เช้าวันรุ่งขึ้น ซีมู่เซียงหยิบป่านที่ม้วนเรียบร้อยแล้วมาจากบ้าน
เสื้อผ้าของเซวียเสี่ยวหรั่นกับเหลียนเซวียนตัดเย็บเสร็จเรียบร้อย
ส่วนกระเป๋าสะพายหลังสีเทาเข้มสามใบ เมื่อวานนี้นางกับอูหลันฮวาก็ใช้เวลาตัดเย็บทั้งวัน เหลือกระดุมไม้ยังไม่ได้เหลา จึงยังไม่ได้เย็บเข้าไป
หลังจากเซวียเสี่ยวหรั่นลองสะพายหลังดูแล้วก็ชมซีมู่เซียงเป็การใหญ่
กระเป๋าสะพายหลังสามใบ หนึ่งใบใหญ่ สองใบเล็ก ใส่อาภรณ์ฤดูร้อนสามชุดยังมีที่ว่างเหลือเฟือ
ส่วนบนของกระเป๋ามีฝาปิด ใช้แถบผ้าทำเป็เส้นเย็บรังดุม เพียงแค่กลัดเม็ดกระดุมเข้าไป แม้ว่าเป้จะขยับอย่างไรก็ไม่เปิดออกมา
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกพึงพอใจ ผ้าฝ้ายเนื้อหยาบธรรมดาสามารถทำออกมาได้ผลลัพธ์ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว
"น้องมู่เซียง เ้ามีหลานชายกำลังเรียนหนังสืออยู่มิใช่หรือ เย็บกระเป๋าสะพายหลังให้เขาไว้ใส่พู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกสักใบสิ ยามไปสถานศึกษาจะได้สะดวกมากขึ้น"
ซีมู่เซียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "เมื่อวานข้ากลับไปก็ขบคิดเื่นี้อยู่เหมือนกัน ของแปลกใหม่เช่นนี้ อาเสียนสะพายไปสำนักศึกษาเพื่อนร่วมชั้นจะต้องริษยาอย่างแน่นอน"
ซีมู่เซียงเข้าใจว่ากระเป๋าสะพายหลังแบบนี้เป็ของที่ใช้ทั่วไปในแคว้นฉี
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะ ไม่อธิบายให้มากความ แล้วเริ่มสอนให้นางถักไหมพรม
อูหลันฮวายุ่งอยู่กับการตัดเย็บกระโปรงของตนเอง แต่เนื่องจากไม่เคยเห็นที่ไหนถักเส้นไหมให้กลายเป็เสื้อผ้าเช่นนี้มาก่อน อูหลันฮวาจึงคอยเหลือบมองพวกนางเป็พักๆ
"เกี่ยวขึ้นมาแบบนี้ อย่าปล่อยมือ ยามเข็มถักสอดผ่านเข้าไปแล้ว ก็อย่าดึงให้แน่นหรือหลวมเกินไป มิเช่นนั้นผ้าที่ถักออกมาก็จะไม่เรียบเสมอกัน"
เซวียเสี่ยวหรั่นทำตัวอย่างให้ดูก่อน ซีมู่เซียงก็ดูอย่างตั้งใจเป็พิเศษ
ไม่ใช่เื่ยากสำหรับสตรีที่มีพร์ที่จะเรียนรู้การถักไหมพรม ไม่ช้าซีมู่เซียงก็เข้าใจวิธีการถักนิตติ้งแบบลูกฟูกเล็กได้
"อันที่จริงการถักเสื้อผ้ามีวิธีถักหลายแบบ แต่ข้าจำไม่ค่อยได้แล้ว ต่อไปน้องมู่เซียงเริ่มคล่องมือแล้วก็สามารถศึกษาวิธีการถักแบบอื่นเองได้ ข้าทำเป็แต่แบบลูกฟูกเล็ก ก้นหอย ขึ้นเข็มบน ลงเข็มล่างทำนองนี้"
"แค่ต้าเหนียงจื่อรู้สิ่งเหล่านี้ก็นับว่าเก่งกาจมากแล้ว" มือของซีมู่เซียงเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ไม่มีหยุดนิ่ง
ครอบครัวของต้าเหนียงจื่อจะออกเดินทางสิ้นเดือนนี้แล้ว นางต้องฉวยโอกาส่นี้เรียนรู้วิธีการถักไหมพรมอย่างเต็มที่ มิเช่นนั้นต่อไปจะหาคนที่มีความรู้เื่เหล่านี้จากที่ไหนได้อีก
อูหลันฮวาเย็บชุดไปพลางก็หันมามองว่าซีมู่เซียงถักไหมพรมอย่างไร ยังส่งผลให้ฝีเข็มของตนเองซึ่งไม่ค่อยชำนาญอยู่แล้วยิ่งไม่เสมอกัน
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะลั่น "หลันฮวา เ้าเย็บของตนเองให้เสร็จก่อน ถ้าอยากจะเรียนต่อไปข้าจะสอนให้"
อูหลันฮวาหัวเราะแหะๆ "อันที่จริงข้าก็ไม่ได้อยากเรียนมากขนาดนั้นหรอกเ้าค่ะ แค่เห็นว่ามันแปลกดี"
งานประณีตแบบนี้นางคงทำได้ไม่ดี มือของนางทั้งหยาบและหยาบกระด้างเกินไป นางไม่กล้าแตะต้องวัสดุที่อ่อนนุ่มเพราะกลัวว่าหากไม่ระวังจะเกี่ยวเอาด้ายหลุดออกมา
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้ม ปล่อยให้พวกนางทำงานเย็บปักในห้องโถงกันไป ส่วนตนเองก็ออกมาข้างนอก
เธอมีชุดบังทรงและกางเกงตัวในสองชุดแล้ว ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบทำเพิ่ม
เหลียนเซวียนนั่งอยู่หน้าระเบียง กำลังช่วยเธอเหลาไม้ทำกระดุมติดกระเป๋าสะพายหลัง
เซวียเสี่ยวหรั่นคิดแล้วก็เดินเข้าไปหา
"เหลียนเซวียน วันนี้วันที่ยี่สิบเดือนสามแล้ว พวกเราจะออกเดินทางวันไหน ท่านคิดไว้หรือยัง"
เหลียนเซวียนเงยหน้าขึ้นมองไปด้านหน้า แล้วตอบอย่างช้าๆ ว่า "เดินทางวันที่ยี่สิบเก้าก็แล้วกัน"
"ทำไมล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นเอ่ยถาม "มีอะไรสำคัญหรือเปล่า"
เหลียนเซวียนหันมาที่นาง มุมปากถักทอเป็รอยยิ้มบางๆ "ไม่มีอะไรสำคัญ"
แค่วันที่ยี่สิบแปดเป็วันเกิดเขาเท่านั้นเอง
ยามนี้เมื่อปีก่อน เขาชนะศึกใหญ่กลับมา บรรดาขุนนางและผู้สูงศักดิ์ทั่วเมืองหลวงต่างมาอวยพรวันเกิดให้เขาอย่างครึกครื้น แต่ใครจะคิดว่าเพียงไม่กี่วันผ่านไป ตัวเขาซึ่งกำลังเฟื่องฟูสุดขีดกลับหายตัวไปจากสายตาผู้คนอย่างไร้เบาะแสเป็เวลาหนึ่งปีเต็ม
เหลียนเซวียนหลุบตาลงเหลากระดุมในมือต่อ เพื่อซ่อนเร้นมุมปากที่ฉายแววเยาะหยันตนเอง
เซวียเสี่ยวหรั่นจ้องตาปริบๆ มักรู้สึกว่าในถ้อยคำของเขามีความอ้างว้างและรันทดใจแฝงเร้นอยู่
เธอจดจ้องเขาอยู่นาน ใบหน้าก็ยังคงเป็ใบหน้าเดิม แผลเป็อ่อนจางแต่ยังคงมองเห็นอยู่ หนวดเครารุงรังก็ยังรุงรังอยู่อย่างนั้น มีแต่รอยยิ้มบนมุมปากที่ดูทะแม่งๆ
"เหลียนเซวียน ท่านไม่เป็อะไรกระมัง" เซวียเสี่ยวหรั่นถามอย่างระมัดระวัง
มือของเหลียนเซวียนชะงักไปครู่หนึ่ง พรูลมหายใจเบาๆ ก่อนเงยหน้ายิ้มมองมา "ข้าไม่เป็ไร"
รอยยิ้มก็ดูเป็ปรกติดี เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก
ออกเดินทางวันที่ยี่สิบเก้า มีเวลาอีกเก้าวัน เธอต้องคิดว่าจะเตรียมการอะไรบ้าง
ต้องจ้างรถม้าคันใหญ่หน่อยหนึ่งคัน เพราะพวกเขาคนเยอะ
ต้องเตรียมอาหารแห้งไป ระหว่างเดินทาง อาหารและที่พักอาจไม่สะดวกมากนัก
ต้องเก็บของมีราคาอย่างดี เพราะนี่คือทุนรอนในการตั้งตัวของเธอ
ขณะที่เซวียเสี่ยวหรั่นกำลังนับรายการของอยู่ อาเหลยก็โผล่เข้ามา
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นขนของมันชี้ฟูและยุ่งเหยิง ก็นึกขึ้นได้ถึงเื่ที่อยากทำั้แ่เมื่อวาน
"อาเหลย อย่าวิ่งแล้ว เมื่อวานเหนื่อยไปหน่อย ลืมอาบน้ำให้เ้าเสียสนิท"
เซวียเสี่ยวหรั่นเรียกมันแล้วจูงเข้าไปในห้องครัว
อาเหลยไม่รู้อะไร แต่ก็ยอมตามเข้าไปแต่โดยดี
น้ำในหม้อบนเตาอุ่นกำลังดี เซวียเสี่ยวหรั่นยกลงมาเทในกะละมังซักผ้า
หลังจากนั้นก็พับแขนเสื้อขึ้น หยิบม้าตั้งเตี้ยมานั่ง แล้วเริ่มวักน้ำสาดใส่ตัวอาเหลย
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยใ ขยับหนีด้วยสัญชาตญาณ
"อาเหลย อย่าขยับสิ ตัวเ้าสกปรกหมดแล้ว ต้องอาบน้ำ" เซวียเสี่ยวหรั่นตบๆ บนตัวของมัน แล้วย่นจมูกโบกมือปัดๆ ทำสีหน้าสะอิดสะเอียน
อาเหลยยังคงใ ดูเหมือนจะสับสนอยู่ แต่ก็ไม่ขยับตัวส่งเดชอีก
เซวียเสี่ยวหรั่นฉวยโอกาสตักน้ำราดลงไปบนตัวมัน รอจนกระทั่งขนเปียกทั่วแล้ว ก็หยิบเซียงอี๋ออกมาหนึ่งชิ้นเล็ก แล้วถูบนตัวของอาเหลย
กลิ่นดอกกุ้ยหอมฟุ้งเป็กลิ่นที่คุ้นเคยเป็อย่างดี อาเหลยจ้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น ยื่นมือมาจะคว้าไว้
"เด็กดีอย่าขยับ อาบสะอาดแล้วกลิ่นจะหอมฟุ้งเลยนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยๆ ปลอบมัน
หลังจากอาบน้ำเสร็จเช็ดขนแห้งแล้ว อาเหลยก็เปลี่ยนเป็ภาพลักษณ์ใหม่
ขนที่เดิมกระเซอะกระเซิง หลังอาบน้ำแล้วก็ฟูนุ่ม ดวงหน้าที่ย่นน้อยๆ แลดูสบายตาขึ้นเป็กอง ขนสีทองบนส่วนกระหม่อมก็ดูสดขึ้นกว่าเดิม
ซีมู่เซียงกับฮูหลันฮวาเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง เอ่ยปากชมเชยไม่หยุด
อาเหลยรู้สึกสบายเนื้อสบายตัว วิ่งแล่นไปทั่วอย่างสดใสร่าเริง
่บ่ายหลังกินมื้อเที่ยงเสร็จ เซวียเสี่ยวหรั่นก็นั่งลับมีดอยู่หน้าประตูห้องครัว ตัดสินใจว่าจะเอามีดหั่นผัก หม้อต้มน้ำแกง กระปุกเกลือ และกระปุกน้ำมันไปด้วย
่เวลาที่อยู่ในป่าสอนเธอให้รู้ว่าการไม่มีมีดกับหม้อทำอาหารต้องลำบากยากเข็ญเพียงใด
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยปีนจากรั้วเข้ามา
"อาเหลย เ้าเพิ่งออกไปมิใช่หรือ เหตุใดกลับมาเร็วนักล่ะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นลูบหัวมัน ลิงน้อยอาบน้ำแล้วลูบสบายมือขึ้นเยอะ
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยจูงมือเธอ แล้วชี้ไปข้างนอก
เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งไปชั่วขณะ ลุกขึ้นมองไปตามทางที่มันชี้
หลังรั้วมีเงาร่างผอมเล็กยืนลับๆ ล่อๆ อยู่
นั่นคือเด็กชายตัวผอมซึ่งเคยเล่นกับอาเหลยที่หลังเขา
พอเห็นหญิงสาวมองมา เด็กชายก็รีบหลบไปด้านหลังด้วยสัญชาตญาณ
เซวียเสี่ยวหรั่นทำตาปริบๆ เด็กคนนั้นมาหาเธอหรือว่าใคร?
พอเซวียเสี่ยวหรั่นเดินไปที่รั้ว เด็กชายคนนั้นกลับถอยไปหลบหลังต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไปอีกหน่อย
