไรต้องหวาดหวั่น!
“เสี่ยวหลาน เธอนี่จริงๆ เลยเชียว... เสี่ยวหลาน สู้ๆ นะ เธอจะสอบติดมหาวิทยาลัยหัวชิงอย่างแน่นอน!”
เฉินชิ่งมาส่งเซี่ยเสี่ยวหลานที่หน้าประตูห้องเรียน ทั้งสองสอบในโรงเรียนเดียวกัน เพียงแต่คนละห้องสอบ ล่วงเลยมาถึงเวลานี้แล้ว เขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเซี่ยเสี่ยวหลานว่าอย่าสอบ ทำได้แค่เป็กำลังใจให้เธอเท่านั้น! ต้องมีความกล้าหาญในการเดิมพันหมดหน้าตักให้แก่การเรียนและอนาคตสิ เมื่อไร้หนทางให้ถอยหลัง ก็จงเดินหน้าไปต่อจนสุดทางเสีย! ควรเรียนรู้จิติญญาแบบนี้ของเสี่ยวหลานบ้าง จู่ๆ เฉินชิ่งก็ะโส่งกำลังใจให้เซี่ยเสี่ยวหลาน สายตาของคนรอบข้างไม่ต่างจากกำลังมองคนโง่เง่า
สอบเข้าหัวชิง?
กำลังเล่นมุกตลกอยู่รึ!
คุณหาคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิงได้กี่คนจากทั่วทั้งมณฑล นักเรียนหญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ มือขวายังสวมเฝือกอยู่ด้วยซ้ำ จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิงได้หรือ? กระทั่งการโอ้อวดก็ไม่พูดเช่นนี้ พอจ้องมองเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวยมากจริงๆ เหล่านักเรียนชายเบนสายตาไปทางอื่น และอดไม่ได้ที่จะยัดเยียดถ้อยคำว่าร้ายให้เธอ
เซี่ยเสี่ยวหลานจะพูดอะไรได้ ต่อให้สายตาของคนอื่นดูไม่เชื่อขนาดไหน ก็มิอาจขัดขวางเธอจากการเข้าร่วมเกาเข่า
เธอมองหาสนามสอบมาก่อนหน้านั้นแล้ว จึงเจอที่นั่งของตนเองได้อย่างง่ายดาย ศึกแห่งการสอบของเธอยิ่งใหญ่กว่าคนอื่น หลี่ต้งเหลียงรีบกลับมาจากหยางเฉิง นับเก่อเจี้ยนอีกคน รวมถึงหลิวเฟินมารดาของเธอ ทุกคนกำลังรออยู่นอกโรงเรียน เมื่อคืนวานเธอได้โทร. หาโจวเฉิงด้วย เธอไม่กล้าให้โจวเฉิงรับรู้เื่กระดูกร้าวของเธอ โจวเฉิงขอให้เธอทำข้อสอบสบายๆ เซี่ยเสี่ยวหลานตอบตกลงพลางมองมือขวาที่ใส่เฝือกของตนเอง ไม่เผยความผิดปกติแม้แต่นิดเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานรับประทานยาแก้ปวดเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เช่นเดียวกับการสอบคัดเลือกรอบแรก วิชาแรกคือการสอบภาษาจีน
ปริมาณตัวหนังสือที่ต้องเขียนนั้นไม่ใช่น้อยๆ เซี่ยเสี่ยวหลานแข็งใจและกินยาเข้าไปสองเม็ด
อาจารย์ผู้คุมสอบกำลังมองเธอ มีนักเรียนที่เข้าสอบพร้อมความเจ็บป่วยทุกปี มีทั้งคนเจ็บขาที่มากับไม้เท้า คนที่ไข้สูง คนที่เป็หวัด... แต่มือกำลังใส่เฝือกอยู่ แล้วจะเขียนอย่างไรเล่า?
และบนร่างกายของเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ได้มีาแนี้ที่เดียวด้วยน่ะสิ
แผลถลอกที่ข้อศอกและหัวเข่าเพิ่งตกสะเก็ด เนื่องจากกลัวว่าการพันแผลด้วยผ้าก๊อซท่ามกลางอากาศร้อนจะทำให้แผลย่ำแย่ลง เซี่ยเสี่ยวหลานจึงดึงผ้าก๊อซออกเสีย จากนั้นก็ทายาไอโอดีนมาแทน
คำแถลงการณ์ของอาจารย์คุมสอบคล้ายคลึงกับตอนสอบคัดเลือกรอบแรก ทว่าท่าทีเข้มงวดดุดันกว่าตอนสอบคัดเลือกรอบแรกยิ่งนัก!
พวกที่เดิมทีไม่ประหม่าพากันตื่นกลัวจนมือสั่น
ข้อสอบวิชาภาษาจีนถูกแจกจ่ายมา เซี่ยเสี่ยวหลานลองเขียนชื่อลงไป ไม่รู้สึกเจ็บข้อมือสักเท่าไรจริงๆ เธอจึงเริ่มจดจ่อกับการตอบคำถาม ความเร็วในการเขียนหนังสือช้าอยู่แล้ว หากมัวโอ้เอ้อีกเธอกลัวว่าจะเขียนเรียงความไม่เสร็จ ข้อที่หนึ่งผ่านไป ข้อที่สองผ่านไป แม้เธอเป็ทหารที่าเ็ แต่สภาพจิตใจมั่นคงหนักแน่นยิ่งกว่าผู้เข้าสอบคนไหนๆ
บางคนเข้าสอบเป็ครั้งแรกในปีนี้ หลังได้รับข้อสอบวิชาภาษาจีน ขนาดมือไม้สั่นอยู่หลายนาทียังไม่กล้าจรดปากกาด้วยซ้ำ
เมื่อตัวอักษรเ่าั้แยกกันก็เข้าใจได้ดีทั้งหมด แต่เมื่อประสมเข้าด้วยกันแล้ว ทำไมถึงล่องไปลอยอ่านไม่รู้เื่กันนะ
พอมองเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานที่มือเข้าเฝือกเริ่มตอบแล้ว เหล่าผู้เข้าสอบที่อยู่ในสนามสอบเดียวกันกับเธอจะไม่รีบได้หรือ... เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สนใจคนอื่น เธอหยิบปากกาขึ้นมาปุ๊บก็เข้าสู่โลกใบเล็กที่ปิดกั้นจากภายนอกปั๊บ ทุกโจทย์ที่ตอบได้อย่าเสียคะแนนเด็ดขาด พยายามทำคะแนนสูงสุดสำหรับโจทย์ที่ไม่แน่ใจ และเติมคำตอบให้เต็มสำหรับโจทย์ที่จำไม่ได้จริงๆ ส่วนคำตอบจะถูกต้องหรือไม่ ปล่อยให้เป็ไปตามโชคชะตา อันที่จริงแล้วก็อาศัยเดาสุ่มนั่นเอง
เธอรู้สึกว่าตนเองทำข้อสอบวิชาภาษาจีนได้ดี ระดับความยากไม่สูงมากยัก
เพียงแต่ตอบได้ช้ากว่าคนอื่น เรียงความเหลืออีกแค่ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ข้อมือของเธอเริ่มปวดขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
มีแต่ต้องลดความเร็วลงมากกว่าเดิมเท่านั้น พอเธอเขียนเสร็จ เหลืออีกสิบนาทีก็จะส่งกระดาษคำตอบ เซี่ยเสี่ยวหลานมีเวลาพอตรวจทานเพียงรอบเดียว
แก้คำตอบในส่วนปรนัยข้อเดียว คำตอบอื่นๆ ล้วนไม่มีการเปลี่ยนแปลง
พอส่งกระดาษคำตอบวิชาภาษาจีน เซี่ยเสี่ยวหลานถึงเกิดความรู้สึกสมจริงขึ้นมานิดหน่อย ไม่ว่าจะสอบออกมาอย่างไร คะแนนวิชาภาษาจีนก็ถูกกำหนดในชั่วขณะที่ส่งกระดาษคำตอบแล้ว เธอจึงไม่ควรคิดมากอีกต่อไป
พักรับประทานอาหารเที่ยง พักผ่อน กินยาแก้ปวด ไม่ได้ละเลยอะไรในสามสิ่งนี้
วิชาที่สอบ่บ่ายของวันที่หนึ่งคือวิชาเคมี
นี่ถือเป็วิชาถนัดของเซี่ยเสี่ยวหลาน อีกทั้งไม่ต้องเขียนเยอะ ตอนเธอออกจากห้องสอบรู้สึกผ่อนคลายมาก
ใครมาขอเทียบคำตอบกับเธอ เธอไม่ตอบแม้แต่ข้อเดียว
มีโจทย์บางข้อที่เธอมั่นใจมากว่าตนเองตอบถูก หากคำตอบของคนอื่นไม่เหมือนเธอ เมื่อพูดออกมาแล้วจะส่งผลต่ออารมณ์ของคนอื่นเกินไป
“ไม่เทียบคำตอบกันสิ ตั้งใจกับวิชาถัดไปเถอะ!”
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดแบบนี้กับทุกคน แม้แต่เฉินชิ่งเองยังไม่ให้คำตอบ คนอื่นๆ บ่นอุบอิบนิดหน่อยแล้วก็ปล่อยผ่าน เธอรับประทานมื้อเย็นกับเฉินชิ่ง เห็นได้ชัดมากว่าเฉินชิ่งสงสัยเกี่ยวกับการมีอยู่ของหลี่ต้งเหลียงและเก่อเจี้ยน ทว่าเด็กหนุ่มได้รับการอบรมที่ดี เขาจึงไม่ซักถามซี้ซั้ว
หลิวเฟินบอกให้เฉินชิ่งกินกับข้าวเยอะๆ “มื้อนี้น้าเลี้ยงเธอเอง เธอตั้งใจสอบนะ”
คนจากหมู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น และเฉินวั่งต๋ายังเคยช่วยเหลือสองแม่ลูกตั้งมากมาย หลิวเฟินเอาใจใส่เฉินชิ่งเป็อย่างดี
ระหว่างเดินทางกลับหลังอาหารมื้อเย็น เซี่ยเสี่ยวหลานถามเขา
“ทำโจทย์ที่ให้เธอไปเมื่อวานได้หรือยัง?”
เฉินชิ่งพยักหน้า กระทั่งเกร็ดความรู้สำคัญที่อาจารย์เก็งให้ เขายังไม่จริงจังกับมันขนาดนี้ ไม่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะให้อะไรมา เฉินชิ่งก็เชื่อมั่นอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่ใช่แค่เพราะว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีผลการเรียนดี นอกจากนี้ยังเป็เพราะอุดมคติของหนุ่มน้อยที่มีต่อหญิงสาวในดวงใจ เซี่ยเสี่ยวหลานพูดอะไรล้วนถูกต้องทั้งหมด
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่มากความเช่นกัน
คะแนนของเฉินชิ่งค่อนข้างอันตรายก็จริง ทว่าถ้าเขาทำได้ดี เขาอาจเข้าเรียนปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย ถ้าเขาสอบได้ไม่ดีนัก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะซ้ำรอบเดิมกับปีก่อนเสมอไป
่เช้าวันต่อมา เมื่อข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์มาถึงมือ เซี่ยเสี่ยวหลานก็อ่านข้อสอบทั้งหมดอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ
เธอแน่ใจแล้ว!
การยืนยันจะเข้าสอบทั้งที่ใส่เฝือกและกินยาแก้ปวดก็เกี่ยวข้องกับข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ชุดนี้ด้วย มันเหมือนในความทรงจำเธอไม่มีผิดเพี้ยน กระทั่งตัวเลขยังไม่มีความแตกต่าง
ถูกขนานนามว่าเกาเข่าวิชาคณิตศาสตร์ประจำปี 1984 ที่ยากที่สุดในประวัติศาสตร์ ข้อสอบชุดนี้ทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานมุ่งมั่นหนักแน่นที่จะพิชิตเกาเข่าของปีนี้
ได้รับาเ็แล้วอย่างไร ใครที่คิดว่าขัดขวางความสำเร็จของเธอได้ เซี่ยเสี่ยวหลานจะให้พวกเขาเฝ้าดูเธอประสบความสำเร็จ แม้ไม่อยากเห็นจนต้องควักลูกตาออกมา แสงสุกสกาวพราวระยับก็จะเผาไหม้จิตใจอันอัปลักษณ์และคับแคบของพวกเขาอยู่ดี!
เธอทำข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์โดยไร้ความกังวล
ไม่ชะงัก ไม่สะดุด มีผู้เข้าสอบร่วมสนามหลายคนถึงกับมือเท้าชาแปลบเพราะข้อสอบคณิตศาสตร์! คนที่เริ่มขยับปากกาก็กำลังฝืนตอบ สูตรคำนวณถูกหรือเปล่า? ไม่รู้น่ะสิ ปล่อยไปตามยถากรรมเถอะ...
หลังการสอบวิชาคณิตศาสตร์สิ้นสุด ทั้งห้องสอบคือเสียงร้องไห้
ไม่ใช่การคร่ำครวญหวนไห้ แต่เป็การร้องไห้อย่างสิ้นหวังจริงๆ
เฉินชิ่งอยู่ในความงุนงง ทุกคนล้วนบอกว่าทำแทบไม่ได้ โจทย์พิสดารยากเย็น เขาเองก็รู้สึกว่ามันยากเช่นกัน
ทว่าสำหรับโจทย์ใหญ่ในตอนสุดท้ายนั้น 3 ใน 5 ข้อเหมือนกับโจทย์ที่เซี่ยเสี่ยวหลานแบ่งปันให้ แม้ตัวเลขแตกต่างกัน เขาจะลืมวิธีคำนวณได้อย่างไร? แต่ละข้อมีคะแนนมากกว่า 10 คะแนน ทุกคนพากันร่ำไห้ ในขณะที่เฉินชิ่งเก็บคะแนนในวิชาคณิตศาสตร์ได้เปล่าๆ อย่างน้อย 30 คะแนนแล้ว
สิ่งนี้มีค่ามากกว่าเงิน 30 หยวน 300 หยวน... หรือแม้แต่ 30000 หยวน!
ค่าอนุมานที่สูงกว่านี้เกินพื้นที่จินตนาการของเฉินชิ่งไปแล้วเหมือนกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางยอมรับแน่นอน นี่เป็เพียงความบังเอิญ ต่อให้ผ่านไปหลายสิบปีจนทุกคนแก่ตัวแล้ว เธอก็จะบอกเฉินชิ่งว่ามันเป็แค่เื่บังเอิญ!