ได้ยินสิ่งทีู่เี่อันพูดแล้วเจียงเส้าข่ายแทบสะดุ้งตกจากเตียงผู้ป่วย
ยัยูเี่อันนี่ปกติก็ฉลาดหลักแหลมดีอยู่หรอกแต่ทำไมพอเป็เื่รักๆ ใคร่ๆ ถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้เนี่ย?
ลู่เป๋าเหยียนถึงขนาดตามมาด้วยแบบนี้มีเหรอจะยอมให้เธออยู่กับเขาสองต่อสอง?
ใช้สมองคิดบ้างไหมเนี่ยยัยบ้า!
ูเี่อันดันกล้าไล่ลู่เป๋าเหยียนกลับไปก่อนอีกให้ตายเถอะ นี่เธอกะให้ลู่เป๋าเหยียนเผาห้องพักสุดหรูของเขาทิ้งอย่างนั้นเรอะ!?
“อะแฮ่ม!”เพื่อรักษาห้องผู้ป่วยแสนสุขห้องนี้เอาไว้ เจียงเส้าข่ายจึงตัดสินใจไล่แขก
“เจี่ยนอันเื่งานเอาไว้ฉันหายดีก่อนแล้วค่อยว่ากันคดีนั้นพวกเราพยายามหาคำตอบกันมาก็ตั้งหลายปีแล้วยังแก้ไม่ได้ตอนนี้มานั่งถกกันก็เสียเวลาเปล่า ตอนบ่ายฉันต้องตรวจร่างกายอีกเธอปล่อยฉันไปเถอะ”
ในจังหวะนั้นนางพยาบาลสาวก็ผลักประตูห้องเข้ามาพอดี
“คุณเจียงคะได้เวลา...”
“ได้เวลาที่ผมจะต้องไปตรวจเช็กร่างกายแล้วใช่ไหมครับ”เจียงเส้าข่ายรีบพูดต่อ
“ได้เลยครับพวกเราไปกันเลยดีกว่า”
คนที่สามารถเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลนี้ได้นอกจากความรู้จะต้องถึงแล้ว ไหวพริบก็ต้องดีด้วยนางพยาบาลสาวรีบเข้ามาประคองเจียงเส้าข่ายอย่างแเี
“หมอหลิวเตรียมการเรียบร้อยแล้วค่ะถ้าตรวจรอบนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ คุณก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะค่ะ”
เสียงของเจียงเส้าข่ายและนางพยาบาลเริ่มไกลออกไปูเี่อันดูแล้วเจียงเส้าข่ายคงไม่น่าจะกลับมาได้ในเร็วๆ นี้เธอจึงลุกขึ้นและพูดกับลู่เป๋าเหยียน
“งั้นพวกเรากลับกันเถอะ”
พูดจบเธอถึงเพิ่งรู้ตัวว่าสีหน้าของลู่เป๋าเหยียนดูมืดมนผิดปกติ เขาลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปทันทีเขาทิ้งเธอเอาไว้ในห้องผู้ป่วยคนเดียวโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย
ตามปกติเขาจะต้องจูงมือเธอและเดินไปด้วยกัน
ูเี่อันกำมือซ้ายอย่างรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยแต่ก็ก้าวเท้าเดินตามลู่เป๋าเหยียนไป
เขาเดินเข้าลิฟต์ไปแล้วและประตูลิฟต์ก็ค่อยๆ ปิดลง
“รอฉันด้วย!”
เธอวิ่งสี่คูณร้อยตรงเข้าไปแต่ประตูลิฟต์ก็ใกล้ปิดสนิทเต็มที แถมลู่เป๋าเหยียนเองก็ดูเหมือนไม่คิดจะรอเธอร่างสูงใหญ่ของเขาค่อยๆ เลือนไปจากสายตา
ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?
ูเี่อันยืนนิ่งห่างจากลิฟต์สามถึงสี่เมตรเธอมองประตูลิฟต์ที่ปิดลงอย่างไร้เยื่อใย และเริ่มรู้สึกน้อยใจขึ้นมา
แต่ก่อนที่เธอจะแน่ใจว่าลู่เป๋าเหยียนคงไม่คิดจะสนใจเธออีกแล้วจู่ๆ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก มือของลู่เป๋าเหยียนกดค้างอยู่ที่ปุ่มเปิดประตูและพูดเชิงคำสั่ง
“เข้ามา!”
เธอค่อยๆเดินเข้าไป จากนั้นลู่เป๋าเหยียนจึงปล่อยนิ้วออกจากปุ่มกด ลิฟต์จึงค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปช้าๆ
จนกระทั่งลิฟต์ถึงจุดหมายทั้งสองคนก็ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ขายาวๆ ของลู่เป๋าเหยียนเดินนำอยู่ด้านหน้าูเี่อันวิ่งซอยเท้าตามเขาอยู่ด้านหลัง แต่ยิ่งวิ่งเธอก็ยิ่งรู้สึกโมโหเธอจึงผ่อนฝีเท้าของตัวเองลง และค่อยๆ ทิ้งระยะห่างออกจากเขา
เมื่อลู่เป๋าเหยียนเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งคนขับถึงรู้ตัวว่าูเี่อันเดินตามอยู่ข้างหลังอย่างช้าๆห่างออกไปเป็สิบเมตร เธอเดินก้มหน้าก้มหน้าไม่ยอมมองมาทางเขา
“เร็วหน่อย”เขาขมวดคิ้วและออกคำสั่ง
ูเี่อันก้าวเท้าให้เร็วขึ้นอย่างว่าง่ายและเข้าไปนั่งในรถ
ปัง! ประตูรถถูกปิดลงอย่างแรง
ลู่เป๋าเหยียนไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาสตาร์ทรถและขับ ONE77 ออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งตรงกลับบ้าน
วิวด้านนอกหน้าต่างที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วทำใหู้เี่อันที่มองอยู่เริ่มมึนหัว เธอปิดตาลงและเอนพิงเบาะเพื่อพักสายตาและก็รู้สึกได้ว่าลู่เป๋าเหยียนเริ่มขับรถให้ช้าลง
เธอมั่นใจว่าเขาตั้งใจขับช้าลงแน่ๆ
งี่เง่าชะมัดตานี่!
เมื่อกลับถึงบ้านลู่เป๋าเหยียนลงจากรถไปก่อน ูเี่อันลุกตามและพูดะโเสียงดังตามหลังลู่เป๋าเหยียนไป
“หยุดนะ!”
เธอวิ่งไปขวางด้านหน้าและจ้องตาเขา
“นายกำลังโกรธอยู่ใช่ไหม”
ลู่เป๋าเหยียนหลบสายตาไปทางอื่น
“เปล่า”
พูดจบเขาก็ทำท่าจะเดินหนีูเี่อันจึงใช้สองมือจับตัวเขาไว้
“แล้วทำไมนายไม่ยอมคุยกับฉัน”
เธอใช้ชีวิตร่วมกับลู่เป๋าเหยียนมาสามเดือนถึงจะไม่ได้เข้าใจเขาไปหมดทุกเื่แต่อย่างน้อยเธอก็อ่านสายตาเขาออกว่าตอนนี้เขากำลังอารมณ์ไม่ดี
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมุมปากแบบที่คนมองไม่แน่ใจว่าเขากำลังยิ้มจริงๆหรือแค่ยิ้มเยาะกันแน่
“ไม่ใช่ว่าเธอมีเื่ต้องคุยกับเจียงเส้าข่ายเลยไล่ฉันกลับหรือไง แล้วจะมาคุยกับฉันทำไม”
ูเี่อันนิ่งไปลู่เป๋าเหยียนจึงใช้โอกาสนี้เดินอ้อมหลบเธอเพื่อเข้าบ้าน
เธอนิ่งเงียบไปอยู่นานหลังจากนั้นจึงมั่นใจอะไรบางอย่าง
ูเี่อันยิ้มและวิ่งตามลู่เป๋าเหยียนขึ้นชั้นสองไป
ในขณะที่เขากำลังจะปิดประตูห้องูเี่อันก็รีบยื่นมือผ่านประตูเข้าไปจับมือเขา เขาไม่กล้าปิดประตูหนีบมือเธอจึงได้แต่ใช้สายตาเ็ามองมา
“มีเื่อะไร”
ูเี่อันชี้หน้าเขาและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นายต่างหากที่มีเื่!”
ได้ยินดังนั้นลู่เป๋าเหยียนจึงยิ้มออกมา
“ไหนว่ามาสิฉันมีเื่อะไร”
“นายหึงฉัน”ูเี่อันจ้องตาเขาพลางพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ราวกับวกำลังพูดเื่ธรรมดาทั่วไป
ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตาลงสายตาเขาดูเ็ายิ่งกว่าเดิม ูเี่อันเองก็เริ่มกังวล แต่ยังคงไม่ยอมแพ้
“ฉันแค่อยากคุยเื่งานกับเจียงเส้าข่ายที่ให้นายกลับมาก่อน...ก็เพราะคิดว่านายมีเื่งานที่ต้องสะสางถ้าฉันบอกให้นายอยู่ต่อตอนฉันคุยกับเขา นายก็คงยิ่งโกรธจริงไหม”
ลู่เป๋าเหยียนแย้มยิ้มบาง“ฉันไม่โกรธ แต่ฉันคงจับเจียงเส้าข่ายโยนออกนอกห้องไปซะ!”
ูเี่อันรู้สึกเสียวสันหลังวาบเธอห่อไหล่ลงเล็กน้อย
“เอาเป็ว่าฉันกับเจียงเส้าข่ายไม่ได้มีอะไรกัน ถ้าฉันกับเขาคิดอะไรเกินเลยกว่าเพื่อนฉันก็คงไม่มาแต่งงานกับนายหรอก”
ความเยือกเย็นและมืดมนบนใบหน้าของลู่เป๋าเหยียนเริ่มจางหายไปทีละนิด
ปัง! เสียงประตูไม้ปิดลงจนคนที่ยืนอยู่นอกห้องถึงกับสะดุ้ง
“เป็อะไรอีกล่ะเนี่ย!”ูเี่อันบ่น “รู้งี้ฉันไม่น่าอธิบายให้นายฟังเลย”
ว่าแล้วเธอก็เตรียมหันหลังเดินกลับห้องตัวเองแต่คิดไปคิดมาเธอจึงเดินลงไปข้างล่าง
ลุงสวีเดินเข้ามาหาเธอทันที
“อาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับคุณผู้หญิง”
“อาหารที่ทำเสร็จแล้วพวกคุณลุงกินกันเลยค่ะ”ูเี่อันพับแขนเสื้อขึ้น “มื้อเที่ยงวันนี้หนูจะลงมือทำเอง อ้อใช่ ลุงสวีคะเอ่อ... ลู่เป๋าเหยียนเขาชอบกินอะไรคะ”
ลุงสวียิ้ม“คุณชายไม่ชอบกินขึ้นฉ่ายกับผักชีครับ นอกนั้นกินได้หมดทุกอย่าง”
“ขอบคุณค่ะ”
ูเี่อันเดินเข้าไปในครัวจากนั้นจึงลงมือทำกับข้าวสองสามอย่าง ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของลู่เป๋าเหยียน
“คุณชายอาจจะนอนอยู่มั้งครับ”ลุงสวีบอก “ถ้ายังไงคุณผู้หญิงลองขึ้นไปเรียกดีไหมครับ พวกผมคงไม่กล้าขึ้นไปรบกวนถ้าช้ากว่านี้ เกรงว่าจะเลยเวลาอาหารเที่ยงนะครับ”
เวลาลู่เป๋าเหยียนอารมณ์ไม่ดีค่อนข้างน่ากลัวแตู่เี่อันเคยัักับความน่ากลัวนั้นมาแล้ว เธอพยักหน้าและวิ่งขึ้นชั้นบนไป
ประตูห้องของเขายังคงปิดสนิทูเี่อันยกมือเคาะประตูสองที
“ลู่เป๋าเหยียน”
“...”ไร้ปฏิกิริยาตอบรับใดๆ
เธอลองเคาะอีกสองที
“ลู่เป๋าเหยียน?”
เธอลองเคาะอีกหลายทีแต่ลู่เป๋าเหยียนก็ยังไม่ตอบ ูเี่อันนึกขึ้นได้ว่าเขาเป็โรคกระเพาะ
เขากินข้าวไม่ตรงเวลาหรือว่าอาการจะกำเริบ?
แค่คิดไปถึงภาพตอนที่เขาป่วยูเี่อันก็เริ่มกังวล เธอวิ่งไปหาลุงสวีเพื่อขอกุญแจสำรองหลังจากเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นเขากำลังนอนอยู่บนเตียง
“ลู่เป๋าเหยียน!”
เธอรีบวิ่งเข้าไปแขนเรียวยาวของลู่เป๋าเหยียนก่ายอยู่บนหน้าผาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ปิดคิ้วของเขาที่กำลังขมวดยุ่งเอาไว้ไม่มิด
“ลู่เป๋าเหยียนนายไม่สบายงั้นเหรอ?” เธอเขย่าตัวเขาพลางถาม “ไม่สบายตรงไหน หรือว่าปวดกระเพาะอีกแล้ว?”
คิ้วของเขาขมวดยุ่งมากขึ้นไปอีกูเี่อันยิ่งมั่นใจในความความคิดของตัวเอง แต่ในขณะที่คิดจะพาเข้าไปโรงพยาบาลมือของลู่เป๋าเหยียนก็จับเข้าที่ท้ายทอย และดึงเธอให้ขึ้นมานอนบนเตียง
แต่สุดท้ายเธอก็ได้แต่คุกเข่าโดยที่ท่อนบนซบอยู่บนตัวเขา เธอรู้สึกได้ถึงหัวใจของเขาที่กำลังเต้นเป็จังหวะ
“เงียบหน่อย”เสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “เธอหนวกหูเป็บ้า”
ูเี่อันยังคงติดใจอยู่เื่เดิม
“นายไม่สบายหรือเปล่า”
ลู่เป๋าเหยียนลืมตาและได้เห็นสายตากังวลของปีศาจน้อยข้างกาย เขาถอนหายใจ
“ฉันไม่เป็ไรเมื่อกี้ก็แค่หลับไป”
ูเี่อันนิ่งงัน“สรุปคือ ฉันเป็คนทำเสียงดังจนนายตื่นงั้นเหรอ”
“ไม่งั้นจะใครล่ะ”
ูเี่อันหน้าเสียเธอเอามือของเขาออกจากท้ายทอย
“เอ่องั้นนายคิดซะว่าฉันไม่ได้มาที่นี่แล้วกันนะ...”
พูดจบเธอก็ตั้งท่าจะวิ่งหนี
แต่ลู่เป๋าเหยียนมีเหรอจะปล่อยเธอไปง่ายๆเขารั้งตัวเธอให้เข้ามาใกล้
“เธอเรียกฉันทำไม”
“เรียกให้กินข้าวไง”ูเี่อันตอบ “ฉันทำไก่น้ำแดงกับปลานึ่งเอาไว้ นายจะตื่นไปกินไหม”
ลู่เป๋าเหยียนมองูเี่อันนิ่งพลางคิดว่าที่ปีศาจน้อยดีกับเขาขนาดนี้ตนมองผิดไปหรือเปล่า
แตู่เี่อันที่เห็นดังนั้นกลับคิดว่าเขากำลังลังเลเธอเบ้ปากเล็กน้อย
“ไม่กินก็ช่างฉันลงไปกินแล้วนะ อ้อใช่ นายคงอิ่มความหึงไปแล้วล่ะสิ”
สายตาของลู่เป๋าเหยียนเย็นเยียบขึ้นอีกครั้งตามคาดูเี่อันเห็นท่าไม่ดี จึงคิดจะวิ่งหนีไป แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับจับตัวเธอลากขึ้นเตียงและคร่อมทับไว้
ูเี่อันเบิกตากว้างอย่างใพลางดิ้น
“ลู่เป๋าเหยียนปล่อยฉันนะ!”
เธอตีไหล่กว้างของเขาอย่างประท้วงแต่เขากลับไม่สะทกสะท้านสักนิด
“เมื่อกี้เพราะอยู่โรงพยาบาลเธอเลยไม่ยอมแต่ตอนนี้เราอยู่ที่บ้าน แล้วมีเหตุผลอะไรอีกที่จะให้ฉันปล่อยเธอ”
ูเี่อันยังคงดิ้นอย่างขัดขืน“ไม่ได้นะ พวกเรา...”
ลู่เป๋าเหยียนรู้ดีว่าเธอจะพูดอะไรคงไม่พ้นเื่ที่พวกเขาไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ แต่เื่นี้มันเก่าไปแล้วเขาไม่อยากได้ยินมันอีก
เพราะฉะนั้นการปิดปากเธอซะคงเป็วิธีที่ดีที่สุด
เขาจูบเธออย่างเอาแต่ใจยิ่งกว่าเมื่อตอนอยู่ดรงโรงพยาบาลเสียอีกหลังประกบปากลงมาเขาก็บังคับให้เธออ้าปาก และแลกลิ้นกับเธออย่างดูดดื่มูเี่อันรู้ตัวว่าตนคงหนีไม่รอดแล้ว จึงตั้งใจจะกัดเขาแต่ยังไม่ทันได้ทำตามที่คิด เสียงของเขาก็ดังขึ้น
“ถ้าเธอกล้าก็ลองกัดฉันดูสิ!”
ูเี่อันมองสายตาอันตรายของเขาแล้วจึงล้มเลิกความตั้งใจ พลางบ่น
“คนลามก!”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มบาง“ต้องโทษเธอ”
ไม่รอใหู้เี่อันเข้าใจคำพูดเมื่อครู่เขาก็กลับไปเรียวปากงามของเธออีกครั้ง และจูบอย่างหนักหน่วง
จุมพิตร้อนแรงของเขาราวกับจะกลืนกินูเี่อันเข้าไปการดิ้นและขัดขืนของเธอไม่ได้ช่วยอะไรแถมสิ่งที่ได้กลับมามีเพียงการกระทำที่เอาแต่ใจยิ่งกว่าเดิมของเขา
จนกระทั่งเธอเริ่มหอบเพราะหายใจไม่ทันลู่เป๋าเหยียนจึงยอมผละริมฝีปากออก แต่ตัวเขายังคงคร่อมทับเธอไม่ยอมขยับไปไหน
“ฉันหึงจนอิ่มจริงๆ”เขาพูดพลางยิ้มเล็กน้อย “แต่ฉันหวังว่าครั้งหน้าเธอคงไม่ป้อนความหึงให้ฉันกินจนอิ่มแบบนี้อีก”
ูเี่อันถามอย่างเคืองๆ“งั้นฉันต้องป้อนนายด้วยอะไร?”
“แน่นอนว่าควรป้อนด้วย...ตัวเธอ”
