หอหลางฮ้วนมีประวัติเก่าแก่ยาวนาน ตำรากองพะเนินเป็ูเา
ละวางชื่อเสียงเงินทองลง หาเวลาว่างพักผ่อนหย่อนใจ
……
จั๋วอวิ๋นเซียนมองคำขวัญที่ตั้งอยู่สองฝั่งหอตำรา กลิ่นหนังสือตลบอบอวล ทำให้จิตใจของเขารู้สึกสงบนิ่ง
ในตำนานโบราณกล่าวว่า ‘หลางฮ้วน’ หมายถึงขุมทรัพย์แห่งเซียน มันคือสถานที่เก็บตำราทั่วหล้าในสมัยโบราณ และคำพูดสี่ประโยคในหอตำรานี้เป็สมบัติอักษรที่เ้าหอรุ่นแรกทิ้งเอาไว้ให้ ผ่านไปพันปีก็มิแตกสลาย จึงดูเก่าแก่คร่ำครึ
ก่อนยุคสมัยเซียนโบราณ ผู้บำเพ็ญเซียนถูกเรียกขานว่าผู้บำเพ็ญวิธี เพราะวิทยายุทธ์กับวิชาลับในการบำเพ็ญเซียนมากมายล้วนรู้แจ้งมาจากในตำราโบราณ มีสำนักนิกายไม่น้อยที่เก็บตำรามากมายเอาไว้เพื่อเป็รากฐานการสืบทอดของสำนักตัวเอง
น่าเสียดายที่กาลเวลาแปรเปลี่ยน วิถีเซียนตกต่ำ...หลังจากยุคสมัยเซียนโบราณแล้ว พลังฟ้าดินอ่อนแอลง การบำเพ็ญวิถีเดินไปยังอีกเส้นทางหนึ่ง ผู้บำเพ็ญเซียนส่วนมากล้วนปรารถนาที่จะได้ไล่ตามพลังระดับสูงยิ่งขึ้น มีน้อยคนที่สนใจการฝึกฝนจิตใจ
ส่วนตำราในสมัยก่อนยุคโบราณต่างกลายเป็เศษซากไปแล้ว มีเพียงบัณฑิตเก่าแก่ถึงจะมองตำราเป็สมบัติล้ำค่า เก็บรักษามันเอาไว้และศึกษามัน
แน่นอนว่ามีผู้แข็งแกร่งที่มีจิตใจสูงส่ง บางครั้งถึงจะมาอ่านตำราม้วนสองม้วนเพื่อพัฒนาตัวเอง แต่หากจะให้พวกเขานั่งอ่านตำราโบราณทั้งวันทั้งคืน เกรงว่าพวกเขาคงตาลายเสียก่อน
……
‘หอตำราหลางฮ้วน’ มีสองชั้น น่าจะนับว่าเป็สิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดของเกาะสามเซียนแล้ว ตอนที่ยังสร้างเมืองไม่เสร็จก็มีหอตำรานี้อยู่แล้ว มันเป็สิ่งก่อสร้างที่เป็พยานให้ความรุ่งโรจน์และการพัฒนาของเกาะสามเซียน
ความจริงแล้วเ้าหอรุ่นแรกสร้างหอตำราหลางฮ้วนด้วยเจตนาดี ทะเลล่วนซิงเกิดการสังหารบ่อยครั้ง มีผู้บำเพ็ญเซียนไม่น้อยที่หลงลืมจิตใจเดิม หากศิษย์ของเกาะสามเซียนอ่านหนังสือให้มากขึ้น พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เส้นทางวิถีเซียนจะต้องก้าวหน้าอย่างรวดเร็วแน่นอน
แต่น่าเสียดาย เพราะความวุ่นวายหลายต่อหลายครั้งในทะเลล่วนซิง ชาวเกาะสามเซียนจึงค่อยๆ มีนิสัยชอบเอาชนะและชอบใช้กำลัง โดยเฉพาะเ้าเกาะสามเซียนรุ่นปัจจุบัน แต่ละคนล้วนมีนิสัยโเี้อำมหิต
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หอตำราหลางฮ้วนจึงกลายเป็เพียงสิ่งก่อสร้าง หากมิใช่เพราะความหมายเชิงสัญลักษณ์ของที่นี่ไม่ธรรมดาและเป็หน้าเป็ตาของเกาะสามเซียน เกรงว่าคงถูกย้ายออกไปนอกเมืองนานแล้ว
จากที่จั๋วอวิ๋นเซียนรู้ เ้าหอหลางฮ้วนคนล่าสุดก็ผ่านไปห้าสิบกว่าปีแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดรับตำแหน่งอีก คนที่อยากเป็เ้าหอก็ไม่มีคุณสมบัติ คนที่มีคุณสมบัติก็ไม่ยอมรับตำแหน่ง แม้แต่คนเฝ้ายามก็ยังไม่มีสักคน
ดังนั้นเมื่อจั๋วอวิ๋นเซียนพูดถึงหอหลางฮ้วน เ้าเมืองหวู่อันถงจึงตอบรับอย่างง่ายดาย ประการหนึ่งก็เพื่อทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนติดหนี้บุญคุณ ส่วนอีกประการหนึ่งก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของจั๋วอวิ๋นเซียนที่มีต่อเกาะสามเซียน ยังมีอีกสาเหตุก็คือหากมีคนมาจัดการดูแลหอหลางฮ้วน เขาก็จะลดเื่ยุ่งยากไปได้ไม่น้อย เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
……
“พี่ใหญ่จั๋ว ที่นี่มีหนังสือเยอะมากเลย!”
เสี่ยวจิ่วเข็นจั๋วอวิ๋นเซียนวนรอบหอตำราหนึ่งรอบ บนชั้นวางหนังสือที่นี่มีฝุ่นเกาะเต็มไปหมด ดูท่าคงไม่มีใครมาดูแลที่นี่นานมากแล้ว
“น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีคนชอบอ่าน”
จั๋วอวิ๋นเซียนส่ายศีรษะด้วยความเสียดาย เขาหยิบตำราเก่าแก่ออกมาเปิดอ่าน ในนั้นไม่มีวิทยายุทธ์ ไม่มีวิชาลับ เป็เพียงตำราเก่าแก่ บันทึกศาสตร์วิชาต่างๆ กับตำนานมหัศจรรย์
ถึงแม้จะเป็เช่นนี้จั๋วอวิ๋นเซียนก็สนใจเนื้อหาในหนังสือมาก โดยเฉพาะตำราโบราณ มีเยอะแยะมากกว่าตำราในสถาบันวิถีเซียนมาก ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เปิดโลก
ตำราดี! เป็ตำราดีทั้งนั้นเลย!
จั๋วอวิ๋นเซียนถอนหายใจด้วยความชื่นชม เขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา
ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป เขาจะได้อ่านหนังสือตำรา ฝึกเขียนอักษร เข้าฌานทำสมาธิ ที่นี่จะเป็สถานที่พักอาศัยของเขา
……
สามวันผ่านไปหอตำราหลางฮ้วนสะอาดเหมือนใหม่
หน้าต่างเปิดออก แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในหอตำรา ทำให้ดูสะอาดสะอ้านยิ่งขึ้น
ผ่านไปไม่นานในหอตำรามีเสียงอ่านหนังสือของเสี่ยวจิ่วกับเสี่ยวเนี่ยน ถึงแม้จะติดๆ ขัดๆ ไปบ้างแต่ก็ตั้งใจกันมาก
นี่คือเงื่อนไขของจั๋วอวิ๋นเซียน เด็กสองคนนี้ต้องอ่านหนังสือวันละหนึ่งชั่วยาม ฝึกคัดอักษรอีกหนึ่งชั่วยาม เสี่ยวเนี่ยนอายุยังน้อยไม่รู้จักตัวหนังสือจึงให้ฉินตงหวู่เป็คนสอนอ่าน
จากคำกล่าวของจั๋วอวิ๋นเซียน การอ่านหนังสือมิอาจเพิ่มพลังให้ตัวเองได้ แต่กลับสามารถเรียนรู้สติปัญญาของผู้ยิ่งใหญ่สมัยโบราณได้ เพื่อพัฒนาสติปัญญา เพื่อบ่มเพาะนิสัย ทำให้เมื่อเผชิญหน้ากับความยากลำบากหรือแรงกดดัน จะยังคงสามารถรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้ มีพลังจิตที่กว้างขวาง
สำหรับเื่นี้ฉินตงหวู่ทำได้เพียงยอมรับด้วยรอยยิ้มขมขื่น นางสงสารตัวเองที่มีอายุมากขนาดนี้แล้ว ยังต้องมาอ่านหนังสือกับเด็กๆ หากมิใช่เพื่อบุตรสาวของตัวเอง นางไม่มีทางอดทนเช่นนี้แน่
ทว่าพอลองทำดูแล้ว นางอ่านหนังสือกับบุตรสาวมาหลายวัน ฉินตงหวู่พบว่าจิตใจของนางสงบลงมาก ความรู้สึกร้อนรนและความกังวลก่อนหน้านี้หายไปจนหมด ตอนนี้นางเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดจั๋วอวิ๋นเซียนที่มีอายุน้อยถึงได้สุขุมเช่นนี้ เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายทำเื่อะไรล้วนมีความตั้งใจมาก โดยเฉพาะตอนอ่านหนังสือและเขียนอักษร ตัวของเขาจะกระจายกลิ่นอายบางอย่างออกมา เป็กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่และสง่างาม
……
“พี่ฉิน เื่ที่ข้าให้ท่านไปสืบ มีข่าวอะไรหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำถามของจั๋วอวิ๋นเซียน ฉินตงหวู่ที่กำลังจัดหนังสือก็หยุดมือลงทันที
จากนั้นฉินตงหวู่เข็นจั๋วอวิ๋นเซียนมาที่ริมหน้าต่างพลางตอบกลับว่า “มีเรือที่ไปกลับท่าเรือหลงหยาไม่น้อย แต่กลุ่มการค้าของต้าถังกลับมีไม่มาก ยิ่งไปกว่านั้นคนที่รู้เื่ของท่านผู้นั้นมีน้อยมาก จึงยากจะสืบอย่างลึกซึ้ง เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยของผู้อื่น”
เหตุการณ์ของตระกูลจั๋ว ถึงแม้เื่นี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายตรงชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับราชวงศ์ต้าถังแล้วกลับเล็กจนไม่มีค่าให้พูดถึง จึงมิใช่เื่ที่ทุกคนรู้ สำหรับข่าวของจั๋วฟู่ไห่ถูกราชวงศ์ปกปิดเอาไว้ คนธรรมดาไม่กล้าสืบค้นกันง่ายๆ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า “พี่ฉินคิดว่าบนแผ่นดินเซียนฉยงแห่งนี้ ข่าวของผู้ใดที่รวดเร็วที่สุด?”
“นายน้อยกำลังจะบอกว่า...หอเหนือฟ้าหรือ?”
ฉินตงหวู่กล่าวด้วยตาที่เป็ประกาย ทว่านางเริ่มขมวดคิ้วอีกครั้ง
‘หอเหนือฟ้า’ มีภูมิหลังลึกลับ แต่มีอำนาจยิ่งใหญ่ แทบจะทั่วทุกทวีป ทั่วทุกเมืองของแผ่นดินเซียนฉยงล้วนมีเงาของหอเหนือฟ้าอยู่ บ้างอยู่ที่แจ้ง บ้างอยู่ที่ลับ มีอยู่ทั่วทุกพื้นที่
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้า “ถึงแม้เกาะสามเซียนจะอยู่นอกทะเล แต่พวกเรามีความก้าวหน้าไม่เลวนัก ด้วยฝีมือของหอเหนือฟ้าน่าจะมีคนอยู่ที่นี่ด้วย ถึงแม้พวกเราจะติดต่อเขามิได้ แต่เชื่อว่าท่านเ้าเมืองหวู่ทำได้แน่...รบกวนพี่ฉินช่วยไปที่จวนเ้าเมืองให้ข้าด้วย”
“ให้ท่านเ้าเมืองช่วยหรือ แต่...”
“ไม่เป็ไร ในฐานะที่เป็บุตรและน้องชาย ข้าเพียงแค่เป็ห่วงสถานการณ์ของบิดากับพี่สาว นี่มิใช่เื่ปกติหรอกหรือ? มิใช่เื่เลวร้ายอะไรเสียหน่อย ท่านเ้าเมืองหวู่ไม่มีทางปฏิเสธแน่”
“ดี ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
ฉินตงหวู่มิได้พูดมากความ เพียงตอบรับแล้วจากไปทันที นางรู้ว่าเื่นี้สำคัญกับจั๋วอวิ๋นเซียนมากเพียงใด
“ท่านพ่อ...พี่หญิง...”
จั๋วอวิ๋นเซียนวางตำราในมือ เขาเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
เขากังวลเื่บิดากับพี่สาวของเขา เพียงแต่ตอนนี้เขายังกลับไปไม่ได้ ศัตรูของเขาไม่เพียงมีพลังแข็งแกร่ง ยังมีอำนาจยิ่งใหญ่ มิใช่คนที่เขาจะสามารถต่อกรได้
ยิ่งรีบร้อนก็ยิ่งต้องใจเย็น
ตอนนี้จั๋วอวิ๋นเซียนอยู่ในสถานที่อันตรายนัก หากก้าวผิดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะก้าวพลาดโดยไม่สามารถหันหลังกลับได้อีก
