หยวนจุนชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ เขากล่าวว่า “เ้าว่าในตัวเ้ามีต้นเพลิงอัคนีเก้าโชติ!?”
เมื่อพูดจบเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวเมิ่งสอนเขากลั่นอาวุธ เขาััได้ถึงเปลวเพลิงความร้อนสูงที่สามารถหลอมละลายวัตถุแร่ผลึกทั้งหมดได้ภายในพริบตา
เสี่ยวเมิ่งยกมือขึ้น เส้นสีดำไหลผ่านนิ้วเรียวยาว ได้ยินเพียงเสียงหึ่งเบาๆ จากนั้นเปลวไฟสีดำขนาดเท่าเล็บมือก็ปรากฏ
การปรากฏของเปลวไฟกลุ่มนี้ หยวนจุนััได้ว่าความเร็วและทิศทางของอากาศโดยรอบเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ราวกับเจอบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัว ที่แม้แต่อากาศยังต้องหลบ!
เมื่อเห็นหยวนจุนไม่สงสัยเื่ที่นางมีอัคนีเก้าโชติ เสี่ยวเมิ่งจึงเก็บนิ้วกลับ ขณะเดียวกันก็นำต้นเพลิงกลับคืนสู่ภายใน
“เปลวไฟที่อยู่ภายในตัวข้า คือต้นเพลิงอัคคีกลืน์ ูเาที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเ้านี้ นานมาแล้วมันถูกเรียกว่าูเาเฟิงเหยียน ซึ่งนานเกินไป จนไม่มีใครจำชื่อได้อีกแล้ว”
“ตระกูลข้าถูกเรียกว่าผู้เฝ้าสุสาน และอาศัยอยู่ทีู่เาเฟิงเหยียนมาหลายชั่วอายุ”
เสี่ยวเมิ่งชี้นิ้วไปที่ยอดูเาที่อยู่ไม่ไกล แล้วกล่าวว่า “สิ่งที่ถูกผนึกอยู่ในนั้นคือเพลิงอัคคีกลืน์!”
หยวนจุนรีบมองตามทิศทางที่นิ้วขาวของเสี่ยวเมิ่งชี้ทันที ที่นั่นเป็เนินเขาสูงราบเหมือนเนินเขารอบๆ ดูจากภายนอกแล้วไม่มีสิ่งใดโดดเด่น
หากหนึ่งในอัคนีเก้าโชติถูกผนึกไว้ในนั้นจริงๆ เหตุใดหยวนจุนจึงััไม่ได้แม้แต่นิดเดียว?
เสี่ยวเมิ่งพอเดาได้ว่าในใจหยวนจุนคิดอะไร นางจึงปีนซอกหน้าผาอย่างระมัดระวัง แล้วกวักมือเรียกเขา “ไป ข้าจะพาเ้าเข้าไป!”
หยวนจุนลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินตามเสี่ยวเมิ่ง และปีนขึ้นไปบนยอดเขา
“ฮู่”
ทั้งสองปืนไปได้ครึ่งทางก็หยุดพัก เสี่ยวเมิ่งถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า สองมือรวบรวมพลัง พยายามฟื้นฟูร่างกายที่อ่อนแรง
แม้นางจะเป็นักสร้างที่มีความสามารถ แต่ร่างกายนางบ่มเพาะพลังยุทธ์ถึงแค่ขั้นหนึ่ง และยิ่งกระโปรงยาวด้วยแล้ว ทำให้นางรู้สึกเหนื่อยล้า
ตอนนี้กระดาษปริศนาภายในของหยวนจุนสั่นขึ้นอีกครั้ง ซึ่งรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้เป็อย่างมาก
“ทำไมหรือ?” เสี่ยวเมิ่งเห็นหยวนจุนมีสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย จึงอดถามไม่ได้
“ตระกูลแม่นางเสี่ยวเมิ่งเฝ้าสุสานที่อยู่ในหุบเขาลึกมาหลายชั่วอายุ แสดงว่าสิ่งที่ถูกปิดผนึกไว้ข้างในนั้นสำคัญสำหรับเ้าด้วยเช่นกัน การบอกความลับนี้แก่คนนอกอย่างข้า มิกลัวว่าข้าจะมีเจตนาร้ายหรือ?”
เสี่ยวเมิ่งหัวเราะ แล้วกล่าวอย่างไม่ปิดบังว่า “ตามบันทึกในหินจารึก ผู้ที่ฝึกอักษรลับเก้าตะวันเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติปราบเพลิงอัคนีเก้าโชติ”
“เราเฝ้าสุสานนี้มาหลายชั่วอายุ เพียงเพื่อรอผู้ที่สามารถกำจัดเพลิงอัคคีกลืน์! ไม่ว่าเขาจะมีเจตนาร้ายหรือไม่ ตราบใดที่เขาสามารถกำจัดเพลิงอัคคีกลืน์ได้ นั่นคือลิขิต์ และข้าก็ไม่ลังเลที่จะทำตาม”
เสี่ยวเมิ่งไม่ยอมแพ้ นางกัดฟันเดินและะโข้ามไปที่ส่วนพื้นเรียบ
“เอาล่ะ ที่นี่แหละ แม้มองจากภายนอกแล้วจะเหมือนกับที่อื่น แต่ภายในกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันน่ากลัวกว่าที่เห็นมาก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยวนจุนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดถามไปว่า “ข้างในน่ากลัวมาก? แม่นางเสี่ยวเมิ่งเคยเข้าไปแล้วหรือ?”
นางแลบลิ้นออกมา ดูแล้วน่าจะแอบเข้าไป มิเช่นนั้นคงไม่มีต้นเพลิงอัคนีเก้าโชติ
“ในหินจารึก้ามีบันทึกเื่ราวของอักษรลับเก้าตะวันและเพลิงอัคนีเก้าโชติ ต้องใช้พลังจิตทำลายผนึกจารึกนั้น จึงจะเปิดหลุมฝังศพผ่านจารึกและเข้าไปข้างในได้”
นางคว้ามือหยวนจุนแล้วพุ่งไปที่กำแพงหิน ทั้งสองมิได้ถูกกำแพงหินขวางไว้ แสงส่องสว่างไปทั่วทั้งตัวก่อนจะทะลุเข้าไปโดยตรง
ทันทีที่เสี่ยวเมิ่งยกแขน ถ้ำที่มีพื้นที่เพียงไม่กี่จั้งก็สว่างขึ้น หากสังเกตให้ดีจะพบว่าภายในถ้ำถูกฝังด้วยหินเรืองแสงขนาดเท่าดวงตามนุษย์
แล้วหินจารึกก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขาด้วยเช่นกัน หินจารึกนี้มีรูปทรงหกเหลี่ยม แต่ละด้านแกะสลักอักขระที่หนาแน่น อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของยุคดึกดำบรรพ์สมัยโบราณ
หยวนจุนอ่านข้อความของเพลิงอัคนีเก้าโชติอย่างละเอียด ความหวาดกลัวถูกก่อขึ้นในใจเขา
“การพาเ้ามาที่แห่งนี้ ข้าก็มีความเสี่ยงมากเช่นกัน แต่ถ้าหากไม่ลอง ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันเป็ไปได้หรือไม่?”
เสี่ยวเมิ่งปลุกความกล้า นำมือวางลงบนหินจารึกรูปทรงหกเหลี่ยม ดึงเชือกพลังจิตขนาดเท่าหัวแม่มือออกมาจากจุดตันเถียนบน ก่อนจะนำเชือกนั้นไปพันหินจารึกตามเข็มนาฬิกา
เชือกที่เปลี่ยนโดยพลังจิตเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง กลายเป็อักขระโบราณที่โดดเด่นหกตัว
“กึกกึก”
แสงบนหินจารึกส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้หยวนจุนลืมตาแทบไม่ขึ้น จากนั้นเขากับเสี่ยวเมิ่งก็ถูกแสงนั้นห่อหุ้มไว้ ทำให้เขารู้สึกตาพร่าอย่างรุนแรง
“เป็วิธีทะลุมิติที่ทรงพลังมาก มีพลังดึงดูดมากขนาดนี้เชียวหรือ?”
ขณะที่หยวนจุนกำลังแปลกใจ ตัวเขาก็อยู่ท่ามกลางทะเลหินหนืดแล้ว
เขากับเสี่ยวเมิ่งยืนอยู่บนเสาหินที่มีเพียงเสาเดียว บริเวณรอบๆ เป็สีแดงฉาน นอกจากท้องฟ้าแล้ว ส่วนอื่นที่เหลือถูกหินหนืดที่กำลังเดือดปกคลุมทั้งหมด
เมื่อสังเกตดีๆ เขาเห็นหินหนืดไหลผ่านรอยร้าวที่ผนังด้านหลัง
ยิ่งไปกว่านั้น ในโลกหินหนืดที่ไม่มีสิ้นสุดนี้ ยังััถึงปราณดาราไม่ได้แม้แต่น้อย ราวกับว่ามันสูญสลายไปโดยสิ้นเชิง
“ปุดปุดปุด”
ทะเลหินหนืดที่ร้อนระอุอยู่เบื้องล่างกำลังส่งเสียงเดือดน่ากลัว เพียงหายใจได้ไม่เท่าไร ร่างกายของหยวนจุนก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
สถานที่ที่เขากับเสี่ยวเมิ่งอยู่ในตอนนี้ น่าจะเป็ด้านในของหินจารึกทรงหกเหลี่ยม! เป็มิติอิสระที่แยกออกมา!
“นั่นคือเพลิงอัคคีกลืน์!”
หยวนจุนลืมตาด้วยความยากลำบาก เขาใช้แขนปิดตาเพื่อป้องกันความร้อนที่มาจากทุกทิศทาง แต่หลังจากได้ยินเสี่ยวเมิ่ง เขาก็มองออกไปอย่างไม่ลังเล
เปลวไฟสีดำสงบลอยอยู่เหนือหินหนืด ครั้นหินหนืดััเปลวไฟนั้น เสียงปะทุก็ดังออกมา ก่อนจะระเหยกลายเป็ไอ
“เปลวไฟนั้นพลังรุนแรงมาก แม้แต่หินหนืดก็สามารถสลายได้ทันที!”
หยวนจุนรู้สึกประหลาดใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเห็นเปลวไฟที่มีพลังเทียบเท่ากับดาวจูเชวี่ย
“เปลวไฟแต่ละชนิดของอัคนีเก้าโชติไม่เหมือนกัน เพลิงอัคคีกลืน์มีความร้อนสูงและมีพลังทำลายล้าง เป็เปลวไฟเพียงชนิดเดียวของอัคนีเก้าโชติที่เผาไหม้ดวงดาวได้!”
“เผาไหม้ดวงดาว!?” หยวนจุนถึงกับใ สามารถเผาไหม้ดวงดาวได้ ความร้อนของเพลิงอัคคีกลืน์ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
หยวนจุนเลียริมฝีปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความ้า หากเขาได้เปลวไฟเช่นนี้ การบ่มเพาะพลังยุทธ์ของเขาต้องรุดหน้าอย่างก้าวะโแน่นอน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้