ััแรกที่รู้สึกคือความเ็ปไปทั่วทั้งร่างกายในสัญชาตญาณการรับรู้ แต่ก่อนที่นทีจะตั้งสติมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อที่คุ้นหูจนต้องฝืนลืมตาขึ้นด้วยความลำบาก เมื่อปรับสายตาให้มองเห็นชัดแล้วจึงเห็นเป็สตรีผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเตียงที่เขานอนอยู่ สายตาของนางที่มองมาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายชวนให้รู้สึกอุ่นใจและคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย
“หนิงเอ๋อร์ หนิงเอ๋อร์ ได้ยินเสียงของมารดาหรือไม่?” เสียงของสตรีเอ่ยขึ้นด้วยความเป็ห่วงเพราะเด็กหนุ่มสลบไปไม่ได้สติถึงเจ็ดวันเต็ม
“ท่านแม่...” นทีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งไปตามความคิดแรกที่ปรากฎขึ้น ก่อนที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความมึนงง เมื่อเห็นเช่นนั้นสตรีคนดังกล่าวจึงรีบป้อนน้ำให้กับเขาในทันที
“หนิงเอ๋อร์ ในที่สุดเ้าก็ฟื้นขึ้นเสียที...” สตรีคนเดิมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวลพร้อมกับขยับเข้าใกล้มองสำรวจด้วยความเป็ห่วง นางใช้หลังมือลูบไล้ใบหน้าและลำคอของเด็กหนุ่มด้วยความกังวลที่ลดลงไปบ้างเล็กน้อย
แม้ว่าภายนอกของเด็กหนุ่มในตอนนี้ดูเหมือนปกติแล้วก็จริงแต่นางยังคงไม่วางใจสักเท่าไหร่ เพราะเดิมทีแล้วร่างกายของอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแรงมาก ในระยะหลังมานี้ยังเจ็บป่วยอยู่บ่อย ๆ จนน่าเป็ห่วงยิ่งนัก
“ข้าเป็อันใดไปหรือขอรับ?” แม้ว่านทียังคงสับสนมึนงงกับเื่ราวที่เกิดขึ้น แต่ด้วยความคุ้นชินในการปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์จึงไม่ใช่เื่ยาก สิ่งที่เกิดขึ้นอาจดูไม่ทันให้ตั้งตัวไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่เื่ที่เกินจะรับมือได้
“เดิมทีร่างกายของเ้าก็ไม่ได้แข็งแรงอยู่แล้วจากการจมน้ำครั้งนั้น อย่างที่เ้ารู้ว่าร่างกายของคนทั่วไปไม่ได้มีความแข็งแกร่งเฉกเช่นเดียวกันกับผู้ฝึกตน ยิ่งกับเ้าที่ััไอเย็นไปมากใน่นี้จึงส่งผลให้เจ็ดวันก่อนอาการของเ้าแย่ลงจนถึงขั้นสลบไม่ได้สติไป...” นทีที่ได้ยินดังนั้นจึงพอที่จะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ ร่างกายที่เขาได้มาอาศัยอยู่เห็นได้ว่าไร้เรี่ยวแรงอีกทั้งยังผอมซีดจนดูน่ากลัว แต่นั่นอาจจะด้วยเพราะร่างกายนี้คงเจ็บป่วยมาเป็เวลานานถึงได้มีอาการแบบนี้ก็เป็ได้
“แล้วเหตุใดข้าจึงไม่ใช่ผู้ฝึกตนเล่าขอรับ?” นทีถามกลับไปด้วยความสงสัย เพราะหากว่าโลกนี้มีผู้ฝึกตนแล้วย่อมมีเส้นทางมากมายที่จะทำให้คนผู้หนึ่งสามารถเป็ผู้ฝึกตนได้อย่างไม่ยากเย็น
“เื่นี้เ้าลืมไปอย่างนั้นรึ? หลังจากที่ไม่สามารถปลุกพลังิญญาในครั้งนั้นเ้าก็ไม่เคยพูดถึงเื่นี้อีกเลย...” เยว่ซินถามกลับไป พร้อมกับครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ส่งผลให้บุตรชายของนางหันหลังให้กับเส้นทางของผู้ฝึกตน
“...”
“เ้ายังรู้สึกไม่สบายตรงที่ใดอีกหรือไม่?” เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มเงียบนิ่งไปนางจึงคิดว่าอีกฝ่ายคงเ็ปในเื่ราวที่เกิดขึ้น ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนเื่พูดคุยในเื่อื่นพร้อมกับถามถึงอาการของอีกฝ่ายอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังรู้สึกอยากอาบน้ำมากขอรับ...” นทีเอ่ยถึงความ้าของตนไปเพราะตอนนี้เขารู้สึกเหนียวตัวเป็อย่างมาก
นทีค่อย ๆ ฝืนยันกายลุกขึ้นนั่งโดยมีผู้เป็มารดาช่วยประคองอยู่ไม่ห่าง ทางฝั่งของเยว่ซินมองเด็กหนุ่มด้วยความเป็ห่วงอยู่เต็มอก บุตรชายของนางตัวเล็กถึงเพียงนี้แต่กลับต้องแบกรับทุกอย่างเกินกว่าที่เด็กคนหนึ่งจะรับไหวได้
“เช่นนั้นเ้ากินโจ้กเสียก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำแล้วกัน...” แม้ว่าเยว่ซินจะรู้สึกว่าเด็กหนุ่มพึ่งฟื้นคืนสติจึงยังไม่สมควรที่จะอาบน้ำ แต่เมื่อเห็นสายตาออดอ้อนที่มองมานางจึงอดไม่ได้ที่จะตามใจ
“เช่นนั้นข้าไปอุ่นโจ้กให้คุณชายใหญ่นะขอรับฮูหยิน” เสียงของเด็กหนุ่มอีกคนดังขึ้นจากตรงมุมห้อง ก่อนที่อีกฝ่ายจะหายไปด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่เพียงชั่วครู่จะกลับเข้ามาอีกครั้ง
"โจ๊กที่ฮูหยินเตรียมไว้มาแล้วขอรับ..." เด็กหนุ่มคนเดิมเอ่ยขึ้น ก่อนที่ถอยกลับไปไม่ห่างมากนัก
"ขอบใจเ้ามากลู่ซี..."
“หนิงเอ๋อร์กินโจ้กรองท้องสักนิด หลังจากอาบน้ำเสร็จจะได้กินยาและพักผ่อนอีกหน่อยคงจะดีขึ้นและหายดีในเร็ววัน...” เมื่อกล่าวจบลงหนึ่งสตรี หนึ่งเด็กหนุ่ม ค่อย ๆ พยุงตัวของนทีให้อยู่ในท่าทางที่พร้อมในการรับอาหาร
เยว่ซินผู้เป็มารดาได้ป้อนโจ้กให้กับนทีอย่างเบามือ แม้ว่าเขาจะยังไร้เรี่ยวแรงไปสักหน่อยจึงมีความทุลักทุเลไปไม่น้อย สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำว่าร่างกายที่เขาเข้ามาอยู่ในตอนนี้มีความอ่อนแอเป็อย่างมาก จากนั้นเยว่ซินได้เล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นตลอดเจ็ดวันมานี้ที่เขาไม่ได้สติ จึงทำให้นทีได้รับรู้เื่ราวที่มากขึ้นถึงสถานการณ์ความเป็ไปในตอนนี้
ผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อ นทีได้จัดการโจ้กตรงหน้านี้ไปเรียบร้อย มือเรียวบางรับถ้วยยาจากมารดายกขึ้นดื่มอย่างไม่อิดออดนี่จึงทำให้เยว่ซินที่เห็นจึงรู้สึกวางใจไปบ้าง จากนั้นนางได้กำชับลู่ซีให้ดูแลบุตรชายของตนให้ดีก่อนที่นางจะหายออกไปจัดการบางอย่างที่นางคิดว่าสมควรแก่เวลาเสียที...
“คุณชายจะอาบน้ำเลยหรือไม่? ข้าได้ต้มน้ำอุ่นเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ...” ลู่ซีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มดีใจเพราะคุณชายของตนนั้นดูมีเรี่ยวแรงกว่าก่อนหน้าเป็อย่างมาก
“รบกวนเ้าด้วยแล้วกัน...” นทีพยังหน้าตกลงพร้อมกับยกยิ้มออกมาเล็กน้อย เด็กหนุ่มตรงหน้าดูมีอายุราว ๆ สิบห้าปีแม้จะผอมไปหน่อยแต่ก็มีความสูงโปร่งดังเด็กหนุ่มทั่วไป หากผ่านพ้น่วัยนี้คงเติบโตเป็บุรุษที่มีรูปร่างสูงใหญ่เป็แน่
"คุณชายยังรู้สึกเ็ปหรือไม่สบายตัวตรงที่ใดอยู่หรือไม่ขอรับ?"
"ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว ขอบใจที่เป็ห่วง..."
“ให้ข้าช่วยประคองคุณชายนะขอรับ?” นทีที่ฝืนตัวลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว เพียงแต่ว่าเขาอาจจะดูถูกร่างกายนี้มากเกินไป เพราะเพียงแค่ก้าวเท้าลงจากเตียงนอนเท่านั้นเขาก็แทบที่จะล้มลงพื้น
“ร่างกายนี้ช่างบอบบางยิ่งนัก ช่างขัดใจเสียจริง!” นทีอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาก่อนที่ลู่ซีจะค่อย ๆ พยุงอีกฝ่ายไปยังส่วนด้านหลังที่กั้นฉากไว้สำหรับการอาบน้ำ ที่ก่อนหน้านี้ลู่ซีได้เตรียมน้ำถังใหญ่ไว้สำหรับชำระร่างกาย
“อาจเป็เพราะก่อนหน้านี้คุณชายไม่ได้ขยับร่างกายไปถึงเจ็ดวันก็เป็ไปได้ เช่นนั้นให้ข้าช่วยอาบน้ำดีหรือไม่ขอรับ?” ลู่ซีเอ่ยขึ้นด้วยความเป็ห่วง
“ไม่รบกวนเ้า...หากข้าเสร็จแล้วจะเรียกอีกทีแล้วกัน” แม้ร่างกายของเด็กหนุ่มที่เขาได้เข้ามาอยู่ในร่างจะมีอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปีก็จริง แต่กับเขาที่มีอายุถึงยี่สิบห้าปีแล้ว นทีจึงคุ้นเคยกับการช่วยเหลือตัวเองมากกว่า
“ขอรับคุณชาย” ลู่ซีรับคำของเด็กหนุ่มพร้อมกำชับไปอีกครั้งว่าหากมีสิ่งใดที่้าช่วยเหลือให้เรียกได้ทันที แม้ว่าเขาจะแปลกใจเป็อย่างมากทั้งในคำพูดและท่าทางที่เปลี่ยนไปของคุณชายที่เขาเฝ้าดูแลรับใช้มานานหลายปี...
'ไม่ใช่ความฝันอย่างนั้นเหรอเนี่ย?' นทีที่แอบหยิกแขนตัวเองเบา ๆ ความรู้สึกเจ็บตรงบริเวณดังกล่าวนั้นทำให้รู้ว่านี่เป็ความจริง
เงาสะท้อนที่เห็นทำให้รู้ว่าร่างกายที่เขาเข้ามาอาศัยอยู่เป็เด็กหนุ่มร่างเล็กที่มีใบหน้าชวนให้รู้สึกเอ็นดูแต่ทว่าแฝงไปด้วยความงดงามที่คล้ายคลึงกับเยว่ซินผู้เป็มารดาไปเสียหลายส่วน เพียงแต่ร่างกายนี้ผอมซีดเป็อย่างมากและมีแขนขาเรียวเล็กชวนให้รู้สึกบอบบางยิ่ง
เมื่อสำรวจร่างกายจนเป็ที่พอใจแล้วจากนั้นนทีได้ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วยามในการแช่ตัวอยู่ในน้ำอุ่นพร้อมกับค่อย ๆ ครุ่นคิดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรมากนัก เพราะนี่อาจเป็ชีวิตใหม่ที่เขาเฝ้ารออยู่ก็เป็ไปได้...
“ขอบใจเ้ามากนะลู่ซีที่คอยช่วยข้า...” เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยนทีจึงได้เรียกให้อีกฝ่ายช่วยประคองกลับไปยังเตียงนอนที่ในตอนนี้ได้ถูกเปลี่ยนผ้าปูไปเรียบร้อยแล้ว
“สงสัยว่าหลังจากที่ข้าหายดีคงต้องออกกำลังให้หนัก ร่างกายนี้จะได้แข็งแรงกว่านี้...” นทีถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างเสียไม่ได้
“เช่นนั้นข้าจะออกกำลังเป็เพื่อนคุณชายดีหรือไม่ขอรับ? บริเวณด้านหลังของเรือนหลังนี้มีลานกว้างอีกทั้งมีอากาศที่บริสุทธิ์ยิ่ง...” ลู่ซีตอบกลับไปเพราะคิดว่าหากคุณชายของตนได้ออกกำลังร่างกายที่บอบบางนี้คงจะแข็งแรงขึ้นไม่น้อย
“หลังจากนี้คงต้องรบกวนเ้าอย่างหนักแล้ว” นทีตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มระบายเล็กน้อย
"ด้วยความยินดีขอรับ..."
"ลู่ซี...วันนี้วันที่เท่าไหร่?"
"เป็วันที่สิบสอง เดือนลิ่วเย่ว (เดือนมิถุนายน) ขอรับ..." ลู่ซีตอบกลับคุณชายของตนในทันที
"ข้ามีเื่หนึ่งรบกวนเ้า อาจเป็เพราะข้าไม่ได้สติไปหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาความจำคล้ายกับว่าเรือนลางในบางเื่ เ้าช่วยเล่าเื่ราวที่เกี่ยวข้องกับตัวข้าได้หรือไม่?" นทีถามออกมา แม้ว่าในตอนนี้ความทรงจำของร่างเดิมพอให้เขาพอรับรู้เื่ราวบางสิ่งมากแล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่ยังคงกระจัดกระจายไม่ปะติดปะต่อ นี่จึงเป็วิธีเดียวที่เขาจะได้รู้เื่ราวทั้งหมดนี้โดยเร็วที่สุด
"คุณชายจดจำได้เพียงบางสิ่งหรือขอรับ? แบบนี้ไม่ใช่เื่ดีแน่ ข้าต้องรีบแจ้งฮูหยินแล้วตามท่านหมอมาตรวจดูอาการของคุณชายเสียแล้ว..." ลู่ซีเอ่ยขึ้นด้วยความใ
"ไม่ต้องทำให้เป็เื่ใหญ่ เ้าก็เห็นว่าเพียงเท่านี้ท่านแม่ก็เคร่งเครียดมากพอแล้ว อาการข้าก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นนั้น เอาละ! เ้าเพียงเล่าเื่ราวให้ข้าก็เพียงพอแล้ว" นทีรีบเอ่ยห้ามเด็กหนุ่มตรงหน้า เพราะเขาไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
"ขอรับ..." แม้ลู่ซีจะไม่เห็นด้วยกับความ้านี้ แต่เมื่อเห็นท่าทางคุณชายของตนแล้วจึงพยักหน้าพร้อมกับรับคำด้วยความเข้าใจ ก่อนที่เขาจะเริ่มเล่าเื่ราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจางหนิงอ้ายผู้นี้ให้กับนทีได้รับฟัง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้