ิอวี่ทำตามกระบวนท่าในความทรงจำของเขา แล้วค่อยๆ ผ่อนจังหวะให้ช้าลง ค่อยๆ ทำตามเคล็ดวิชากระบี่ไปทีละกระบวนท่า
ท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาเป็ไปอย่างช้ามาก แต่มีราศีพลังของดาบที่มองไม่เห็นปรากฏบนร่างกายของเขา ใบไม้รอบตัวลอยปลิวขึ้นมาหมุนรอบตัวของิอวี่ เป็แบบนี้ต่อเนื่องไปเกือบครึ่งชั่วยาม
ทันใดนั้นเอง กระบี่ในมือของิอวี่ก็เริ่มเร็วขึ้น กระบี่เคลื่อนไหวไปราวกับัเคลื่อนที่ มันเร็วขึ้นเรื่อยๆ กระบี่ที่พุ่งแทงออกไปในแต่ละครั้ง มันก็จะมีพลังสังหารที่ควบแน่นตามมาด้วย
จนกระทั่งท่วงท่าที่หกิอวี่ก็เริ่มออกแรง เขาหันหลังตวัดกระบี่ จากนั้นก็ได้ยินเสียง “ปัง!” ดังขึ้น พลังสังหารเจ็ดเท่าผนวกเข้าไปกับกระบี่เฟิงโหว ตัวกระบี่เกิดการสั่นะเือย่างรุนแรง และลมปราณกระบี่ก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับกำลังคำราม
ิอวี่พลิกข้อมือ พลังสังหารอีกลูกหนึ่งพุ่งเข้าไปในตัวกระบี่ แต่เพราะลมปราณไม่เป็ระเบียบ กระบี่เฟิงโหวจึงหลุดออกจากมือของิอวี่ “ฉึก!” แล้วปักลงไปบนพื้น
“ดูท่า ... ด้วยจิตสังหารกับจิตกระบี่ของข้า คงสร้างพลังสังหารได้แค่เจ็ดเท่าสินะ หากคิดจะฝึกไปให้ถึงเก้าเท่า คงต้องมีพลังการต่อสู้มากกว่านี้!”
สายตาของิอวี่เป็ประกาย เขาเหมือนนึกถึงเื่การประลองเดิมพันขึ้นมาได้พอดี
สมาคมใต้หล้าอาจทำให้ตัวตนที่แท้จริงของเขาถูกเผยออกมาได้ง่าย มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด หากเข้าร่วมการประลองเดิมพันได้ ไม่เพียงมีโอกาสได้ฝึกทักษะกระบี่เท่านั้น แต่อาจจะชนะได้หยกดำมาซื้อหลิงจือโลหิตแดงมาให้ท่านแม่ได้อีก!
ิอวี่ไม่มีเหตุผลที่จะต้องลังเลใจ
พอคิดได้แบบนี้ เขาก็เก็บกระบี่เฟิงโหวแล้วกลับไปพักที่ห้อง เมื่อฟื้นฟูสภาพของตัวเองให้ไปถึงจุดที่สูงสุดแล้ว เช้าวันต่อมาเขาก็ออกจากวังหลวง แล้วเดินทางไปที่เมืองใต้ดินหวังเฉิง
เมืองใต้ดินหวังเฉิง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของราชวงศ์ต้าิ ตั้งอยู่ลึกไปประมาณสามสิบเมตร มีขนาดที่กว้างมากราวกับเมืองๆ หนึ่ง ดังนั้นถึงได้มีชื่อว่า เมืองใต้ดินหวังเฉิง!
คนที่เข้าร่วมการต่อสู้เดิมพันในเมืองใต้ดินหวังเฉิงนั้นมีจำนวนมาก ถึงแม้ตอนนี้จะยังเช้าอยู่ แต่เสียงคนในเมืองใต้ดินหวังเฉิงนั้นก็ยังดังสนั่นหวั่นไหวไม่หยุด
เมืองใต้ดินหวังเฉิงนั้นมีทางเข้าสองทาง ทางหนึ่งเป็ทางสำหรับให้ผู้ชมเข้า ส่วนอีกทางเป็ทางเข้าสำหรับผู้แข่งขัน
ิอวี่เดินมาบริเวณทางเข้าของผู้แข่งขัน แล้วเดินตามบันไดลงไป ด้านในเป็ทางที่กว้างและลึก มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันค่อนข้างสลัวราง แล้วเขาก็เริ่มได้ยินเสียงร้องะโดังมาจากใต้ดิน
จนกระทั่งถึงทางเลี้ยวสุดท้าย ิอวี่เปิดประตูสีทองบานใหญ่ออก ลานกว้างที่สว่างไสวก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเขา
ด้านหน้าของิอวี่ มีลานประลองต่อสู้สีดำตั้งอยู่ ้ามีภาพการต่อสู้ที่ดุเดือด ส่วนรอบๆ ลานประลองนั้น ก็มีผู้ชมจำนวนมากะโให้กำลังใจ คอยกระตุ้นให้ออกอาวุธกันอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อจ่ายเงินเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ิอวี่ก็เดินมาที่ห้องผู้แข่งขันที่ชั้นสอง ตามคำแนะนำของเ้าหน้าที่
ด้านหน้าห้องมีหน้าต่างบานใหญ่มาก สามารถมองเห็นการแข่งขันบนลานประลองมาจาก้าได้อย่างชัดเจน
เพราะผู้เข้าร่วมการแข่งขันมีจำนวนมาก ดังนั้นห้องพักเลยจัดให้อยู่ห้องละสองคน ิอวี่เข้ามาในห้องก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบรูปร่างกำยำแต่ตัวไม่สูงมากอยู่ด้านใน
ชายหนุ่มคนนี้ผมสั้น ดวงตาเล็กๆ ของเขากลอกไปมา พอเห็นิอวี่ก็เดินเข้ามาทักทาย “น้องชาย เ้าก็มาเข้าร่วมการต่อสู้เดิมพันนี้ด้วยหรือ? เหอะๆ ข้าชื่อโจวไคนะ เ้าชื่ออะไร?”
“ข้าชื่อิอวี่” ิอวี่ตอบกลับไปอย่างเรียบๆ แต่ไม่ได้ประทับใจกับความกระตือรือร้นของโจวไคมากนัก
โจวไคไม่รู้จักเขา แต่กระตือรือร้นถึงขนาดนี้ มันจึงดูปลอมมาก
โจวไคพูดว่า “อ้อ งั้นหรือ เ้าคิดไว้แล้วหรือยังว่าอยากจะสู้กับใคร? เ้าน่าจะมีอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สี่สูงสุดแล้วสินะ?”
“ข้าเพิ่งจะเข้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สี่ได้ไม่กี่วันนี่เอง” ิอวี่ยิ้มแล้วตอบตามความจริง
โจวไคคิดไม่ถึงเลยว่าิอวี่จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ความรู้สึกที่เหนือกว่าก็ผุดขึ้นมาในใจ เขาตบไปที่ไหล่ของิอวี่ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “น้องชาย เมืองใต้ดินหวังเฉิงนี่ไม่ใช่สถานที่ที่เ้าควรมาเลย พูดตามตรงเลยนะ เ้ายังต้องฝึกอีกเยอะเลย”
“เมื่อครู่ข้าเพิ่งจะเอาชนะผู้แข็งแกร่งขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สี่ในระดับสูงสุดเหมือนกับข้าไปคนหนึ่ง เ้าเดาสิว่า ข้าใช้ไปกี่กระบวนท่า?” โจวไคถามด้วยความภูมิใจ
ว่ากันตามจริง ิอวี่ไม่ได้อยากจะเดาเลยว่าโจวไคนั้นใช้ไปกี่กระบวนท่า แต่ก็ไม่อยากหักหน้าเขาก็เลยพูดไปว่า “กี่กระบวนท่าหรือ?”
“ข้าใช้แค่สิบกระบวนท่าเอง”
โจวไคชูนิ้วขึ้นมา “สิบ” นิ้ว จากนั้นก็ใช้มือจับไปที่หัวไหล่ของิอวี่ แล้วพูดว่า “ดังนั้นข้าจะบอกอะไรกับเ้าไว้อย่างนะ? มีพร์ไม่น่ากลัวหรอก ที่น่ากลัวคือคนที่มีพร์คนนั้นมีความเพียรมากกว่าเ้า พร์เป็อะไรที่ขอมาไม่ได้ง่ายๆ แต่หากเ้าเลือกที่จะพยายามให้มากขึ้น เ้าก็จะประสบความสำเร็จได้ในสักวันแน่”
เดิมโจวไคก็เตี้ยกว่าิอวี่ครึ่งหัวอยู่แล้ว เขาจับไหล่ของิอวี่ไว้แบบนี้ มันทำให้ิอวี่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเลย
ิอวี่แค่หลบนิดหน่อยก็ทำให้มือของโจวไคหลุดได้แล้ว
พอเห็นว่าิอวี่ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขาเลย โจวไคก็ชักสีหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เ็าว่า “น้องชาย อย่าหาว่าข้ายุ่งเลยนะ เ้าคงไม่รู้ถึงความอันตรายของเมืองใต้ดินหวังเฉิงนี่หรอก แข้งขาหักมันเื่เล็ก ส่วนใหญ่ก็มีแต่คนที่เอาชีวิตมาทิ้งที่นี่กัน”
“ถ้าข้าเป็เ้า ข้าจะรอจนกว่าจะไปถึงขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สี่สูงสุดก่อนแล้วค่อยมาร่วมการประลองนี้ เ้ามาเข้าร่วมในตอนนี้มันเท่ากับการรนหาที่ตายนะ”
หลังรู้จักกันเพียงระยะเวลาสั้นๆ ิอวี่ก็รู้ทันทีเลยว่าโจวไคเป็พวกชอบคุยโว ด้วยนิสัยของิอวี่เขาเมินไปนานแล้ว แต่ที่เขายังอดทนอยู่ เพราะยังอยากจะรู้กฎเกณฑ์ของเมืองใต้ดินหวังเฉิงอยู่
เขาถามด้วยความอดทนว่า “ถ้าอย่างนั้น ท่านพี่โจวพอจะรู้กฎเกณฑ์ของผู้ท้าชิงหรือไม่?”
โจวไคเกิดความกระหยิ่มใจขึ้นมา “ถือว่าเ้าโชคดีนะที่ถามถูกคน ถ้าเป็เื่นี้ ข้าน่ะมีประสบการณ์เยอะมาก”
“ผู้ท้าชิงสามารถเลือกรอบในการประลองได้ เช่นเลือกห้ารอบ ก็จะได้เจอกับคู่ประลองที่ผ่านมาแล้วห้ารอบ ผู้ท้าชิงจะเป็คนเริ่มก่อนและเดิมพันก็จะสูงขึ้นตาม ก่อนหน้านี้ข้ามีประวัติชนะหกครั้ง ในสายตาของพวกเ้าข้าอาจจะร้ายกาจ แต่ข้าไม่รู้สึกแบบนั้น เพราะยังไม่ได้แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาเลย”
ิอวี่ขมวดคิ้ว แล้วถามต่อด้วยความอดทน “แล้วไม่มีข้อจำกัดอะไรเกี่ยวกับผู้ท้าชิงเลยหรือ?”
“สำหรับเื่นี้ไม่มีนะ ในเมืองใต้ดินหวังเฉิงนี้ เมื่อเ้าท้าชิงสิบครั้งหรือเลือกคนที่ผ่านมาแล้วสิบรอบ ทางเมืองใต้ดินหวังเฉิงจะเป็คนจัดคู่ประลองมาให้เอง คนพวกนั้นจะถูกเรียกว่า ผู้ยุติการท้าชิง หากสามารถอยู่ได้เกินสิบครั้งถือว่าเป็เทพ แต่เ้าคงชิงไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียวแน่ เล่าเื่พวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์”
ระหว่างที่พูด โจวไคสังเกตเห็นถึงความเหี้ยมโหดผ่านสายตาของิอวี่ ก็อดเยาะเย้ยในใจไม่ได้
‘ชิ ยังไม่ยอมฟังข้าอีก คิดว่าตัวเองเก่งมากเลยหรืออย่างไร ถึงเวลาขึ้นไปอยู่บนลานประลองแล้วถูกคนกระทืบปางตายมา ข้าจะดูสิว่าเ้าจะยังเย่อหยิ่งอยู่ได้อีกไหม’
“ลานประลองหมายเลขสามสิบห้าว่าง ผู้ท้าชิงอู๋ทง ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้าระดับสูงสุด ท้าชิงครั้งที่แปด เงินรางวัลครั้งต่อไป สามแสนหยกดำ”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงประกาศดังขึ้น แทรกการสนทนาของิอวี่กับโจวไค
ิอวี่มองลงไป แล้วมองไปรอบๆ ลานประลองหมายเลขสามสิบห้าที่มีผู้คนล้อมรอบเต็มไปหมด ซึ่งระหว่างนั้น ชายหัวโล้นรูปร่างกำยำนั่งไขว่ห้างถือเหล็กห่วงโซ่รูปทรงดาวมีน้ำหนักถึงสามร้อยกรัมเอาไว้ในมือ กำลังนั่งพักรออยู่
บนร่างกายของเขานั้นมีรอยาแและรอยเืเล็กน้อย แต่าแของเขากลับหายไวมาก เืลมในร่างกายกำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
เมื่อไปถึงขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้าระดับลอกคราบแล้ว ร่างกายก็จะมีความแข็งแกร่งราวกับเหล็ก อีกทั้งยังมีพลังการฟื้นฟูอย่างแข็งแกร่ง
อีกทั้งอู๋ทงก็ไปถึงระดับสูงสุดของขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้าแล้วด้วย!
เขาแค่นั่งอยู่บนพื้น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หัวใจของเขาเต้นแรงราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังหลับใหลอยู่
มีคนแอบพูดกันว่า ใครก็ตามที่สามารถรับมือกับอู๋ทงได้ถึงห้ากระบวนท่า ถือเป็ผู้แข็งแกร่งที่โดดเด่นมาก และหากใครก็ตามที่สามารถรับมือกับอู๋ทงได้ถึงสิบกระบวนท่า ถือว่าผิดจากมนุษย์ทั่วไปแล้ว
อู๋ทงจะต้องถูกท้าชิงเกินสิบครั้งไปแล้วเท่านั้น ถึงจะได้ประลองกับคนของเมืองใต้ดินหวังเฉิง และภายในสิบรอบนี้ อู๋ทงจะยังไม่เจอคู่ต่อสู้นั้น!
ิอวี่กำลังสำรวจ แต่โจวไคกลับมองว่าิอวี่กำลังใเพราะคู่ต่อสู้มีพลังฝีมือเหนือกว่า ก็เลยมองแล้วยิ้มอย่างเหยียดหยาม
“กลัวแล้วหรือ? ผู้กล้าที่แท้จริงก็ควรไปประสบกับความยากลำบากนะ!”
พูดจบ โจวไคก็ปีนหน้าต่างแล้วะโลงไป “ตึง!” ฝุ่นตลบขึ้น เขาลงไปยืนอยู่บนลานประลองหมายเลขสามสิบห้า!
หลายคนรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไร คิดไม่ถึงเลยว่าโจวไคจะชิงตัดหน้าไปก่อน
โอกาสที่จะได้ประลองกับอู๋ทงนั้นหาได้ยากมาก ต่อให้จะประมือกันหลายครั้งแต่ก็ทำให้ได้รับประสบการณ์ไม่น้อย และวิชายุทธ์จะมีความก้าวหน้าอย่างมาก
ถึงแม้การประลองในครั้งนี้จะต้องใช้เงินไปถึงสามแสนหยกดำ แต่โจวไคเป็ลูกหลานตระกูลเศรษฐี เขาไม่ได้สนใจเงินเล็กน้อยพวกนี้ สิ่งที่เขาสนใจก็คือ ได้เรียนรู้อะไรจากการรับมือกระบวนท่ากับอู๋ทง เพื่อเพิ่มประสบการณ์และพลังการต่อสู้ของเขา
อู๋ทงอายุสี่สิบแล้ว ไม่ว่าจะพลังฝีมือหรือว่าประสบการณ์ในการต่อสู้ล้วนถือว่าแข็งแกร่งมาก หากโจวไคสามารถรับมืออู๋ทงได้ถึงสิบกระบวนท่า ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนกับเขาได้ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า เขาคือผู้มีความสามารถ อนาคตของเขาย่อมไปได้ไกลอย่างแน่นอน
เื่ที่โจวไคจะติดหนึ่งในห้าหมื่นอันดับแรกของนักรบแห่งราชวงศ์ต้าิ ก็เป็เื่ที่แน่นอนแล้ว
ดังนั้น การรับมืออู๋ทงได้สิบกระบวนท่า มันถือเป็เกียรติอันใหญ่หลวง!
“เ้าคิดว่าโจวไคจะฝืนได้สักกี่กระบวนท่ากัน?” มีคนเริ่มพูดคุย
“ข้าว่า สามกระบวน”
“ไม่แน่นะ ต่อให้โจวไคจะอยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สี่ แต่ไม่ว่าอย่างไรอู๋ทงก็สู้มาทั้งคืนแบบต่อเนื่องถึงเก้ารอบแล้วนะ พลังงานก็น่าจะมีลดลงไปบ้าง ข้าว่า โจวไคอาจจะรับมือได้สักแปดกระบวนท่า ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว”
ก่อนการต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น หลายคนเริ่มพูดคุยวิเคราะห์กัน
“การแข่งท้าชิงรอบที่เก้า เริ่ม!”
พิธีกรประกาศ การต่อสู้ที่ลานประลองหมายเลขสามสิบห้าได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็ทางการแล้ว!
บนลานประลอง โจวไคสะบัดมือ ดาบยาวสองเล่มก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเขา เขายิ้มอย่างได้ใจแล้วพูดว่า “ตาแก่ วันนี้ข้าจะเป็คนหยุดเ้าเอง”
วินาทีต่อมา โจวไคก็พุ่งเข้าใส่อู๋ทงเหมือนลูกะุั์ เดินลมปราณไปยังตัวดาบ แล้วฟันดาบคู่นั้นออกไปพร้อมกับพลังสังหารที่รุนแรง
เมื่ออยู่ต่อหน้าอู๋ทง ถ้ายังกักเก็บพลังเอาไว้มันจะน่าขำเกินไป การใช้พลังทั้งหมดที่มีถึงจะสามารถรับมือกับอู๋ทงได้พักใหญ่
“ตัดทลายูเา!”
พลังตัดทลายูเาเป็ทักษะการต่อสู้หลิงระดับกลางที่โจวไคฝึกจนชำนาญมากแล้ว แม้แต่อากาศก็เหมือนถูกตัดขาดออก ในพริบตาเดียว ปลายคมดาบคู่ก็พุ่งไปตรงหน้าของอู๋ทงแล้ว
อู๋ทงยังนั่งอยู่โดยไม่ขยับเลย เขาสั่งให้ค้อนดาวตกของเขาพุ่งชนไปกับดาบคู่นั้น
โจวไคส่งเสียงสบถ เขาพลิกข้อมือแล้วคิดจะฟันอีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอู๋ทงจะลุกขึ้นยืน ใช้มือทั้งสองข้างยื่นมาจับดาบคู่ของเขาเอาไว้
“อะไรกัน?”
ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่าอู๋ทงจะใช้มือเปล่าในการชิงดาบคู่ในมือของโจวไค แต่อู๋ทงมีพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้าในระดับสูงสุด ร่างกายของเขานั้นฟันแทงไม่เข้า
นาทีต่อมา อู๋ทงก็ยกขาขึ้นมาแล้วถีบไปที่หน้าอกของโจวไค ที่แท้อู๋ทงนั้นแกล้งทำเป็าเ็ก็เพื่อทำการโจมตีแบบในเวลานี้!
แต่โจวไคก็ยังมีปฏิกิริยาที่ไวอยู่ เขาทิ้งดาบคู่ของเขาแล้วใช้หมัดชกออกไป
“ปึ้ง!”
โจวไคกับอู๋ทงผลัดกันใช้เท้าและหมัดแลกกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานนักโจวไคก็ถูกเล่นงานจนต้องล่าถอย แต่เขายังไม่ได้ล้มลงในทันที เขายังคงพยายามฝืนอยู่!
นี่ทำให้ผู้คนต่างชื่นชม โจวไคถือเป็คนที่มีความสามารถคนหนึ่งเลยทีเดียว อายุแค่ยี่สิบต้นๆ ก็สามารถรับมือกับอู๋ทงได้หลายกระบวนท่าขนาดนี้ ต่อไปอนาคตไกลแน่นอน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้