เซวียเสี่ยวหรั่นมองเหลียนเซวียนขี่ท่าเสวี่ยกลับมา ขายาวอ้อมหลังะโลงจากหลังอาชาอย่างสง่างาม
พอเขายกมือขึ้นโบก องครักษ์สารถีก็ลงจากรถม้าทันที
หลังจากติดม่านไม้ไผ่ที่ประตูรถ ยามรถม้าออกเดินทาง พวกนางก็เปิดประตูครึ่งบาน เพื่อให้ลมโกรกเข้ามาในตัวรถ
"อูหลันฮวา เ้าลงไปก่อน ข้ามีเื่สนทนากับคุณหนูของพวกเ้า" เสียงเข้มแฝงแววน่ายำเกรงอย่างที่ผู้ใดก็มิอาจปฏิเสธได้
อูหลันฮวาหันไปมองเซวียเสี่ยวหรั่น
เธอเห็นสถานการณ์เบื้องหน้าอยู่รางๆ แม้ไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่คาดว่าต้องเกิดเื่บางอย่างขึ้นแน่
รู้ว่าเหลียนเซวียนมีเื่จะพูด มิเช่นนั้นคงไม่หน้าดำคร่ำเครียดแบบนี้
"เ้าไปอยู่กับหงกูก่อน" เซวียเสี่ยวหรั่นบอกใบ้
อูหลันฮวาพยักหน้า เลิกม่านไม้ไผ่แล้วลงไปจากรถม้า
เหลียนเซวียนพลิกกายเข้ามาในรถ
รังสีความหวั่นวิตกกำจายออกมาจากทั่วร่าง
"มีอะไรหรือ"
เห็นเขาอารมณ์ไม่ดี เซวียเสี่ยวหรั่นก็เลิกทำตัวเหินห่างตามความตั้งใจเดิมทันที
"เสี่ยวหรั่น ข้าต้องเดินทางกลับเมืองหลวงล่วงหน้าไปก่อน" ดวงตาทั้งคู่ของเหลียนเซวียนจดจ้องนาง
เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งงัน ดวงตาฉายแววลนลานในชั่วพริบตา ไม่นึกว่าต้องจากลากะทันหันเพียงนี้
"เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
ความหวาดกลัวที่ผุดวาบภายใต้ก้นบึ้งดวงตาของนาง ทำให้เหลียนเซวียนรู้สึกปวดใจอยู่บ้าง
"ไม่มีอะไรหรอก เสด็จพ่อมีพระประสงค์ให้ข้ากลับเมืองหลวงวันนี้ เพื่อเข้าร่วมงานวันคล้ายวันพระราชสมภพของหวงกุ้ยเฟย"
เขาบอกนางอย่างไม่ปิดบัง
เซวียเสี่ยวหรั่นอ้าปากค้างเล็กน้อย รู้สึกแปลกๆ เมื่อได้ยินเขาเอ่ยถ้อยคำที่ทั้งคุ้นหูและแปลกหูเช่นคำว่า 'เสด็จพ่อ กับหวงกุ้ยเฟย'
"วันคล้ายวันพระราชสมภพ คือวันที่สิบเดือนหก นับจากวันนี้ไปก็ไม่ถึงสี่วัน ดังนั้นจำเป็ต้องใช้ม้าเร็วเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืน ถึงจะกลับไปถึงเมืองหลวงทัน"
เหลียนเซวียนอธิบายอย่างอดทน
"อ้อ" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่รู้ว่าควรตอบสนองกลับไปอย่างไร ได้แต่ตอบรับอย่างอึ้งๆ
เหลียนเซวียนเห็นท่าทางทึ่มทื่อของนางก็ใจอ่อนยวบ
"เ้าเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมหย่งเจียกับศิษย์พี่ อย่ากังวลเื่อื่น หย่งเจียเป็บุตรสาวท่านอาหญิงของข้าเอง ค่อนข้างสนิทสนมกับข้า เ้าคบค้าสมาคมกับนางมากหน่อยได้"
เขาคว้ามือนางมากอบกุม เซวียเสี่ยวหรั่นพยายามสะบัดมือออก แต่เขากลับไม่ยอมปล่อย
"เสี่ยวหรั่น ข้ารู้ เ้าพะวงเื่สถานะของข้า"
เซวียเสี่ยวหรั่นเบือนสายตาอย่างรู้สึกผิด
"แต่นั่นหาใช่สิ่งสำคัญที่สุด"
เวลามีไม่มากพอ เหลียนเซวียนยื่นมือไปบีบคางเรียวแล้วเชยขึ้น
เซวียเสี่ยวหรั่นกลอกตาใส่เขาทันที จากนั้นก็ตีมือเขาดังเพียะ
"ห้ามทำตัวเหมือนเติงถูจื่อ [1] สิ"
เหลียนเซวียนอึ้งงันก่อนอมยิ้ม "เหมือนเติงถูจื่ออย่างไร?"
"ก็ชอบแตะเนื้อต้องตัวผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมนะสิ" เซวียเสี่ยวหรั่นย่นจมูกพลางค้อนควักใส่เขา
เหลียนเซวียนสงวนวาจา จดจ้องนางด้วยแววตาล้ำลึก
มองจนเซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกไม่เป็ตัวของตัวเอง
"เสี่ยวหรั่น เ้าไม่เชื่อข้าหรือ"
"เชื่อสิ" เซวียเสี่ยวหรั่นช้อนตาขึ้นมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม
"เช่นนั้นก็จงจำไว้ ขอเพียงเ้ายินดีเป็แม่นางผู้เด็ดบุปผา บุปผาดอกนั้นก็จะส่งมาถึงมือเ้าอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อยไร้หนามตำมือ" เหลียนเซวียนกล่าวถ้อยคำจริงจังยิ่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นกัดริมฝีปากเบาๆ ในใจสะท้านไหว
"อย่ากัดปาก" ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้คางอันบอบบาง ปาดนิ้วโป้งเบาๆ บนกลีบปากนุ่ม ดวงตาสีเข้มขึ้น ก่อนโน้มตัวเข้าไปจุมพิตริมฝีปากอิ่มแรงๆ ทีหนึ่ง ชั่วขณะที่เซวียเสี่ยวหรั่นยังไม่ได้สติ ก็รั้งตัวนางเข้ามากอดในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว
"เข้าจะไปอธิบายกับหย่งเจียสักสองสามประโยค เ้าจำคำข้า อย่าคิดอะไรส่งเดช เอาไว้พวกเราค่อยพบกันที่เมืองหลวง"
กล่าวจบเขาก็ปล่อยสาวน้อยร่างนุ่มในอ้อมอก
หลังจากมองนางอย่างล้ำลึกครู่หนึ่งก็เลิกม่านไม้ไผ่แล้วลงไปจากรถม้า
เธอ... ถูกเขาจูบอีกแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นมองม่านไม้ไผ่ที่ส่ายไปมาเล็กน้อย ดวงหน้าร้อนผ่าวกลายเป็สีแดงก่ำโลหิต
คนผู้นี้ช่างเผด็จการยิ่งนัก มาจูบตามอำเภอใจโดยที่เธอไม่อนุญาตได้อย่างไร
เธอยกมือปิดปาก ดวงตากลมโตถลึงจ้องไปนอกรถ ทว่าเงาร่างของเขาหายไปนานแล้ว
เมื่อครู่เขาพูดอะไรออกมา สมองของเซวียเสี่ยวหรั่นเหมือนถูกไฟเผา
นึกถึงคำมั่นสัญญาจากปากเขา เซวียเสี่ยวหรั่นพลันว้าวุ่นใจ
อีกด้าน เหลียนเซวียนสาวเท้าก้าวใหญ่ไปที่รถม้าของหย่งเจีย
"พี่เจ็ด จั่วชิงมาได้อย่างไร" ท่านหญิงหย่งเจียหาได้ลงจากรถ แต่สถานการณ์ด้านนอกย่อมมีคนมารายงาน
สีหน้านางฉายแววตระหนก "หรือว่าเขาจะตามขบวนรถของข้ามา?"
หากนางเป็ผู้เผยเบาะแสของพี่เจ็ด เช่นนั้นนางก็ผิดต่อความไว้เนื้อเชื่อใจของเขาแล้ว
"ไม่ใช่" เหลียนเซวียนส่ายหน้า "เขาได้รับพระบัญชามาจากเสด็จพ่อ คงมีคนรายงานเบาะแสของข้าแก่พระองค์"
"เช่นนั้น ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี เสด็จลุงส่งจั่วชิงมาทำไม" ท่านหญิงหย่งเจียรีบถาม
เหลียนเซวียนเล่าเหตุการณ์ให้นางฟัง
"ข้าจะกลับเมืองหลวงล่วงหน้าไปก่อน เ้ากับศิษย์พี่และพวกเสี่ยวหรั่นค่อยๆ เดินทางไป ทางศิษย์พี่ ข้าจะไปกำชับเขาเอง เ้าอย่ากลัวว่าเขาจะหนี สมุนไพรสำคัญของเขาอยู่ในมือข้า เขาตัดใจทิ้งไปไม่ได้แน่"
เหลียนเซวียนยิ้มพลางตบๆ ไหล่ของนาง
ท่านหญิงหย่งเจียขอบตาแดงระเรื่อ ผงกศีรษะเบาๆ "ขอบคุณพี่เจ็ด"
"จะเกรงใจกับข้าไปไย" เหลียนเซวียนหัวเราะเบาๆ "การเดินทางครั้งนี้เ้าต้องระวังให้มาก เมื่อก่อนพวกเสี่ยวหรั่นกับเสี่ยวเหล่ยใช้ชีวิตในสถานที่เล็กๆ พวกเขาล้วนไม่รู้เื่ราวภายนอกมากนัก เ้าคงต้องดูแลมากหน่อย ศิษย์พี่ทำอะไรไม่ละเอียดถี่ถ้วน คงต้องพึ่งเ้าแล้ว"
ท่านหญิงหย่งเจียมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ
พี่เจ็ดของนางผู้นี้เป็คนเ็าไม่แยแสผู้ใดมาแต่ไหนแต่ไร นี่ถึงขนาดฝากฝังเื่เล็กน้อยแค่นี้กับนาง ดูท่าพี่สาวน้องชายคู่นี้คงมีความสำคัญในใจเขาไม่น้อยทีเดียว
"พี่เจ็ด ท่าน..."
นางพินิจพิเคราะห์ถ้อยคำ คิดเอ่ยถาม
แต่เหลียนเซวียนกลับไม่ให้โอกาส "เอาล่ะ ข้าจะไปกำชับศิษย์พี่สักหน่อย พวกเ้าค่อยๆ เดินทาง ไม่ต้องรีบร้อน"
กล่าวจบก็หมุนตัวจากไป เพื่อปิดบังใบหูแดงระเรื่อ
ผูหยางชิงหลันยังคงคุยเล่นอยู่กับจั่วชิง
พอเห็นเหลียนเซวียนกลับมาก็เดินเข้าไปรับหน้า
"สั่งความชัดแจ้งแล้วรึ" เขาทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เหลียนเซวียนปรายตามองเขา
"ศิษย์พี่ ของที่ท่าน้า ข้าเอากลับเมืองหลวงไปด้วย หากท่านอยากได้ ก็ต้องส่งพวกนางกลับเมืองหลวงอย่างปลอดภัยค่อยว่ากัน"
"ย้าก..." ผูหยางชิงหลันเปล่งเสียงประหลาด ก่อนจะทะยานยกเท้าเตะออกไป
เหลียนเซวียนโคจรพลังรับหมัดและลูกเตะของเขาไว้หลังจากนั้นผลักออกไปอย่างแรง
ผูหยางชิงหลันร่นถอยออกไปสองสามก้าว ด่าเขาสาดเสียเทเสียเป็การใหญ่
"เ้าเด็กสารเลว สายตาเ้าเคยมีศิษย์พี่อย่างข้าบ้างหรือไม่ เ้าขุดหลุมพรางข้าเช่นนี้ อยากจะตัดสัมพันธ์ระหว่างเราใช่หรือไม่"
เหลียนเซวียนตวัดสายตาใส่เขา "การหลบหนีเป็การกระทำของคนขี้ขลาด ศิษย์พี่ ท่านทำเช่นนี้อาจารย์คงต้องผิดหวังมาก"
ผูหยางชิงหลันสะอึกพูดไม่ออก ถลึงตาใส่เขาอย่างขุ่นเคือง อยากเตะอีกฝ่ายให้ลอยไปถึงขอบฟ้าแทบไม่ไหว
...
[1] เติงถูจื่อ เป็ชื่อขุนนางกังฉินที่เคยใส่ร้ายซ่งอวี้หนึ่งในสี่ชายงามว่าเป็คนบ้ากาม แต่ถูกซ่งอวี้ซัดทอดกลับว่าเขามีภรรยาอัปลักษณ์ แต่ก็ยังมีลูกกับนางถึงห้าคน เขาน่าจะบ้ากามยิ่งกว่า ภายหลังคำว่าเติงถูจื่อจึงใช้เป็สรรพนามเรียกคนบ้ากาม
