มู่อวิ๋นจิ่นใช้วิชาตัวเบามุ่งหน้ากลับไปที่เมืองชิงโจว ตลอดทางติงเซี่ยนมองมู่อวิ๋นจิ่นอยู่ตลอด นึกถึงคำพูดครั้งแรกที่ฉู่ลี่ได้พูดกับเขา ในตอนที่พบมู่อวิ๋นจิ่นครั้งแรก
สตรีผู้นี้เ้าเล่ห์เพทุบาย หัวไวปราดเปรียว แม้แต่ฉู่ลี่เองก็อาจมิใช่คู่ต่อสู้ของนาง
ใครจะนึกว่าว่าคุณหนูสามมู่ที่เป็ตัวตลกในเมืองเตี๋ยฮวา กลับซ่อนเร้นความสามารถมากมายไว้ล้ำลึก
เดิมทีติงเซี่ยนเป็กังวล หากฉินมู่เยว่กลับมาแล้ว คุณหนูสามมู่ย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของฉินมู่เยว่ มาตอนนี้เขาคงคิดมากเกินไป
เมื่อกลับมาถึงเมืองชิงโจว ฝนที่ตกได้หยุดลงพักหนึ่งแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นหยิบตะกร้าสานที่ใส่สมุนไพรจนเต็ม มุ่งหน้าไปที่ชาวบ้านพักรักษาตัว
“กลับมาแล้ว พระชายากลับมาแล้ว!” ไม่รู้ว่าชาวบ้านคนไหนเอ่ยขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นรีบสาวเท้ายื่นตะกร้าสานส่งให้หมอท่านหนึ่ง พร้อมเอ่ยปากว่า “ขอโทษด้วยที่กลับมาช้า”
“ไม่เป็ไรพ่ะย่ะค่ะ ลำบากพระชายาแล้ว” หมอรับตะกร้าสานมาดูสมุนไพร และนำไปใช้
ฉู่ลี่ที่อยู่ในห้องรีบเดินออกมาเมื่อเห็นมู่อวิ๋นจิ่น “เ้าได้รับาเ็?”
“เปล่านี่หน่า” มู่อวิ๋นจิ่นส่ายหน้าปฏิเสธ
ฉู่ลี่เห็นคราบเืตามชุดของนาง จึงหันขวับไปที่ติงเซี่ยน
สายตาพิฆาตนั้นทำให้ติงเซี่ยนสะดุ้งโหยง รีบเดินเข้าไปอธิบาย “องค์ชายวางใจได้ พระไชยาไม่ได้รับาเ็ คราบเืเหล่านี้เป็ของพวกอันธพาลที่คิดสกปรกกับพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่ลี่ผ่อนคลายสีหน้าลง ตอบอืมเสียงเรียบ
ฉินมู่เยว่ที่เห็นเหตุการณ์ รีบยิ้มให้มู่อวิ๋นจิ่น “ลำบากพี่สะใภ้อวิ๋นจิ่นมากเลย ดูสิ ตะวันตกดินแล้ว ถ้ารู้ว่าพี่สะใภ้จะไปนานถึงเพียงนี้ ควรให้มู่เยว่ไปแทนคงเร็วเสียกว่า”
มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มเย้ย “ดีแต่พูดจะมีประโยชน์อะไรกัน!”
ฉินมู่เยว่ที่ยิ้มอยู่หุบปากแทบไม่ทัน
ทางด้านหยางว่านซานเห็นสถานการณ์เบื้องหน้ารู้สึกถึงความผิดปกติ ถึงมิกล้าเอ่ยคำพูดใดออกมาแม้แต่แอะเดียว
เมื่อตะวันลาลับขอบฟ้า ความมืดมิดคืบคลานเข้ามาแทนที่ มู่อวิ๋นจิ่นหันมองฉู่ลี่ “พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”
ฉู่ลี่พยักหน้ารับ
“พี่ลี่ เรือนของพี่มีสองห้องใช่ไหมเอ่ย? คืนนี้น้องขอพักด้วยได้หรือเปล่า?” ฉินมู่เยว่เดินเข้าไปขอร้องด้วยความจริงใจ
“ไม่ได้” ฉู่ลี่ปฏิเสธทันควัน โดยไม่มองหน้านางแม้แต่หางตา
ฉินมู่เยว่ชะงักอีกครั้ง มองไปรอบตัวยิ้มเจื่อนๆ “เหอะๆๆ น้องล้อเล่นเท่านั้นเอง ใต้เท้าหยางได้เตรียมที่พักไว้ให้น้องแล้ว”
มู่อวิ๋นจิ่นเม้มปาก คิดในใจว่ามารยาของฉินมู่เยว่ช่างเหลือล้น จึงี้เีสนใจนาง คว้ามือฉู่ลี่เดินกลับเรือนไป
ระหว่างทางมู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางตลอดทั้งวัน จึงพิงไปที่ไหล่ฉู่ลี่พักผ่อนชั่วขณะ
ฉู่ลี่แอบยิ้มโดยที่มู่อวิ๋นจิ่นไม่เห็น
เมื่อกลับมาถึงเรือน เสี่ยวจวี๋รีบออกมารับ พร้อมถามว่าจะทานอาหารเย็นก่อน หรือว่าอาบน้ำชำระร่างกายก่อนดี
มู่อวิ๋นจิ่นผายมือลากฉู่ลี่เข้าไปในห้องแล้วปิดประตูลงกลอน
“เ้าดูนี่สิ” มู่อวิ๋นจิ่นควักผ้ายันต์ในชุดส่งให้ฉู่ลี่
ฉู่ลี่รับผ้ายันต์ไปแล้ว มองเนื้อความและลวดลายด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เดินเอาผ้ายันต์ไปส่องแสงเทียนให้ชัดเจน
“เป็ยังไงบ้าง?” มู่อวิ๋นจิ่นเดาท่าทางของฉู่ลี่มิออก
“แค่ยันต์ธรรมดาเท่านั้นเอง ไม่ต้องใส่ใจไป” ฉู่ลี่เอ่ยอย่างอ่อนโยน
มู่อวิ๋นจิ่นกลับเลิกคิ้วขึ้น จำได้ว่าชายชุดขาวคนนั้นที่พบบนเขาชิงเฟิง บอกว่าอักษรเหล่านี้มาจากกลุ่มคนที่อยู่เขตชายแดน แต่ฉู่ลี่กลับบอกว่าเป็ผ้ายันต์ธรรมดา สรุปแล้วนางควรจะเชื่อใครดี?
คิดวนไปเวียนมาจนถึงตอนนี้ มู่อวิ๋นจิ่นแอบด่าตัวเองในใจ และเลือกที่จะเชื่อคำพูดของฉู่ลี่
“อย่างนั้นข้าขอตัวไปชำระร่างกายก่อน” มู่อวิ๋นจิ่นบิดี้เี แล้วเดินออกไปเตรียมชุด โดยไม่สนใจเื่ผ้ายันต์อีกต่อไป
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเดินออกจากประตูไปแล้ว ฉู่ลี่กลับนิ่งเงียบลง เอ่ยเสียงต่ำเรียกหา “ติงเซี่ยน…”
“ข้าน้อยอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ” ติงเซี่ยนเปิดประตูเดินเข้ามา
“วันนี้ทีู่เาชิงเฟิง เกิดเื่ใดขึ้นบ้าง?” ฉู่ลี่เหล่ตามองติงเซี่ยน
ติงเซี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเล่าต่อไปว่า “วันนี้ข้าน้อยติดตามพระชายาไปจนถึงูเาชิงเฟิง ระหว่างทางกลับหลงจึงคาดกับพระชายา เมื่อข้าน้อยตามไปถึงูเาชิงเฟิงแล้ว ที่เชิงเขามีร่างไร้ิญญาของชายชุดดำเจ็ดแปดคนพ่ะย่ะค่ะ”
“ร่างของชายชุดดำเ่าั้ล้วนมีสัญลักษณ์วิหคบนเมฆา หลังจากนั้นพระชายาก็เดินลงมาจากูเา พร้อมเล่าให้ข้าน้อยฟังว่าเป็ผู้สังหารชายชุดดำเ่าั้พ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่ลี่หรี่ตาลง ขมวดคิ้วเข้าหากัน “สัญลักษณ์วิหคบนเมฆา เป็องครักษ์ลับของอาณาจักรตงหลิน”
“อาณาจักรตงหลิน……” ติงเซี่ยนเอ่ยด้วยความใ “ใช่แล้ว มิน่าเล่าข้าน้อยจึงรู้สึกคุ้นตากับสัญลักษณ์นี้ ที่แท้ก็เป็ของคนอาณาจักรตงหลินนี่เอง”
เมื่อติงเซี่ยนพูดจบลง ได้สังเกตเห็นฉู่ลี่มีท่าทางผิดแปลกไป
เหตุใดองครักษ์ลับของอาณาจักรตงหลินจึงมาปรากฏตัวทีู่เาชิงเฟิงได้ หนำซ้ำยังถูกพระชายาสังหารไม่เหลือ?
ดูท่าแล้วติงเซี่ยนไปช้าเพียงก้าวเดียวเท่านั้นเอง
“การเดินทางมาที่นี่ของฉินมู่เยว่สืบชัดเจนแล้วหรือยัง?” ฉู่ลี่ถามขึ้น
“ข้าน้อยไปสืบมาแล้ว เป็เพราะกลุ่มคนที่อยู่เขตชายแดนสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย ฝ่าาจึงทรงมีพระบัญชาส่งคุณหนูฉินมารับมือพ่ะย่ะค่ะ” ติงเซี่ยนอธิบาย
“เหอะๆๆๆ” ฉู่ลี่หัวเราะเสียงต่ำ “ช่างประจวบเหมาะอะไรเช่นนี้ มู่อวิ๋นจิ่นนำผ้ายันต์กลับมาจากูเาชิงเฟิง ฉินมู่เยว่ก็ได้รับพระบัญชาให้มาจัดการคนชายแดน”
ติงเซี่ยนเอะใจขึ้นมา เอ่ยอย่างคาดคิดไม่ถึง “ความหมายขององค์ชายคือ… คุณหนูฉินกับคนชายแดนมีเื่ที่มิอาจบอกให้ผู้อื่นรับรู้ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
“ฉู่ลี่ ข้าชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง
เมื่อเห็นว่าติงเซี่ยนอยู่ด้านใน มู่อวิ๋นจิ่นก็เดินไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง บรรจงสางผมอย่างย้วยยาด
ฉู่ลี่ส่งสายตาให้ติงเซี่ยน เป็การบอกให้เขาออกไปได้แล้ว
ติงเซี่ยนพยักหน้ารับทราบอย่างเข้าใจ
ติงเซี่ยนเดินออกไปแล้ว ฉู่ลี่ลุกขึ้นไปหามู่อวิ๋นจิ่น ยกมือทั้งสองข้างวางบนไหล่ของนาง “วันนี้เ้าไม่ได้าเ็ตรงไหนจริงๆ ใช่ไหม?”
มู่อวิ๋นจิ่นวางหวีลง “ไม่มีตรงไหนได้รับาเ็”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” ฉู่ลี่ตอบเสียงราบเรียบ
……
เช้าวันถัดมา เมื่อตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า ฉู่ลี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ใช้พลังลมปราณปล่อยไปที่หว่างคิ้วมู่อวิ๋นจิ่น ให้นางหลับพักผ่อนต่อไป หลังจากนั้นฉู่ลี่ก็ลุกขึ้นเดินออกห้องไป
เขาเดินไปที่ทำนบกั้นน้ำทางทิศตะวันตก โดยที่ฉินมู่เยว่มารอก่อนหน้านี้นานแล้ว พอเห็นฉู่ลี่มาถึง นางก็รีบเอ่ยปากทักทายด้วยความดีใจ
ฉู่ลี่พยักน่ารับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ฉินมู่เยว่เห็นฉู่ลี่มีท่าทางตอบรับนาง จึงเดินยิ้มเข้าไปหา
ทางด้านติงเซี่ยนเอ่ยกระซิบฉู่ลี่ “องค์ชาย เมื่อวานนี้ข้าน้อยได้พบคนที่อยู่ชายแดนมาป้วนเปี้ยนอยู่โดยรอบ คนพวกนั้นไม่ได้เป็คนจากอาณาจักรซีหยวน ข้าน้อยจึงมิทราบว่าพวกเขาคิดทำเื่ไม่ดีกับชาวบ้านหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“คนที่อยู่ชายแดน?” ฉู่ลี่เหลือบมองติงเซี่ยนด้วยสายตาแปลกใจ
“คนพวกนั้นต่างใช้ภาษาของคนเขตชายแดน แต่ที่น่าแปลกใจคือว่า ข้าน้อยฟังคนเ่าั้สนทนามิออกเลยพ่ะย่ะค่ะ” ติงเซี่ยนเล่าต่อ
ฉินมู่เยว่เดินยิ้มมุมปากเข้ามาหา “พี่ลี่ มู่เยว่ต่อสู้ที่ชายแดนมักจะต่อสู้กับหัวหน้าของคนชายแดนมาบ้าง คนพวกนั้นละโมบโลภมาก คิดเพ้อฝันอยากยึดครองเมืองต่างๆ ของอาณาจักรซีหยวน แต่หลายต่อหลายครั้งทหารของพวกเรา สามารถขับไล่คนเ่าั้ให้ถอยร่นไป… ่นี้น้องกับพี่ชายกลับเข้าไปที่ราชสำนัก คนพวกนั้นจึงย่ามใจ”
“อ่อ” ฉู่ลี่พยักหน้ารับทราบ “เ้าฟังภาษาที่คนชายแดนพูดออกหรือไม่?”
พอได้ยินคำถามที่ฉู่ลี่เอ่ยขึ้น ฉินมู่เยว่ก็รีบตอบยิ้มแย้ม “น้องศึกษามาบ้าง พอฟังออกนิดหน่อย”
จากนั้นฉินมู่เยว่ก็เสริมขึ้นอีกประโยค “พี่ลี่ น้องได้รับพระบัญชาให้มาขับไล่คนชายแดนเ่าั้ เอาเป็ว่าน้องกับพี่ลี่ไปด้วยกันดีไหม? หากหัวหน้าคนชายแดนเห็นพี่ลี่เข้า คงต้องเกรงกลัวถอยร่น มิกล้าทำอะไรชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ พี่ลี่ไปด้วยกันดีไหม……”
ติงเซี่ยนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ได้ฟังเสียงหวานออดอ้อน รู้สึกขนลุกขนพองไปทั้งตัว
“ได้” ฉู่ลี่รับปากข้อเสนอของนาง
“จริงเหรอ? พี่ลี่เต็มใจไปช่วยน้องแล้ว?” ฉินมู่เยว่รู้สึกเหนือความคาดหมาย
ฉู่ลี่พยักหน้ามองไปที่ฉินมู่เยว่ “ออกเดินทางเมื่อไหร่?”
“เื่นี้จะช้ามิได้ ออกเดินทางตอนนี้เลยแล้วกัน!” ฉินมู่เยว่พยายามเก็บความรู้สึกดีใจเอาไว้ภายใน รอให้ฉู่ลี่เดินทางไปถึงชายแดนเสียก่อน นางจะต้องหาวิธีเป็ผู้หญิงของฉู่ลี่ให้จงได้
ถึงตอนนั้น หากนางท้องลูกของฉู่ลี่ขึ้นมา มู่อวิ๋นจิ่นก็อย่าได้คิดจะมาต่อกรกับนางอีก!
ก่อนที่จะออกเดินทางไปชายแดน ฉู่ลี่สั่งการให้หัวหน้าองครักษ์ลับชุดม่วงกัวซ่งอยู่ที่นี่ กำชับกัวซ่งหนักแน่น ห้ามบอกเื่ที่เขาไปชายแดนให้มู่อวิ๋นจิ่นรับรู้
……
มู่อวิ๋นจิ่นหลับยาวนานเป็พิเศษตื่นขึ้นมาก็โพล้เพล้แล้ว ด้านนอกมีเสียงฝนตกมิหยุด นางจึงคว้าผ้ามาห่มด้วยความอ่อนเพลีย
ก่อนที่จะหลับต่อนั้น มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วเอ่ยเรียก “เสี่ยวจวี๋…”
เสี่ยวจวี๋ผลักประตูเดินเข้ามา “พระชายาตื่นแล้วหรือเพคะ?”
“องค์ชายละ?” มู่อวิ๋นจิ่นมองที่ว่างข้างกาย รู้สึกว่าวันนี้นางนอนหลับลึกกว่าปกติ
“องค์ชาย……” เสี่ยวจวี๋ยกมือเกาหัว “องค์ชายกับองครักษ์ติงออกไปข้างนอก ยังไม่กลับมาเพคะ”
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับรู้ จากนั้นผายมือให้เสี่ยวจวี๋ออกไปได้
มู่อวิ๋นจิ่นนอนรอจนกระทั่งความมืดมิดยามค่ำคืนคืบคลานมา ก็ยังไม่เห็นฉู่ลี่มีทีท่ากลับมา จนกระทั่งนางลุกขึ้นเปลี่ยนชุดเปิดประตูออกไป
นางคว้าเสื้อกันฝนมาใส่ และบอกกับเสี่ยวจวี๋ว่าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย
เมื่อก้าวเท้าจะออกไปข้างนอก ซ่งกัวปรากฏตัวขึ้น โค้งคำนับมู่อวิ๋นจิ่น “คารวะพระชายา”
“ทำไมเ้าอยู่ที่นี่?” ปกติซ่งกัวจะเก็บตัวมิให้ใครพบเห็นง่ายๆ การเห็นเขาทำให้มู่อวิ๋นจิ่นเกิดใจคอไม่ดีขึ้นมา
ซ่งกัวส่งรอยยิ้ม “องค์ชายและองครักษ์ติงไปข้างนอกแต่เช้า องค์ชายกำชับให้ข้าน้อยดูแลความปลอดภัยของพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
“ท้องฟ้ามืดแล้ว ฝนก็ยังตกอีก พระชายาเตรียมไปไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ออกไปเดินเล่น” มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปหยิบโคมไฟเดินอ้อมซ่งกัวไปด้านนอก
ซ่งกัวยกมือเกาหัวด้วยความลำบากใจ องค์ชายและองครักษ์ติงโยนเื่ลำบากใจครั้งใหญ่ให้กับเขา พระชายาผู้นี้มิใช่คนที่หลอกล่อง่ายซะที่ไหนกัน!!!