อรุณรุ่งต้นสารทฤดู แสงตะวันกล้าแต่อบอุ่นลอดผ่านชั้นเมฆ สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องให้ไออุ่นต่อสรรพสิ่งบนธรณีกว้าง ทั้งส่องสว่างให้หัวใจของหลิ่วจิ้ง
เป็วันใหม่อีกวันแล้ว เมื่อััถึงความอบอุ่นจากแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาหลิ่วจิ้งรู้สึกว่านางกระปรี้กระเปร่าไปทั้งตัว
“ฮูหยินได้ยินหรือยังเ้าคะ ว่าเมื่อเช้านี้ทางเรือนฮูหยินใหญ่เกิดเื่ใด”
ขณะอวี้จิ่นไปเตรียมอาหารเช้า อิ๋งเหอก็เปิดม่านเดินเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำร้อนพลันเอ่ยขึ้นมาด้วยอดใจรอไม่ไหว
หลิ่วจิ้งยกมือขึ้นบิดี้เีต่อหน้าอิ๋งเหอโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์อันงดงามแม้แต่น้อยหลังจากให้อิ๋งเหอช่วยนางล้างหน้าและล้างเนื้อล้างตัวอย่างง่ายๆ เสร็จแล้วนางก็ยิ้มอย่างมีนัยยะ “อิ๋งเหอ รีบช่วยข้าแปรงผมแต่งหน้าฮูหยินใหญ่จะต้องเสียใจแย่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรคนเป็ฮูหยินแม่ทัพเช่นข้าก็ต้องไปปลอบโยนสักหน่อยเป็ดี”
อิ๋งเหอช่วยหลิ่วจิ้งแต่งตัวอย่างคล่องแคล่วหลังจากหลิ่วจิ้งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ท่าทีเกียจคร้านเมื่อครู่ก็ไม่หลงเหลืออยู่แล้วทั้งตัวเต็มไปด้วยพลังชีวิตดั่งเทพเซียนที่ลงมายังโลกมนุษย์เช่นนั้น
กระโปรงยาวหลัวฉวินผ้าพริ้วเป็ระบายสีขาวแซมเขียวอ่อนบนกระโปรงมีดอกมู่ตานแต่งแต้มอยู่หลายดอก เสื้อชั้นนอกเป็เสื้อแพรบางปักฉลุลาย เพียงปักปิ่นอุบะฝังอัญมณีสีเขียวอ่อนด้ามหนึ่งอย่างง่ายๆไว้บนศีรษะ เรียบง่ายหากไม่ขาดความงามล้ำเลิศ
หลิ่วจิ้งแต่งกายอย่างเรียบๆโดยมีอิ๋งเหอประคองเดินไปยังเรือนเฉินจื่อ
“ฮูหยินเ้าคะ ท่านไม่รับอาหารเช้า ทั้งยังสวมเสื้อผ้าง่ายๆไปที่เรือนฮูหยินใหญ่ จะไม่ถูกนางเยาะเอาหรือเ้าคะแต่งกายเสียอย่างกับว่าฮูหยินไม่มีเสื้อผ้าชั้นดีเช่นนั้น”
อิ๋งเหอที่ไม่พอใจเอาแต่บ่นพึมพำไปตลอดทางร่ำไรจนหูหลิ่วจิ้งจะเป็หูดอยู่แล้ว
“เฮ้อ เหตุใดข้าจึงเลือกเ้าตามมาด้วยนะ รู้แต่แรกก็ให้อวี้จิ่นมาแทนดีกว่า”หลิ่วจิ้งกุมขมับ เหตุใดตอนแรกที่คัดเลือกนางมากลับไม่รู้ว่านางมีความสามารถกล่อมให้หลับได้นี้อยู่ด้วยนะ
“ฮูหยินยังมาต่อว่าบ่าวเสียอีก อวี้จิ่นทำให้ท่านดื่มยาได้ตามเวลาหรือเ้าคะนางมีความอดทนเท่าบ่าวหรือเ้าคะ? ก็มิใช่ว่าท่านแม่ทัพเล็งเห็นข้อดีประการนี้ของบ่าวจึงมอบหมายหน้าที่จับตาดูฮูหยินดื่มยาให้บ่าว แต่ไม่มอบให้อวี้จิ่นหรอกหรือเ้าคะ”
พอเอ่ยถึงเื่นี้อิ๋งเหอก็เตรียมจะบ่นขึ้นมาอีกก็ผู้ใดให้ฮูหยินไม่ทานอาหารเช้า แม้แต่ยาก็ไม่ดื่มบอกว่าฮูหยินใหญ่จะต้องเป็ทุกข์หนักบ้าง ต้องรีบไปปลอบนางแต่เช้าบ้างจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกมาทันทีเล่า
ถ้ามิใช่เพราะนางมือเท้าคล่องแคล่วว่องไวป่านนี้ฮูหยินก็คงจะแอบออกมาเพียงลำพังแล้ว
“อิ๋งเหอ เ้าดูดอกเก๊กฮวยพวกนี้สิเบ่งบานงดงามนัก กลับไปอย่าลืมสั่งให้ห้องครัวทำไข่ตุ๋นดอกเก๊กฮวยให้ข้าชามหนึ่ง”
หลิ่วจิ้งรับความภักดีของอิ๋งเหอไว้ด้วยใจแล้วแต่กลับไม่อาจรับเอาไว้ได้ ปากน้อยๆ ของอิ๋งเหอยามเปิดออกก็พูดไม่จบไม่สิ้นนางต้องคิดหาหนทางเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่ายจึงจะได้
แม้นางจ้าวจะไม่เป็ที่รักของท่านแม่ทัพ แต่เพราะนางเป็คนที่ฮูหยินผู้เฒ่าจัดหามามอบให้หั่วอี้ครั้งเขาถึงวัยสวมกว้านบนหัวเรือนเฉินจื่อของนางจึงอยู่ห่างจากหอหั่วเยี่ยนไม่ไกลห่างออกไปเป็ระยะทางเพียงสะพานเก้าโค้งสองแห่งกั้นเท่านั้น
หลิ่วจิ้งมองผ่านความไม่พอใจของอิ๋งเหอ พลางก้มหน้าก้มตามุ่งหน้าไปยังเรือนเฉินจื่อ…
ยามท้องฟ้าสีขาวท้องปลา [1] ที่เป็ลายจุดๆ แต้มๆ ทางทิศตะวันตกถูกแสงสายัณห์รำไรปกคลุมจนทั่วหลิ่วจิ้งก็พาอิ๋งเหอเดินมาถึงหน้าประตูเรือนเฉินจื่อแล้ว
หลิ่วจิ้งเคยมาที่นี่หลายหน แต่เพราะครั้งก่อนๆ มาเพื่อเล่นละคร ย่อมไม่มีแก่ใจชื่นชมทัศนียภาพงดงามใดๆครานี้นางมาเพื่อชมละครจึงอารมณ์ดีไม่เบาตอนนี้ย่อมมีใจคอยสังเกตดูทัศนียภาพภายในเรือนเฉินจื่ออย่างละเอียด
แม้เรือนเฉินจื่อจะเล็ก แต่ก็จัดแต่งอย่างเป็ระเบียบประณีตนักดอกเบญจมาศเต็มสวนประหนึ่งกำลังเบ่งบานต้อนรับผู้มาเยือนเมื่อเข้าประตูมาก็เห็นคนสวนกำลังจัดแต่งดอกไม้อยู่
คนสวนที่ก้มหน้าอยู่ในพุ่มดอกไม้ได้ยินเสียงคนเมื่อเห็นว่าเป็หลิ่วจิ้งมาจึงรีบลุกขึ้น โน้มตัวลงคำนับนาง “คารวะฮูหยินขอรับ”
หลิ่วจิ้งหยุดเดิน “เ้าคือ… เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าไม่คุ้นหน้าเ้าเอาเสียเลย”
ไม่แปลกที่หลิ่วจิ้งจะประหลาดใจเช่นนี้ เพราะั้แ่วันแรกที่นางเข้าจวนมาหั่วอี้ก็ให้พ่อบ้านหวังสั่งให้สาวใช้ เด็กรับใช้บ่าวชราและคนงานทุกคนในจวนแม่ทัพมาคารวะนาง
หลิ่วจิ้งเป็คนที่สามารถจดจำสิ่งที่เคยผ่านตาได้ไม่ลืมบ่าวในจวนที่เคยมาพบนาง แม้จนวันนี้นางอาจเรียกขานชื่อออกมาไม่ได้แต่เคยเห็นมาก่อนหรือไม่นางกลับจำได้เป็อย่างดี
หั่วอี้ให้อำนาจความเป็ฮูหยินแก่นางพ่อบ้านหวังย่อมไม่กล้าเพิกเฉย ขอเพียงเป็บ่าวที่ใช้สอยอยู่เขาล้วนเรียกมาคารวะนางในทันที
ฉะนั้นเมื่อต้องพบเจอกับใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย จะไม่ให้หลิ่วจิ้งเกิดความสงสัยได้อย่างไร
“คารวะฮูหยิน บ่าวมีนามว่าหลานอี้เป็คนสวนที่เพิ่งเข้าจวนมาวานนี้ขอรับ ยังไม่ทันไปคารวะฮูหยิน ขอฮูหยินโปรดอภัยด้วยขอรับ”คงเพราะมองความสงสัยของหลิ่วจิ้งออก หลังจากโค้งตัวคำนับแล้ว หลานอี้ก็แนะนำตนเองต่อหลิ่วจิ้งทันที
คนสวนผู้นี้ไม่ธรรมดา มีความสามารถในการอ่านใจคนที่เฉียบไวยิ่งนัก
หลิ่วจิ้งอาศัยสัญชาตญาณของตน พิจารณาหลานอี้ผู้นี้อยู่ในใจ
หลิ่วจิ้งมองหลานอี้เงียบๆ ไม่หือไม่อือ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ให้เขาแล้วเดินต่อไปในเรือนหลัง
หลานอี้คอยจับตามองจนหลิ่วจิ้งเดินลับตาไปก่อนจะเผยรอยยิ้มแฝงนัยยะบางอย่าง และก้มหน้าตัดหญ้าต่อไป
เมื่อเข้ามาในเรือนหลังก็เป็ห้องนอนของนางจ้าวแล้วหลิ่วจิ้งยังไม่ทันได้ชื่นชมความงามภายในเรือนกลับต้องมาสะดุดเพราะได้ยินเสียงโยนถ้วยชาลงบนพื้นหลายหน
“ข้าเลี้ยงบ่าวไพร่เช่นพวกเ้าไว้มีประโยชน์ใดนอกจากกินแล้วเื่อื่นล้วนไม่รู้ไม่เห็นไปหมด พวกเ้าแต่ละคนหูหนวกกันแล้วหรือหรือว่าตาบอด ไม่มีใครเข้าใจคำที่ข้าพูด มองไม่เห็นความปวดใจของข้าหรือไร?”
หลิ่วจิ้งและอิ๋งเหอหันมาสบตากันสองสามครั้งก่อนก้าวเข้าไปในห้องนอนของนางจ้าวเพิ่งเข้าไปภายในห้อง หลิ่วจิ้งก็แอบเลิกคิ้วเบาๆ ทั้งมีรอยยิ้มเข้าอกเข้าใจ
บนพื้นห้องมีเห็ดหลินจือเืดอกที่นางเคยมอบให้นางจ้าววางอยู่ เพียงแต่เห็ดหลินจือเืที่เดิมทีงดงามดั่งสตรีบัดนี้กลับมีรูพรุนไปหมด กลิ่นหอมน่าพึงใจที่เคยมีก็ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ทว่าเป็กลิ่นของน้ำตาลมาแทนทีและยังมีมดทั้งเล็กใหญ่หลายสีขึ้นเต็มไปหมด
นางจ้าวเอามือซ้ายเท้าสะเอว มือขวากุมท้องเอาไว้กำลังบันดาลโทสะด้วยเื่ที่เห็ดหลินจือเืถูกทำลาย บ่าวทั้งเด็กทั้งแก่ที่รับใช้อยู่ในเรือนเฉินจื่อนั่งคุกเข่าอยู่เต็มห้องไม่เว้นแม้แต่เหมยเซียงทุกคนล้วนตัวหดคุดคู้หมอบอยู่กับพื้น เพราะกลัวกันแทบแย่แล้วนั่นเอง
“อะไรกัน นี่คือ…” หลิ่วจิ้งแอบขมวดคิ้วกลิ่นอับที่มีคนอัดแน่นอยู่ในห้องทำเอานางพะอืดพะอมนัก
“ฮูหยิน เหตุใดวันนี้จึงมีเวลาว่างมาที่เรือนเฉินจื่อของข้าแต่เช้าตรู่เล่าเ้าคะ?”
นางจ้าวเห็นหลิ่วจิ้งมาก็ยกมุมปากขึ้นเป็รอยยิ้มเยาะหยัน“เหมยเซียง เ้ายังจะคุกเข่าอยู่ทำสิ่งใด ไม่เห็นหรือว่าฮูหยินมายังไม่รีบไปชงชาชั้นเลิศเข้ามาให้ฮูหยินอีก”
นางจ้าวพูดพลางใช้เท้าถีบเหมยเซียงที่คุกเข่าอยู่กับพื้น
“เ้าค่ะๆๆ ฮูหยินใหญ่ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ”เหมยเซียงโขกหัวให้นางจ้าวสองครั้งแล้วคลานเข่าไปที่ประตูจึงค่อยลุกขึ้นเปิดม่านเดินออกไป
“อย่าเอาแต่ทำงานวุ่นวายกันอยู่เลย เห็นหรือไม่วานนี้ไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพไปเอาปิ่นอุบะรูปหงส์ประดับอัญมณีสีแดงทั้งด้ามมาจากที่ใดคู่หนึ่งข้าคิดว่านั่นเป็สีที่ฮูหยินใหญ่โปรดปรานที่สุดอีกทั้งข้ารู้สึกว่านอนอยู่บนเตียงต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว จึงนำมามอบให้ฮูหยินใหญ่”
ดวงตาโตเปี่ยมด้วยไหวพริบทั้งคู่ของหลิ่วจิ้งเบิกกว้างขณะพูดจาไปส่งเดชมีเพียงอิ๋งเหอที่ได้ฟังก็เอาแต่กลอกตาขาวอยู่ในใจ
หลิ่วจิ้งยื่นกล่องของขวัญที่บรรจุปิ่นอุบะรูปหงส์ในมืออิ๋งเหอให้นางจ้าวแล้วดึงมือนางจ้าวเข้ามา ประคองไปที่ข้างเตียง ให้อีกฝ่ายนั่งพิงกับหัวนอน
นางมองดอกหญ้าเงาเ้าที่วางอยู่ตรงชั้นหัวเตียงของนางจ้าวโดยไม่แสดงสีหน้าอารมณ์แววตาสั่นไหวอยู่น้อยๆ คล้ายมีความคิดบางอย่าง จากนั้นก็ไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัว
“เกิดเื่ใดขึ้น เป็บ่าวคนใดก่อเื่ให้ฮูหยินใหญ่โมโหเสียแล้ว?” หลิ่วจิ้งมองดูบ่าวที่อยู่กันเต็มห้องแสร้งทำเป็ไม่รู้จึงเอ่ยปากถาม
นางจ้าวเอากล่องในมือวางไว้ข้างๆ ก่อนถอนใจคราหนึ่งทำทีเสียอกเสียใจ “เฮ้อ ฮูหยินเ้าคะ ท่านมาได้จังหวะพอดีเชียว บ่าวที่อยู่กันเต็มห้องนี้ข้าว่าคงจะใช้สอยต่อไปไม่ได้แล้วฮูหยินจัดการให้พวกมันออกไปจากจวนเสียเถิดเ้าค่ะ”
“อย่าเลยเ้าค่ะ ขอฮูหยินใหญ่และฮูหยินโปรดเมตตา บ่าวไม่รู้จริงๆว่าเหตุใดมดจึงมาขึ้นเห็ดหลินจือเืได้”
นางจ้าวเพิ่งเอ่ยปากก็ทำเอาบ่าวที่อยู่เต็มห้องร้องไห้โฮกันขึ้นมา
“อะไรนะที่พวกนางพูดถึงก็คือเห็ดหลินจือเืที่ข้าเคยมอบให้ฮูหยินใหญ่ดอกนั้นน่ะหรืออยู่ดีๆ เหตุใดจึงมีมดขึ้นได้เล่า?”
หลิ่วจิ้งตื่นตะลึง กระทั่งสะดุ้งขึ้นจากเก้าอี้เพราะใอย่างหนัก
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] สีขาวท้องปลา คือ สีพื้นขาวที่แซมด้วยสีชมพูเป็เส้นริ้ว
