ิจิ่วเอ๋อร์นอนฟุบบนม้านั่งหิน เหยียดมือออกแล้วมองอย่างละเอียด แสงอาทิตย์ลอดผ่านระหว่างนิ้วและส่องไปยังใบหน้า ทำให้พวงแก้มชมพูระเรื่อ
นางจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามือคู่นี้เปื้อนเืผู้คนไปเท่าไร เพียงแต่โลหิตที่ได้ััในวันนี้ทำให้นางรู้สึกทั้งสะอาดและรุ่มร้อน แตกต่างจากเมื่อก่อน
ความรู้สึกนี้ไม่อาจบรรยายออกมาได้…
นางเคยเห็นการเข่นฆ่ามามากและมีส่วนร่วมในการกระทำเ่าั้หลายครั้ง ทว่าวันนี้เมื่อทารกน้อยได้ลืมตามาดูโลกด้วยมือของนาง ก็ทำให้แอบหลั่งน้ำตา เมื่อเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยแว่วเข้าหู พลันรู้สึกว่านั่นเป็เสียงที่ไพเราะที่สุดที่เคยได้ยินมา ช่างสะอาด บริสุทธิ์ และไม่มีความรู้สึกอื่นใดเจือปน
ทันใดนั้นก็มีมือคู่หนึ่งมาบังแสงแดด แล้วจับมือนางดึงออกไปด้านข้าง ิจิ่วเอ๋อร์ใมาก เมื่อครู่เพิ่งจะลดความระแวดระวังลงทำให้ไม่รู้ว่าจิ่วฟางเทียนฉีเข้ามาใกล้ั้แ่เมื่อใด จึงไม่ทันได้ระวังไปชั่วขณะ ให้ตายเถอะ!
“เ้าจะทำอะไรอีก” ิจิ่วเอ๋อร์ยื่นมือไปจับแส้ดูดซับิญญาที่เอวของตนโดยไม่รู้ตัว
จิ่วฟางเทียนฉีเพิ่งฟื้นฟูพลังจิติญญา เขาก้าวไปคว้าข้อมือิจิ่วเอ๋อร์ไว้อีกครั้ง การกระทำนั้นรวดเร็วจนอีกฝ่ายไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ทัน
“ทำไม เ้า้าจะใช้แส้ฟาดข้าอีกอย่างนั้นหรือ”
มืออีกข้างของจิ่วฟางเทียนฉีหยิบผ้าเปียกหมาดขึ้นมาเช็ดเืบนข้อมือของนาง
“เมื่อครู่เ้ายังไม่ได้ล้างมือให้สะอาด”
จิ่วฟางเทียนฉีมือเบามากจนิจิ่วเอ๋อร์หน้าแดงโดยไม่ทราบสาเหตุ นางสะบัดมืออันบอบบางของตนออก “ไม่ต้องให้เ้ามาทำให้ ข้าทำเองได้!”
ิจิ่วเอ๋อร์เหลือบมองแขนของจิ่วฟางเทียนฉีอย่างระมัดระวัง เสื้อผ้าบริเวณนั้นฉีกขาดและเปื้อนโลหิต ไม่รู้ว่าาแเป็เช่นไรบ้าง แส้ดูดซับิญญาเป็อาวุธทางจิติญญาของนาง ดังนั้นจึงรู้ดีว่ามันทรงพลังเพียงใด การฟาดแส้เมื่อครู่ แม้จะไม่ทำให้มีาแถึงกล้ามเนื้อหรือกระดูก แต่สามารถทำให้ิัฉีกขาด สร้างความเ็ปได้อย่างแน่นอน ทว่าคนตรงหน้ากลับปกติดี จู่ๆ นางก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ หน้าผาอันมืดมิดในครั้งนั้น
การต่อสู้กับจิ่วฟางเทียนฉีในคราก่อน นางลอบโจมตีและมั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ กระทำการโดยไร้ซึ่งความเมตตา ทำร้ายเขารุนแรงจนาเ็ หลังจากนั้นนางก็คิดเสมอ ว่าแม้บุคคลผู้นี้จะสามารถมีชีวิตรอดมาได้ ทว่าต้องสูญเสียพลังจิติญญาทั้งหมดไปอย่างแน่นอน มีแต่ต้องนอนพักรักษาตัวเป็เวลาอย่างต่ำครึ่งปี
แต่ใครจะคิดว่าจิ่วฟางเทียนฉีจะกลับมาะโโลดเต้นได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน นางจึงประหลาดใจมาก อยากรู้ว่าในตัวเขามีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่
“จ้องข้าทำไม ข้ารูปงามมากอย่างนั้นหรือ”
จู่ๆ จิ่วฟางเทียนฉีก็ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ ิจิ่วเอ๋อร์รีบหลบ ไม่ทันระวังจนเกือบไถลตกจากม้านั่งหิน นางชี้จิ่วฟางเทียนฉีด้วยความโกรธจัด “อย่าคิดเข้ามาใกล้ข้าอีก!”
จิ่วฟางเทียนฉียกมือขึ้นเหนือหัว เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ตกลง!”
หลังจากเอ่ยจบ เขาก็หันหลังกลับเข้าไปในบ้านหิน
เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินจากไป ิจิ่วเอ๋อร์พลันถอนหายใจโล่งอก แล้วเอนกายบนม้านั่งหินอีกครั้ง มองดูท้องฟ้าสีครามเหนือศีรษะ สถานการณ์เช่นนี้ช่างดีเหลือเกิน นางปรารถนาที่จะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้าและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดไป
ิจิ่วเอ๋อร์ลุกขึ้นนั่ง ตีตัวเองหนึ่งที
“เ้าคือิจิ่วเอ๋อร์ องค์หญิงเก้าของจิ่วโยว อย่าได้คิดอย่างนี้อีก เ้ามาที่ดินแดนเจ๋อพร้อมภารกิจ ตอนนี้หน้าที่นั้นยังไม่บรรลุ จะมีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร”
ิจิ่วเอ๋อร์ะโขึ้นจากม้านั่ง เหลือบมองบ้านหินแล้วเดินไปที่ประตูอย่างสงบเงียบ นางจำต้องจากไป มีเื่มากมายที่ยังจัดการไม่เสร็จ สิ่งแรกที่ต้องทำในเวลานี้ก็คือตามหาิหนูและหั่นเขาเป็ชิ้นๆ
“แม่นาง เ้าเป็ใคร เหตุใดถึงมาอยู่ที่บ้านข้า”
ิจิ่วเอ๋อร์ยังไม่ทันจะก้าวออกจากประตู ก็ถูกชายร่างกำยำคนหนึ่งขวางไว้
อาจเป็เพราะเขาเห็นคราบเืบนเสื้อผ้าของิจิ่วเอ๋อร์ จึงเกิดความสงสัยว่านางอาจมีเจตนาร้าย จำต้องขัดขวางไม่ให้นางจากไป
“รีบพูด เหตุใดเ้าถึงได้มาอยู่ที่บ้านข้า เ้าทำร้ายหวั่นเอ๋อร์ใช่หรือไม่!”
ิจิ่วเอ๋อร์ไม่อยากโต้เถียงกับเขา เตรียมจะหลีกหนีไป แต่กลับถูกขัดด้วยเสียงของคนข้างหลัง
“พี่เถากลับมาแล้วหรือ” จิ่วฟางเทียนฉีเดินออกจากบ้านหิน ก่อนจะก้าวมาข้างหน้าพร้อมรอยยิ้ม
คนผู้นั้นมองไปยังจิ่วฟางเทียนฉี แล้วถามด้วยความสงสัย “เ้าเป็ใคร”
จิ่วฟางเทียนฉีตอบ “ข้ากับแม่นางคนนี้เป็เพียงคนสัญจรผ่านมาั้แ่เมื่อวาน พี่เถาไม่จำเป็ต้องใส่ใจพวกเรา รีบเข้าไปดูพี่สะใภ้เถิด”
“หวั่นเอ๋อร์เป็อะไรหรือ?!”
เมื่อเอ่ยถึงภรรยา ชายผู้นั้นก็มีท่าทีกังวลเป็อย่างมาก
“ยินดีกับพี่เถาด้วย พี่สะใภ้เพิ่งให้กำเนิดบุตรชายตัวจ้ำม่ำ ทั้งแม่และลูกปลอดภัยดี”
“จริง จริงหรือ”
ชายกำยำผู้นั้นไม่สนใจสิ่งใดอีก ทิ้งสัตว์ป่าที่เพิ่งล่าได้และรีบเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
จิ่วฟางเทียนฉีหันไปมองิจิ่วเอ๋อร์แล้วพูดว่า
“หากจะไปข้าก็ไม่ห้าม แต่เ้ายังไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน ไม่หิวหรืออย่างไร”
เมื่อพูดถึงอาหาร กระเพาะของิจิ่วเอ๋อร์ก็ส่งเสียงคำรามออกมา ด้วยรู้สึกละอายใจ นางจึงหันกลับไปนั่งโดยไม่เอ่ยพูดอะไร
จิ่วฟางเทียนฉีกลับเข้าไปในบ้านหิน ไม่นานก็เดินออกมา มือถือชามใบใหญ่มาสองใบ ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ในนั้นแต่มันยังคงร้อนอยู่
จิ่วฟางเทียนฉีวางชามบนโต๊ะหิน “กินสิ”
ในชามมีบะหมี่น้ำใสหอมกรุ่น ิจิ่วเอ๋อร์ได้กลิ่นอันอบอุ่นคล้ายแสงแดดมาจากชามนั้น นางหยิบตะเกียบขึ้นมาเตรียมลงมือรับประทาน ทว่าจิ่วฟางเทียนฉีห้ามเอาไว้ก่อน
“อะไรอีก” นี่เ้าอยากกลั่นแกล้งข้าแม้แต่ตอนที่กินบะหมี่อย่างนั้นหรือ
“ยังร้อนอยู่”
ิจิ่วเอ๋อร์ชะงัก นางหันกลับไปโดยไม่สนใจเขา เริ่มคีบบะหมี่ขึ้นมาเป่า
หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มเ้าของบ้านก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังรับประทานบะหมี่อยู่ จึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย “ข้าจะปล่อยให้ผู้มีพระคุณทั้งสองมานั่งกินบะหมี่น้ำใสเช่นนี้ได้อย่างไร เดี๋ยวข้าจะทำเครื่องเคียงสองสามอย่างเพิ่มให้ เมื่อวานข้าจับสัตว์ในป่าได้พอดี ดังนั้นจะทำอาหารมื้อใหญ่ให้พวกเ้า”
ตอนที่เข้าไปในบ้าน เมื่อเห็นว่าภรรยาและลูกชายปลอดภัยดี เขาก็ทั้งดีใจและโล่งใจ หวั่นเอ๋อร์ผู้เป็ภรรยาเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และบอกให้เขาไปตอบแทนผู้มีพระคุณ
เมื่อิจิ่วเอ๋อร์ได้ยินว่ามีเนื้อสัตว์ให้รับประทาน ก็กำลังจะปรบมือด้วยความดีใจ แต่กลับถูกจิ่วฟางเทียนฉีแย่งพูดเสียก่อน “พี่เถาไม่จำเป็ต้องลำบาก พี่สะใภ้เพิ่งให้กำเนิดบุตรชาย ร่างกายยังอ่อนแอมาก สัตว์ป่าที่ท่านล่ามานั้นเพียงพอที่จะบำรุงร่างกายของทั้งแม่และลูก พวกเราสองคนได้กินบะหมี่ร้อนๆ สักชามก็พอแล้ว”
“ได้อย่างไรกันล่ะ!”
จิ่วฟางเทียนฉีทัดทานอีกครั้ง “น้ำใจของพี่เถาข้าขอรับไว้ เราสองคนพักอยู่ที่นี่อาจเป็การรบกวน ตอนนี้ยังต้องรีบเร่งเดินทาง คงต้องบอกลากันแล้ว หวังว่าพี่เถาจะไม่ถือโทษ”
อีกฝ่ายเพียงยืนตรง ไม่พูดอะไรให้มากความอีก เขายกมือขึ้นประสานคำนับคนทั้งคู่ “เป็บุญคุณอย่างยิ่ง”
ในตอนที่จิ่วฟางเทียนฉีและิจิ่วเอ๋อร์ก้าวออกจากบริเวณบ้าน ทันใดนั้นบุรุษข้างหลังก็ะโรั้งพวกเขาไว้ “ท่านผู้มีพระคุณ รอก่อน รอก่อน …”
ทั้งสองหยุดเดิน จิ่วฟางเทียนฉีหันกลับไป “พี่เถามีอะไรอีกหรือ”
ชายผู้นั้นยิ้มอย่างไร้เดียงสาและมีท่าทีเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “หวั่นเอ๋อร์้าให้ข้าและท่านผู้มีพระคุณทั้งสองช่วยตั้งชื่อให้ลูก ข้าไม่รู้ว่าพวกท่าน …”
จิ่วฟางเทียนฉีและิจิ่วเอ๋อร์มองหน้ากัน หญิงสาวประหม่าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่งเสียงกระแอมออกมาและแย่งพูดก่อน “จะยากอะไร ชื่อว่าฝูเซิงแล้วกัน เขาเกิดมาพร้อมกับความสุข”
จิ่วฟางเทียนฉียกนิ้วให้แล้วพูดว่า “เป็ชื่อที่ดี!”
ชายร่างกำยำยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “ฝูเซิง เถาฝูเซิง ดี ดี ดีเหลือเกิน…”
ิจิ่วเอ๋อร์ที่ได้รับคำชมเริ่มเขินอาย ก่อนจะหมุนตัวก้าวออกไป ทิ้งจิ่วฟางเทียนฉีไว้ด้านหลัง
จิ่วฟางเทียนฉีจูงม้า ิจิ่วเอ๋อร์เดินนำหน้า ทั้งคู่เดินตามกันไปจนมาหยุดอยู่ที่ทางแยก
ิจิ่วเอ๋อร์หันกลับไปมองชายหนุ่ม แม้ไม่ได้เอ่ยปาก แต่อีกฝ่ายก็รู้ว่านางจะทำอะไร เขาจึงพูดว่า “ข้าเคยบอกแล้วว่า หากเ้าจะไป ข้าก็จะไม่ห้าม”
ิจิ่วเอ๋อร์กัดฟัน ในท้ายที่สุดก็เอ่ยออกมา “ข้า ิจิ่วเอ๋อร์เป็หนี้บุญคุณเ้า”
จิ่วฟางเทียนฉีหัวเราะ โบกมือแล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะ หนี้บุญคุณขององค์หญิงแห่งจิ่วโยว ข้าคงรับไว้ไม่ได้”
“แล้วเ้า้าสิ่งใด ข้า ิจิ่วเอ๋อร์เมื่อเป็หนี้บุญคุณใครแล้ว ไม่คิดเนรคุณ”
จิ่วฟางเทียนฉีขึ้นนั่งบนหลังม้า การเคลื่อนไหวงดงาม เป็อิสระ เขามองไปยังิจิ่วเอ๋อร์ รอยยิ้มเมื่อครู่จางหายไป เหลือเอาไว้เพียงสีหน้าเคร่งขรึม
“บุญคุณของข้า เ้าตอบแทนไม่ไหวหรอก”
ิจิ่วเอ๋อร์เอ่ยด้วยท่าทีดื้อรั้น “เ้าไม่บอกแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าตอบแทนได้หรือไม่”
“ฮึ!” จิ่วฟางเทียนฉีเอ่ยต่อ “ข้าจะขอให้เ้ากลับไปยังจิ่วโยว และห้ามไม่ให้คนของเ้ารุกรานดินแดนเจ๋อได้หรือไม่”
ิจิ่วเอ๋อร์ชะงักไป พูดอะไรไม่ออก
“ข้าขอให้เ้ายกเลิกแผนการทุกอย่างภายในใจ มาจากที่ใด กลับไปที่นั่น เ้ายอมได้หรือไม่” จิ่วฟางเทียนยิ้มเยาะ “ในเมื่อทำไม่ได้ เ้าจะมาพูดถึงการตอบแทนบุญคุณนี้ทำไม”
ิจิ่วเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองจิ่วฟางเทียนฉี ดวงตาเป็ประกายระยิบระยับ “เ้าก็รู้ว่าข้าทำไม่ได้ ทำไมถึงได้เรียกร้องอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้”
นางมองดูใบหน้าหล่อเหลานั้น พยายามกลั้นน้ำตา ทำให้จิ่วฟางเทียนฉีอดไม่ได้ที่จะใจอ่อน เขาถอนหายใจและพูดว่า “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เ้าจงฟังให้ดี”
ทั้งคู่มองหน้ากันอีกครั้ง ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างกันไกลกว่าเดิม
“ข้า จิ่วฟางเทียนฉี เพียงขอให้เ้าสาบานต่อ์ว่า จากนี้ไปแส้ดูดิญญาของเ้าจะเปื้อนเืของข้า จิ่วฟางเทียนฉี และดูดซับิญญาของข้าเพียงผู้เดียว เ้ายอมรับหรือไม่”
อาจเพราะนางใเป็อย่างมาก ความดื้อรั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็ความประหม่า น้ำตาไหลรินออกมาต่อหน้าเขา
นางไม่เข้าใจ ั้แ่วันที่จิ่วฟางเทียนฉีช่วยตนไว้ นางก็เริ่มสับสนกับเื่นี้
ทั้งๆ ที่เป็ศัตรูคู่อาฆาต เหตุใดเขาถึงช่วยนาง แน่นอนว่าหญิงตั้งครรภ์คนนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เมื่อวานเป็ครั้งแรกที่เจอกันด้วยซ้ำ เหตุใดต้องยอมาเ็ ไม่สนใจพลังิญญาของตนเพื่อแลกกับความปลอดภัยของหญิงตั้งครรภ์ผู้นั้น อีกฝ่ายสามารถบังคับให้นางทำอะไรก็ได้ตามที่ตัวเขาปรารถนา แต่กลับใช้ร่างกายของตนเองปกป้องคนที่ไม่เกี่ยวข้อง...
ทั้งที่สังหารผู้คนจากป่าใต้พิภพได้โดยไม่แม้แต่กะพริบตา แล้วเหตุใดนางถึงได้เลื่อมใสชายตรงหน้าเช่นนี้นะ
ไม่ แบบนี้มันไม่ถูกต้อง ผิด มันผิดไปหมดทุกอย่าง...
จิตใจของิจิ่วเอ๋อร์สับสนวุ่นวาย นางหันหลังกลับและวิ่งหายไปภายในชั่วพริบตา จิ่วฟางเทียนฉีมองไปยังทิศทางนั้น นิ่งอยู่กับที่เป็เวลานาน จนกระทั่งรู้สึกว่านางจากไปแล้วจริงๆ และไม่คิดจะหันกลับมาอีก เขาจึงดึงบังเหียนม้าแล้วแยกไปอีกทางอย่างรวดเร็ว
“นางตอบรับคำขอของข้าแล้วใช่หรือไม่” จิ่วฟางเทียนฉีครุ่นคิด “ิจิ่วเอ๋อร์ ไม่ว่าเ้าจะเห็นด้วยหรือไม่ ทว่าครั้งต่อไปเมื่อพบกัน เราจะเป็ศัตรูที่ต้องต่อสู้ฟาดฟัน! หวังว่าเ้าจะฟังคำพูดของข้าแล้วกลับไปยังจิ่วโยว ไม่กลับมาที่นี่อีก!”
————————————————
