พลังจิติญญาแผ่กระจายไปทั่วทั้งฟ้าดิน พุ่งเข้าปกคลุมร่างของเสิ่นเสวียน ราวกับ้าค้นหาความจริงจากเขา
เสิ่นเสวียนยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าดูเหมือนเรียบเฉย ทว่าในความเป็จริง จิตใจของเขากำลังเดือดพล่าน
นี่คือพลังจิติญญาที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยพบหลังจากเสิ่นเสวียนมายังโลกใหม่นี้ พลังระดับนี้โเี้ยิ่งกว่าขั้นหยวนก่อกำเนิดแห่งการบำเพ็ญเพียรเสียอีก ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ยังมิอาจรับมือได้
“ท่านพี่ เป็อะไรหรือ”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่นั่งอยู่บนรถเข็นเห็นเสิ่นเสวียนยืนเหม่ออยู่กับที่จึงถามขึ้น
“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก”
หลังจากพลังจิติญญานั้นตรวจสอบร่างของเสิ่นเสวียนเรียบร้อยก็เคลื่อนที่กลับไปทันที อย่างไรก็ตาม ก่อนที่อีกฝ่ายจะดึงพลังกลับไป ได้ทิ้งสัญลักษณ์บางอย่างไว้บนตัวเสิ่นเสวียนด้วย
อีกฝ่ายสนใจเขาขึ้นมาแล้ว ทั้งยังหาตัวเขาเจอได้ทุกเมื่อ
“ไปกันต่อเถอะ เ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนอีกหรือไม่”
เสิ่นเสวียนสะบัดหัวเล็กน้อย ตั้งใจเข็นเสิ่นเสี่ยวเม่ยไปข้างหน้าต่อ
ในเมื่ออีกฝ่ายจับตามองเขาแล้ว จะแอบซ่อนตัวคงไม่มีความหมาย ด้วยพลังของอีกฝ่าย หากคิดสังหารเขานับเป็เื่ง่ายมาก มิสู้นิ่งเฉยไม่ใส่ใจเสียดีกว่า
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของคนผู้นี้ทำให้เขารู้สึกกดดันมาก ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงจำนวนหนึ่งไม่ได้ดีไปกว่าสัตว์ประหลาดแก่ๆ ที่ฝึกฝนมานับพันปีในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรสักเท่าไร พลังของเขายังต่ำต้อยยิ่งนัก จำเป็ต้องทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด
หลังจากเที่ยวเล่นกับเสิ่นเสี่ยวเม่ยไปทั่วเมืองอวี่ฮว่าตลอด่เช้า ทั้งสองคนก็มายังโรงเตี๊ยมที่หรูหราที่สุดในเมือง โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็ของตระกูลซูซึ่งเป็ตระกูลใหญ่ในเมืองอวี่ฮว่าเช่นกัน แม้จะเทียบตระกูลเสิ่นไม่ได้ แต่ก็ไม่ห่างชั้นกันมากนัก
ภายในโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยผู้คน ทั้งสองเข้าไปในห้องรับรองแล้วสั่งอาหารมามากมาย อาหารของที่นี่ผสมผสานไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง เมื่อกินเข้าไปจะช่วยเสริมพลังของตนเองได้อีกด้วย และนี่คือเหตุผลว่า คนธรรมดาของที่นี่เทียบได้กับผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร
แม้แต่เสิ่นเสวียนยังประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าตนเองก็คือสัตว์ประหลาดพันปี ไม่สนใจเกี่ยวกับโลกมนุษย์มานานแล้ว ทว่าเขากลับดูแลน้องสาวบุญธรรมคนนี้เป็พิเศษ คนอื่นๆ ในตระกูลเสิ่นหาได้มีความรักต่อเขา ราวกับว่าเขาจะััได้ถึงครอบครัว ตราบเท่าที่ยังมีน้องสาวคนนี้อยู่ด้วย
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังกินอาหาร พลันเกิดความอลหม่านขึ้นด้านนอกโรงเตี๊ยม
“รีบออกไป พวกข้าเหมาที่นี่ไว้แล้ว ใครไม่อยากตายไสหัวไปให้หมด”
“พวกเ้าจะทำอะไร พวกข้าก็จ่ายเงินเหมือนกัน”
“พูดจาเหลวไหลอะไร รีบๆ ไสหัวไป ตระกูลหานทำอะไรต้องอธิบายให้เ้าฟังด้วยหรือ”
หลังจากเสียงอึกทึกด้านนอก แขกในโรงเตี๊ยมก็ทยอยถูกไล่ออกไป และในขณะนั้นเอง เถ้าแก่โรงเตี๊ยมก็เปิดประตูเข้ามาในห้องรับรองของเสิ่นเสวียน
“คุณชายเสิ่น ต้องขออภัยด้วยจริงๆ คือว่า...”
เถ้าแก่รู้ถึงฐานะของเสิ่นเสวียนกับเสิ่นเสี่ยวเม่ย จึงแสดงสีหน้าอึดอัดออกมา
“เป็อะไรไปหรือเถ้าแก่”
เสิ่นเสวียนถาม ยกถ้วยชาขึ้นจิบ
“คือ... คือว่าคนของตระกูลหาน พวกเขาเข้ามาล้อมที่นี่ไว้แล้วไล่แขกทั้งหมดออกไป”
เถ้าแก่รู้ดีว่าทั้งสองฝ่ายกำลังบาดหมางกัน ไม่มีใครอยากก้าวก่าย แต่ถ้าเทียบกันแล้ว ตระกูลเสิ่นคุยด้วยง่ายกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“เหมาอย่างนั้นหรือ ก็ปล่อยให้เขาเหมาไปสิ”
“ขอรับ แต่...แต่พวกเขา้าเหมาทั้งโรงเตี๊ยม ห้องนี้ก็...”
เมื่อได้ยินคำของเถ้าแก่ เสิ่นเสวียนปรายตามองเสิ่นเสี่ยวเม่ยที่อยู่ข้างๆ ทันที วันนี้ทั้งวันเขาอยากจะกินอาหารแบบเงียบสงบสักหน่อยก็ไม่ได้ ดูเหมือนจำเป็ต้องกำจัดตระกูลหานให้สิ้นซากเสียแล้ว
“เ้าออกไปเถอะ ไม่ต้องเก็บกวาดที่นี่”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเถ้าแก่เสียงเรียบ
เดิมทีเถ้าแก่ยังอยากกล่าวบางอย่างอีก แต่เมื่อเห็นแววตาของเสิ่นเสวียนก็เลิกคิดจะกล่าวเตือน ในการทำการค้า หลักสำคัญคือการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเพื่อนำพาความมั่งคั่งเข้ามา สองตระกูลหานเสิ่นเข้าปะทะกันที่นี่ ต้องส่งผลกระทบต่อตระกูลซูอย่างรุนแรงแน่ๆ แต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
หลังจากกล่าวขอโทษเสิ่นเสวียนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยแล้ว เถ้าแก่ก็ออกจากห้องแล้วรีบส่งคนไปยังตระกูลซูทันที เขาคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าจะต้องเกิดการปะทะอย่างรุนแรงแน่นอน
ห้องรับรองกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ด้านนอกก็เงียบลงแล้วเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าแขกถูกไล่ออกไปเกือบหมดแล้ว เสิ่นเสี่ยวเม่ยหันมองเสิ่นเสวียนด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใส แต่ในขณะเดียวกันนางก็เป็กังวลขึ้นมา เพราะที่นี่ไม่ใช่ตระกูลเสิ่น
“ท่านพี่ ข้าอิ่มแล้ว พวกเราไปกันเถอะ!”
“เ้ากังวลว่าพี่จะโดนทำร้ายอย่างนั้นหรือ”
“เปล่า แต่พวกเราไม่จำเป็ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขา” แม้เสิ่นเสี่ยวเม่ยจะมีอายุเพียงสิบเอ็ดปี แต่นางก็รู้ดีถึงความแตกต่างระหว่างสองตระกูลหานเสิ่น มิเช่นนั้นตระกูลหานคงไม่กล้าอวดดีขนาดนั้นในหอประชุม
“ที่เ้ากล่าวมาก็ถูก ไม่จำเป็ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาเลย” เสิ่นเสวียนพยักหน้า เขาเตรียมจะลุกขึ้น ทว่าเสียงอึกทึกพลันดังขึ้นด้านนอกอีกครั้ง
“เถ้าแก่ จัดการเก็บกวาดให้หมด!” เป็เสียงของหานเตา เขากล่าวอย่างเย่อหยิ่ง ไม่เห็นใครหน้าไหนอยู่ในสายตา
“เฝ้าดูไว้ให้ดี หากครั้งนี้ดูแลแขกพิเศษไม่ทั่วถึง หัวของพวกเ้าจะหลุดจากบ่า”
ข้ารับใช้ชุดครามมากกว่ายี่สิบคนยืนเรียงกันสองแถวอยู่ภายในโรงเตี๊ยม พวกเขาล้วนเป็ข้ารับใช้จากตระกูลหาน หลังจากได้ยินคำของหานเตาก็พยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นหานเตาเดินนำคนไปตรวจดูแต่ละห้อง เกรงว่าจะมีใครตกหล่นอยู่
เถ้าแก่ตระกูลซูยืนอยู่ด้านหลังเงียบๆ เหตุเพราะกลัวจะเป็การล่วงเกินหานเตา หานเตาไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในเมืองอวี่ฮว่า คนส่วนใหญ่เจอเขายังต้องหลีกทางให้
“ประตูห้องนี้ทำไมถึงปิดไว้”
หานเตาเดินไปถึงหน้าห้องรับรองของเสิ่นเสวียน พลันปรายตามองเถ้าแก่ตระกูลซูด้วยแววตาเย็นเยียบ
“คือ คือว่า...”
โครม!
หานเตาไม่รอให้เถ้าแก่กล่าว ใช้เท้าถีบประตูห้องเปิดออกทันที
เสิ่นเสวียนกับเสิ่นเสี่ยวเม่ยกำลังกินอาหารอยู่ภายในห้องนั้น
เดิมทีเสิ่นเสวียนคิดจะไปจากที่นี่อยู่แล้ว แต่หานเตากลับมาถึงหน้าห้องเสียก่อน จึงทำได้เพียงรอให้อีกฝ่ายเข้ามา
เสิ่นเสวียนไม่อยากหาเื่ แต่ก็ไม่เคยเกรงกลัว
“เ้านี่ตามหลอกหลอนไม่เลิกเลยจริงๆ! ดูเหมือนว่าเ้าจะไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว”
หานเตาเห็นเสิ่นเสวียนกับเสิ่นเสี่ยวเม่ยอยู่ในห้องนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วค่อยเปลี่ยนเป็ยิ้มอย่างเ้าเล่ห์
“เสี่ยวเม่ย ครั้งนี้พี่ไม่ได้อยากหาเื่เลย”
เสิ่นเสวียนไม่ใส่ใจหานเตา เขายื่นมือไปหาเสิ่นเสี่ยวเม่ยพลางกล่าว
“เด็กน้อย ข้ากำลังพูดกับเ้าอยู่นะ!” หานเตาเห็นว่าเสิ่นเสวียนไม่สนใจตนเอง จึงะโออกไปเสียงดัง
“ช้าก่อน ข้ามีเื่อยากถามสักหน่อย ตระกูลหานเป็หมากันหมดหรือ กัดคนไม่ปล่อยกันเลย”
เสิ่นเสวียนรู้สึกเหนื่อยใจ ตอนแรกก็เจอกันระหว่างทาง ตอนนี้ยังต้องมาเจอกันที่นี่อีก ตามหลอกหลอนกันจริงๆ แล้วก็เป็เพราะตอนนี้พลังของเสิ่นเสวียนยังต่ำอยู่ หากว่าอยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร แค่สายตาที่มองก็เพียงพอจะทำให้หานเตาตายไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
“เ้า รนหาที่ตาย!”
หานเตาได้ยินคำของเสิ่นเสวียนก็โมโห ตนเองยังไม่ทันได้ลงมือ เสิ่นเสวียนกลับกล้าท้าทายเขาเสียแล้ว หลังจากกล่าวจบเขาก็กำหมัดแน่น ไอพลังต่อสู้แผ่ซ่านรุนแรง พลันปล่อยพลังหมัดโจมตีเสิ่นเสวียน
เมื่อเห็นกำปั้นของหานเตาเข้าประชิดตัว เสิ่นเสวียนก็ขยับไปด้านข้างเล็กน้อย จากนั้นถอยไปอยู่ด้านหน้าของเสิ่นเสี่ยวเม่ย แล้วเข็นรถเข็นไปอีกด้านหนึ่งในทันที เบื้องหน้าหานเตาตอนนี้เสิ่นเสวียนได้หายตัวไปแล้ว กำปั้นของหานเตาจึงกระแทกลงบนโต๊ะแทน พลังหมัดรุนแรงจนโต๊ะทั้งตัวแหลกละเอียด อาหารทั้งหมดกระจายทั่วพื้น
“เถ้าแก่ ให้เขาจ่ายค่าอาหารครั้งนี้ด้วย”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเถ้าแก่ตระกูลซู
พลังยุทธ์ของหานเตาอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับสูงสุด เกือบถึงขั้นแม่ทัพแล้ว นับได้ว่าเป็ขั้นกึ่งก้าวแม่ทัพ มีพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าองครักษ์ของเสิ่นเหวินเทา แต่ไม่ได้เป็ภัยต่อเสิ่นเสวียนเลยแม้แต่น้อย
“ข้าจะฆ่าเ้า!”
เสิ่นเสวียนหลบได้ทำให้หานเตารู้สึกเสียหน้า รวมกับครั้งก่อนที่โดนตบหน้าในหอประชุมตระกูลเสิ่นแล้ว ยิ่งทำให้หานเตาทนไม่ได้อีกต่อไป วันนี้เขาจะต้องสังหารเสิ่นเสวียนให้ได้
ไอพลังต่อสู้พลุ่งออกมาทั่วร่างหานเตา พลันเขากระโจนเข้าหาเสิ่นเสวียน
เถ้าแก่ตระกูลซูก้มหน้าถอยหลังไปหลายก้าว ตอนนี้จะทำอย่างไรดี หากว่าถึงแก่ชีวิต พวกเขาตระกูลซูคงยากจะรับมือกับผลที่ตามมา
“ในเมื่ออยากตาย ข้าจะช่วยเ้าเอง”
แววตาของเสิ่นเสวียนสาดประกายเจตจำนงสังหารรุนแรง คนที่เขาคิดสังหารไม่มีใครรอดไปได้สักคน แต่ปล่อยให้หานเตาตายไปเลยคงจะสบายมากเกินไป
เสิ่นเสวียนเคลื่อนไหวด้วยท่าร่างแปลกๆ ไปตรงหน้าหานเตา ฝ่ามือทั้งคู่โจมตีใส่จุดไท่หยาง[1] ตรงขมับทั้งสองข้างของหานเตาพร้อมกันด้วยความเร็วสูง
โพละ!
เสียงเหมือนผลแตงโมแตกดังกังวาน ทำให้ทั่วทั้งห้องเงียบกริบในฉับพลัน
...................................................................
[1] ไท่หยาง คือจุดลมปราณ อยู่บริเวณขมับทั้งสองข้าง ตรงรอยบุ๋มระหว่างหางคิ้วกับหางตา เยื้องไปด้านหลังเล็กน้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้