“ฟังสิ”
“สามีกล่าวปีที่จะถึงนี้”
“เสื้อเเดงอมยิ้ม”
“ฉันนั้นเห็นสามี”
“หญ้าขึ้นที่หน้าหลุมฝังศพ”
“ดูสิ”
“สองฝ่ายต่างคิด”
“ถอนทิ้ง”
“กลับสู่วัยเยาว์”
“ยากที่จะเหมือนปีศาจ”
“ใครยิ้มทั้งน้ำตา…...”
เพลงร่วมสมัยกึ่งโบราณ แม้ต้นฉบับจะเป็มุมมองของหญิงสาว เเต่กู้หลานอันก็ยังสามารถร้องออกมาเป็บทเพลงในฉบับของเขาได้น้ำเสียงใสสะอาดที่เหมือนผ่านโลกมามากมาย เเฝงไปด้วยกลิ่นอายเเห่งความเก่าเเก่ที่มีความหนักเเน่นเหมือนว่าเขาเองที่เป็คนที่ได้รับคำสัญญาเเต่ไม่สมหวังเป็ผู้หญิงคนนั้นที่ร่วมให้คำมั่น แต่กลับมิอาจทำให้สำเร็จ หากก็ยังเชื่อมั่นว่าต้องมีสักวันที่สัญญาจะเป็จริง
“ภายใต้เเสงแห่งชีวิต”
“สองเสียงร่ำไห้”
“เวลาเร่งให้คนชรา”
“สิบปีผ่านไป”
“ไม่รู้จะรอคอยถึงเมื่อไหร่”
“ถึงจะเจอกันที่สะพานไน่เหอ[1]เพื่อกลับชาติมาเกิดใหม่”
เมื่อร้องจบเพลง กู้หลานอันกลับไม่ลุกขึ้นยืนเพื่อโค้งคำนับพิธีกรยังคงจมอยู่กับบทเพลงพร้อมเช็ดน้ำตา ไม่ได้เร่งเขาเเต่อย่างใดเขายังคงนั่งอยู่อย่างนั้น กัดมือเอาไว้ ไม่ส่งเสียงใดๆ มีเพียงน้ำตาที่หลั่งริน
ขณะที่ร้องเพลงนี้เขาได้เปรียบตนเองให้อยู่ในสถานะของเจาเยี่ย นำความรู้สึกของเขามาร้องออกมาผ่านบทเพลง เมื่อเจาเยี่ยเมาเหล้าจะชอบพูดความจริงชาติที่แล้ว ในขณะที่เขากำลังมึนเมาเพราะเหล้า เขาพูดกับกู้หลานอันว่า “กู้หลานอัน ก่อนหน้าที่เจอนายฉันไม่เคยชอบใครเลย นายเป็คนคนเดียวที่ฉันรัก เพราะฉะนั้นนายอย่าจากฉันไปไหนเลยนะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะต้องโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิตเเน่นอน” ตอนนั้นเขารับปาก เเต่ก็คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายเขาก็จากมา
เมื่อหลุดพ้นจากอารมณ์ความรู้สึกที่ถ่ายทอดจากเพลงนั้นเจาเยี่ยมองคนที่อยู่บนเวที ที่ร้องไห้ไม่หยุดโดยไม่สนภาพลักษณ์แล้วขมวดคิ้วคนที่อายุน้อยขนาดนี้ ทำไมถึงได้มีความรู้สึกซับซ้อนขนาดนี้ทำไมถึงได้ร้องไห้เพราะเพลงๆหนึ่งได้ถึงขนาดนี้ ไม่รู้ทำไมถึงหักห้ามใจไว้ไม่อยู่ พูดเตือนขึ้นด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “การเเสดงจบเเล้ว นายลุกขึ้นเถอะ”
ได้ยินเสียงของเจาเยี่ยกู้หลานอันเงยหน้าขึ้นอย่างงงงวย สติคืนกลับมา รีบลุกขึ้น โค้งคำนับ ก่อนจะเช็ดน้ำตาพลางขอโทษ “ต้องขอโทษด้วยจริงๆเมื่อกี้เข้าถึงอารมณ์มากเกินไปหน่อย”
เสียงของเจาเยี่ยที่พูดดังไปพร้อมๆกับเสียงด้านล่างเวทีที่มีเสียงปรบมือกึกก้องมองเเขกผู้มีเกียรติเเถวหน้าสุดที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา และสายตาชื่นชมของกรรมการกู้หลานอันรู้ในทันทีว่า เขาทำสำเร็จเเล้ว พิธีกรเดินขึ้นเวทีท่ามกลางเสียงปรบมืออีกทั้งยังเป็ตัวแทนเหล่าผู้ชมร่วมปรบมือให้กับเขา “ดำดิ่งในเพลงเป็เื่ที่ดีมันบอกได้ว่าเขาใช้ใจร้องเพลงจริงๆ”
พูดจบก็หัวเราะ “ในเมื่อผู้เข้าเเข่งขันทุ่มเทขนาดนี้ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็ให้คะเเนนกับเขาดีๆเเล้วกันนะคะ นับถอยหลัง 5 วินาทีต่อจากนี้ จะเริ่มการให้คะแนนค่ะ”
“5,4,3,2,1…...เริ่ม”
การให้คะเเนนจบเเล้วกู้หลานอันไปยังสถานที่รับรางวัล ฟู่ซีตามมาทีหลัง พวกเขาอยู่กันคนละที่กู้หลานอันไม่สามารถเห็นว่าเขาเป็อย่างไร เเต่คิดดูแล้วคงไม่ดีเท่าไหร่จะว่าไปเเล้วเขาในตอนนี้ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าฟู่ซีจะมีท่าทีอย่างไร คนที่เขาสนใจมีเพียงเจาเยี่ย เมื่อผ่านบทเพลงเมื่อซักครู่มาได้ยินเสียงเตือนของเขา ตอนนี้คิดเเค่อยากไปใกล้ชิดกับเขาไวๆ อยู่กันอย่างมีความสุขอยู่เคียงข้างเขาเพื่อก้าวผ่าน่เวลาที่จิตใจของเขาบอบช้ำใน่นี้ไปด้วยกัน
เมื่อการเเสดงของฟู่ซีจบลงจึงได้มายืนอยู่ข้างๆกู้หลานอัน ทว่าไม่ได้สนใจเขาเลย กลับหันไปพูดคุยกับคนข้างๆกู้หลานอันหลุดขำออกมา ชาติที่เเล้วกู้หลานอันทำเื่น่าขันไว้ ฟู่ซีก็เอาเเต่คุยโวว่าตอนที่เขาร้องเพลงนั้นรู้สึกตื่นเต้นเพียงใด แต่ตอนนี้ที่หลานอันประสบความสำเร็จแล้ว ท่าทีของฟู่ซีกลับกลายเป็เเบบนี้ เขานี่มันวัชพืชชัดๆ
ี้เีเสียอารมณ์กับวัชพืชต้นนี้แล้วกู้หลานวางสายตาไว้ที่เจาเยี่ยที่อยู่ตรงข้าม รู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างมาก เดี๋ยวก่อน หากได้เป็เเชมป์ เจาเยี่ยเป็คนมอบรางวัลใช่ไหม ดีจริงๆ
จากนั้นมีการเเสดงของอีก 3 คน เมื่อการเเสดงจบลงระบบคำนวนคะแนน คะเเนนสูงสุดก็คือเเชมป์ ที่เหลือคืออันดับถัดๆไปเป็ไปตามที่คนส่วนใหญ่คาดไว้และไม่เป็ที่น่าเเปลกใจเลยที่กู้หลานอันจะได้เป็เเชมป์ ฟู่ซีที่สองเว่ยจ๋ออันดับสาม
----------------------------------------------------------------------------------
[1] สะพานไน่เหอ หมายถึงสถานที่ที่คนต้องผ่านเพื่อการกลับชาติมาเกิดในตำนานพื้นบ้านของจีน