สำหรับเย่เฟิงไม่มีความรู้เกี่ยวกับรถแลมโบกินีมากนัก เขารู้เพียงว่าน่าจะราคาหลายล้าน และแพงกว่ารถฮัมเมอร์ของเตาปามาก เมื่อได้นั่งรถหรูทั้งยังมีพี่สาวคนสวยเป็สารถี ย่อมทำให้กระปรี้กระเปร่าอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้คิดเกินเลยกับหลินซือฉิงแต่มันก็ทำให้เขาอารมณ์ดีไม่น้อย
“เสี่ยวเย่ ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็แฟนนายเหรอ? สายตาไม่เลวเลยนะเนี่ย” หลินซือฉิงยิ้มพร้อมถามเขาด้วยท่าทีผ่อนคลายขณะอยู่บนรถ ผมยาวสลวยของเธอพริ้วตามแรงลมเย้ายวนอารมณ์ของเย่เฟิง ใบหน้ารูปไข่ไร้ที่ติของเธอทำให้ภาพสองข้างทางกลายเป็ทิวทัศน์ที่สวยงาม
“อืม เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลหรอก” เย่เฟิงหัวเราะเสียงแ่ “ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้จักหรือได้ยินเื่ของคุณมาก่อนเลย มีแต่คุณปู่ของผม... คุณคงเข้าใจสินะ”
“จริงเหรอ?” หลินซือฉิงอมยิ้ม มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย การแสดงออกของเด็กหนุ่มทำให้เธอประหลาดใจ
ความจริงแล้วตอนที่เตรียมตัวมาพบอีกฝ่าย เธอยังคิดอยู่เลยว่าเขาเป็เพียงเด็กมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อรู้ว่าตัวเองจะได้หมั้นหมายกับสาวสวยอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิง ย่อมต้องดีใจเป็บ้าเป็หลังเลยไม่ใช่หรือ?
หญิงสาวเตรียมคำพูดมากมายเพื่อคุยกับเขา คิดว่าอาจต้องเสียเวลาทั้งวันเพื่อสร้างภาพลักษณ์พี่สาวของเธอให้ฝังลึกในใจเย่เฟิง เพื่อให้เขาทิ้งความคิดที่จะมีความรักกับเธอ แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็แล้ว
ท่าทางของเย่เฟิงดูเป็ผู้ใหญ่มาก ตอนเจอกับเธอก็ดูวางเฉยอย่างไม่ใส่ใจมากนักราวกับเจอเพื่อน ท่าทีแบบนี้ทำให้เธอนึกชื่นชมเขาในใจ อย่าว่าแต่เด็กมัธยมปลายเลย แม้แต่หนุ่มสาวที่เธอเคยพบในงานสังคมยังยากจะสงบเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ!
เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้สมองของเย่เฟิงกำลังหาทางสืบข้อมูลของคุณชายไช่โดยไม่ให้เธอสงสัย...
“อะแฮ่ม ตามความคิดส่วนตัวของผม ผมเห็นว่าโลกในอยู่ในยุคสมัยใหม่แล้ว เราควรมีสิทธิและเสรีภาพในความรักของตัวเอง การคลุมถุงชนแบบนี้พวกเราในฐานะเด็กรุ่นใหม่ควรต่อต้านอย่างเด็ดขาดนะครับ” เย่เฟิงพูดโดยไม่ละอายแม้แต่น้อย เขา้าสืบข่าวจึงพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ แน่นอนว่าวิธีเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีต้องแสดงความเห็นไปในทิศทางที่อีกฝ่าย้า
“เยี่ยม นายนี่หัวรั้นไม่เบาเลยนะ” เป็ไปตามคาด ในระยะเวลาสั้นๆ หลินซือฉิงชื่นชอบเขามาก เธอยิ้มหวานก่อนเอ่ย “เสี่ยวเย่ นายกินข้าวเช้าแล้วหรือยัง?”
“ยังเลยครับ” เย่เฟิงตอบตามความจริง ปกติเขามักกินอาหารเช้าที่โรงเรียน ซื้อของที่โรงอาหารของโรงเรียน วันนี้เขายังไม่ได้เข้าไปในโรงเรียนด้วยซ้ำจึงยังไม่ได้กินอาหารเช้า
“งั้นไปหาอะไรกินกับพี่สาวกัน” หลินซือฉิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไพเราะอ่อนโยน “แถวมหาลัยเยี่ยนจิงมีคาเฟ่อยู่ร้านหนึ่ง สภาพแวดล้อมโอเคเลย เป็ร้านของเพื่อนพี่เอง”
“ได้ครับ” เย่เฟิงพยักหน้า ในใจรู้สึกจนปัญญา ช่างเถอะหากเธออยากเป็พี่สาวนักก็เป็ไป แบบนี้อาจทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยก็ได้ รอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเมื่อไรค่อยพูดออกไป
ระยะทางจากโรงเรียนมัธยมปลายเยี่ยนและมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงไม่ไกลกันมาก เพียงไม่นานรถแลมโบกินีสีแดงก็จอดบนถนนเส้นหนึ่งใกล้มหาวิทยาลัยเยี่ยนจิง หลินซือฉิงบอกเขาว่าคาเฟ่อยู่ห่างจากตรงนี้ไม่ไกล
หลังลงจากรถ หลินซือฉิงก็ปิดประตูรถ เธอใช้มือสางผม การเคลื่อนไหวสง่างามเป็ธรรมชาติ ทำให้หน้าอกของเธอสั่นไหวตามแรงขยับ เย่เฟิงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองบ่อยครั้งก่อนรีบหันไปทางอื่น
แม้สาวสวยจะชอบทำเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ควรมองเธอมากไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเขาเองจะลำบาก ไม่ใช่เื่ง่ายที่เขาจะสร้างภาพลักษณ์หนุ่มใสซื่อประทับในใจเธอ และคงไม่ดีแน่หากมันถูกทำลายในครั้งเดียว
“ไปกันเถอะ” กลิ่นหอมอ่อนจางลอยมาแตะจมูกเย่เฟิง ก่อนคนด้านข้างจะยกแขนขาวราวกับหยกขึ้นโอบไหล่เขา หลินซือฉิงส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มก่อนพาอีกฝ่ายตรงไปคาเฟ่ที่อยู่ไม่ไกล
ความสูงของทั้งคู่ไล่เลี่ยกัน หลินซือฉิงเตี้ยกว่าเย่เฟิงเล็กน้อยจึงสามารถโอบไหล่ของเขาได้ พวกเขาเข้าขากันได้ดี อีกทั้งการแต่งตัวให้ความรู้สึกเหมือนเป็พี่น้องกันจริงๆ ไม่เหมือนคู่รักแม้แต่น้อย
เย่เฟิงใส่ชุดลำลอง ใบหน้าอ่อนวัยเฉกเช่นเด็กหนุ่มทั่วไป ขณะที่หลินซือฉิงท่าทางเป็ผู้ใหญ่กว่า การเคลื่อนไหวของเธอดึงดูดผู้คนแม้รูปลักษณ์จะดูอ่อนเยาว์ก็ตาม คนทั้งคู่แตกต่างกันมาก!
บริเวณนั้นมีนักศึกษามหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงเดินผ่านไปมาไม่น้อย พวกเขาต่างมองคนทั้งคู่ บางคนถึงขั้นหยิบโทรศัพท์เพื่อถ่ายรูปทั้งสองคนจากระยะไกล
หลินซือฉิงเป็ถึงสาวสวยอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิง คนจำนวนมากสนใจเธอ ความดังของเธอในมหาวิทยาลัยยังมากกว่าพวกดาราดาวรุ่งเสียอีก ดังนั้นหากมีข่าวลือเกี่ยวกับหญิงสาวบนเว็บบอร์ดมหาวิทยาลัยก็จะกลายเป็ประเด็นร้อนทันที! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแขนของเธอกำลังโอบไหล่เด็กหนุ่มมัธยมปลาย หรือเขาคือคู่หมั้นในข่าวลือ?
ฮือฮา!
หลินซือฉิงไม่กลัวว่าจะถูกเข้าใจผิด เพราะเตรียมแผนรับมือไว้แล้ว ด้านเย่เฟิงที่ถูกสาวสวยอันดับหนึ่งโอบไหล่ หน้าอกของเธอเข้าใกล้ไหล่ของเขาเหลือเกิน ซ้ำยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเธออีก มันทำให้เขาอดใจเต้นไม่ได้
‘ให้ตายสิ ถ้ายังเป็อย่างนี้จะไม่แย่กว่าเดิมเหรอ? เมื่อก่อนฉันใกล้ชิดกับอาจารย์ทุกวันยังไม่รู้สึกอะไรเลยไม่ใช่หรือไง?’ เย่เฟิงด่าตัวเองในใจพลางพยายามสงบใจ
“ไปกันเถอะ” หลินซือฉิงยิ้มหวานให้เขาก่อนเดินนำหน้าไป ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึง ‘คาเฟ่ฉีฉี่’
ในเวลานั้นเองนักศึกษาหลายคนเดินออกจากร้านพอดี และสังเกตเห็นมือของหลินซือฉิงที่โอบไหล่เย่เฟิง
“บังเอิญจังครับพี่หลิน พี่มากินมื้อเช้ากับเพื่อนหรือครับ?” เมื่อชายหนุ่มหน้าตาดีที่เดินอยู่ด้านหน้าเห็นว่าทั้งสองคนดูสนิทสนมกันก็แสดงความแปลกใจชัดเจน ผู้ชายคนนี้หน้าตาหล่อเหลา สามารถเทียบชั้นกับพวกดารานักแสดงได้เลย บวกกับน้ำเสียงและบุคลิกก็คาดเดาได้ว่าเขาต้องเป็ชายหนุ่มที่ได้รับความนิยมมากแน่
“อืม นี่เป็ญาติของฉันเอง ชื่อเย่เฟิง อีกไม่นานเขาจะมาเรียนต่อที่นี่ ฉันก็เลยพาเขามาทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมก่อน” หลินซือฉิงยิ้มสุภาพให้อีกฝ่าย ทั้งยังแสดงออกราวกับตัวเองเป็พี่สาวก่อนถาม “เสี่ยวจ้าว เฉ่าหงไม่ได้มากับพวกนายเหรอ?”
“ไม่ครับ พี่ไช่ไปซ้อมบาสฯ ั้แ่เช้าแล้วครับ” ‘เสี่ยวจ้าว’ เหลือบตามองเย่เฟิงด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาและกลุ่มเพื่อนจะเดินจากไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเคารพหลินซือฉิงมาก
“พวกฉันเข้าร้านก่อนนะ ไว้เจอกัน” หลินซือฉิงโบกมือให้ทุกคน แล้วเดินยิ้มพาเย่เฟิงเข้าคาเฟ่
“พี่จ้าว นี่มันเื่อะไรกัน ได้ยินมาว่าเย่เฟิงคนนี้เป็คู่หมั้นของพี่หลินไม่ใช่เหรอ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งถามอย่างประหลาดใจ เขามองคนทั้งคู่เดินเข้าร้านก่อนกระซิบถาม
“พี่หลินรู้ดีว่าอะไรเหมาะสมไม่เหมาะสมมาแต่ไหนแต่ไร จะกังวลทำไม? พวกเราแค่รายงานเื่นี้กับพี่ไช่ก็พอ อย่าคิดมากเลย” หนุ่มสกุลจ้าวโบกมือ ขณะเดียวกันก็หยิบโทรศัพท์ส่งข้อความพร้อมหันไปยิ้มให้เพื่อน “เย่เฟิงเป็แค่เด็ก จะคู่ควรกับพี่หลินได้ยังไง? หัวใจของพี่หลินอยู่กับพี่ไช่ตั้งนานแล้ว จะกังวลอะไร?”
เมื่อในกลุ่มได้ฟังเช่นนั้นก็พากันหัวเราะ จริงสิ อีกฝ่ายเป็แค่เด็กน้อย จะเทียบกับพี่ไช่ที่เป็ไอดอลยอดนิยมของมหาวิทยาลัยได้อย่างไร?
............
เย่เฟิงเดินตามหลินซือฉิงเข้าคาเฟ่ สีหน้าของเขาขรึมลง
พี่ไช่... เฉ่าหง... ไช่เฉ่าหง!
คุณชายไช่?
คนที่หลินซือฉิงและเสี่ยวจ้าวพูดถึงคือไช่เฉ่าหง เป็ไปได้ไหมที่เขาจะเป็ผู้นำองค์กรลับ คุณชายไช่?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้