ถ้าวันนั้น ผู้อำนวยการโรงงานกับผู้จัดการฝ่ายขายยอมรับผิดแต่โดยดีั้แ่แรกที่เจิ้งซวี่เหยายื่นเอกสารยืนยันว่าคลังสินค้าส่งของผิดจริง เื่ราวคงไม่บานปลายขนาดนี้ แต่พวกเขากลับฉลาดแกมโกง ทำร้ายตัวเอง ปิดโอกาสสุดท้ายที่จะกอบกู้สถานการณ์
ดังนั้น แม้ตอนนี้พวกเขาจะสำนึกผิด ก้มหัวขอโทษแทบกราบกราน สั่งให้คนงานปิดประตูโรงงาน หวังจะให้เจิ้งซวี่เหยาเปลี่ยนใจ ไม่เอาเื่โรงงาน ทั้งพวกเขายังยินดีจะคืนเงิน ยอมชดเชยค่าเสียหาย แต่มันสายเกินแก้ไปแล้ว
"พวกคุณจะไม่ให้โอกาสกันเลยเหรอ ผมขอบอกไว้ก่อนนะ การที่สร้างโรงงานในปักกิ่งได้ ไม่ใช่เื่ง่าย พวกผมยอมลดตัวลงมาขอร้องแล้ว แค่ไม่อยากให้เื่มันใหญ่โต ถ้าพวกคุณยังไม่ยอมจบ เื่นี้อาจจะเกินกว่าที่พวกคุณจะรับไหว"
ผู้อำนวยการโรงงานเห็นว่าวิงวอนยังไงก็ไม่เป็ผล จึงคิดจะใช้ไม้ตายสุดท้าย เขาไม่อยากดึงตัวผู้มีอิทธิพลคนนี้ออกมาเลย การได้รับความช่วยเหลือจากคนคนนั้นไม่ใช่เื่ง่าย ต้องผ่านการขอร้องจากคนจำนวนมาก กว่าจะเจรจาให้คนคนนั้นมาเป็ร่มเงาให้โรงงานได้
เื่เล็กน้อยเขาไม่กล้ารบกวน แค่พอใช้เงินแก้ปัญหาได้ เขาก็จะยอมจ่าย ยอมแบกรับไว้เอง แต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาเจอกับของแข็งเข้า ตอนนี้เื่ใหญ่โต ถ้าไม่เชิญคนออกมา โรงงานของเขาคงไปต่อไม่ได้
"โอ้? งั้นเชิญคุณยกหูโทรศัพท์เรียกคนที่มีอิทธิพลออกมาให้พวกเราดูหน่อยสิครับ พวกเราแค่ทำตามกฎหมาย ถ้าคนคนนั้นมีอิทธิพลถึงขั้นไล่พวกเราออกได้ พวกเราก็ไม่เสียใจ อย่างน้อยก็ขอให้มีหลักฐานให้เห็นกันชัดๆ หน่อย"
นายตำรวจหนุ่มรูปงามจากกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ดูจะตั้งตารอเทพเ้าเื้ัท่านนี้เป็พิเศษ เขาอยากจะรู้ว่าใครกันที่กล้าออกมาพูด ในเมื่อหลักฐานมันมัดแน่นขนาดนี้ แม้แต่คนในกระทรวงยังต้องคิดถึงชื่อเสียงตัวเองก่อนหลัง การกระทำที่อุกอาจขนาดนี้ คนคนนี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ
"ดี ในเมื่อพวกคุณไม่ยอมถอย ผมก็คงต้องขอใช้ไม้แข็งบ้างแล้ว ผมจะเรียกคนมา เดี๋ยวพวกคุณก็จะรู้ว่าควรทำตัวยังไง"
ที่จริงแล้ว คนที่ทำตัวไม่ถูกคือผู้อำนวยการโรงงานต่างหาก ตอนนี้ เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในเมื่ออีกฝ่ายมีคนหนุนหลัง เจิ้งซวี่เหยากับคนอื่นๆ ต้องรอ เขาเองก็อยากจะรู้ว่าใครกันที่กล้าทำเื่โกงกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ในเมืองหลวง เจิ้งซวี่เหยารอดูอยู่ด้วยใจจดจ่อ
เขาเตรียมใจไว้แล้ว ถ้าเจอคนที่เขาไม่กล้าต่อกรจริงๆ เขายินดีจะแบกรับหนี้สินของหลันเยว่ไว้เอง แต่เขาจะไม่ยอมถอย เขาอยากจะรู้ว่าผู้มีอิทธิพลคนไหนจะกล้าทำเื่ผิดกฎหมายในเมืองหลวงแห่งนี้
เมื่อคนที่ถูกเชิญตัวมาปรากฏตัว เจิ้งซวี่เหยารู้สึกเหมือนโลกกำลังเล่นตลกกับเขา เพราะคนที่มาคือ เลขาพานของคุณปู่เจิ้ง เจิ้งซวี่เหยาคุ้นเคยกับคนคนนี้เป็อย่างดี เขาติดตามคุณปู่มานานนับสิบปี คอยดูแลคุณปู่มาโดยตลอด แต่เขาไม่คิดเลยว่าคนที่ดูเคร่งขรึมจริงจังอย่างเลขาพาน จะมีเล่ห์เหลี่ยมต่ำช้าแบบนี้
ดูเหมือนว่าเลขาพานจะใช้ชื่อเสียงของคุณปู่เป็เกราะกำบังให้โรงงานแห่งนี้ ไม่รู้ว่ารับสินบนจากคนพวกนี้ไปเท่าไหร่
"เลขาพาน ผมไม่รู้เลยว่าคุณเอาชื่อใครมาเป็หลักประกันให้พวกเขา"
เจิ้งซวี่เหยามองเลขาพานที่พยายามจะหลบหน้าเขา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะประชดประชัน
"คุณซวี่เหยา เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดกันไปหมด ผมแค่มาทำธุระ แล้วผู้อำนวยการโรงงานซึ่งเป็คนรู้จักก็เรียกผมมาช่วยพูดเฉยๆ แค่คนรู้จักกัน ก็เลยอยากจะช่วย ไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ ถ้ารู้ว่าคุณอยู่ตรงนี้ ผมจะกล้ามาได้ยังไง"
เลขาพานเป็คนที่หัวไว รีบปัดความรับผิดชอบออกจากตัวทันที
"คุณซวี่เหยาครับ เกิดอะไรขึ้น บอกผมมา มีผมอยู่ทั้งคน ผมรับรองว่าจะแก้ปัญหาให้คุณได้"
พูดจบก็เรียกผู้อำนวยการโรงงานกับผู้จัดการฝ่ายขายมาด้วยท่าทีจริงจัง
"คุณบอกว่ามีคนมาป่วนที่โรงงาน พอดีผมผ่านมา ก็เลยมาช่วยดูให้ แต่ที่ไหนได้…กลับกลายเป็คนรู้จักกันซะงั้น งั้นคุณจัดการเองก็แล้วกันนะ แต่บอกไว้ก่อน ถ้าจัดการไม่ดี เื่นี้จะไม่จบแค่นี้แน่"
ทุกคนมองออกถึงชั้นเชิงของเลขาพาน แต่ในเมื่อเป็คนที่เจิ้งซวี่เหยารู้จัก ทุกคนจึงเงียบ เพราะเื่นี้ต้องให้เจิ้งซวี่เหยาเป็คนตัดสินใจเอง ถ้าเจิ้งซวี่เหยา้าแค่ค่าชดเชย เื่ก็จะจบลงตรงนี้ แต่ถ้าเจิ้งซวี่เหยา้าจะเอาเื่ต่อ เื่นี้คงจบลงด้วยดีไม่ได้
"เลขาพาน คุณก็รู้ว่าคุณปู่ผมเป็คนยังไง ถ้าคนของคุณปู่ทำเื่แบบนี้ แล้วผมแกล้งทำเป็มองไม่เห็น ผมก็ไม่ใช่หลานชายแท้ๆ ของคุณปู่แล้ว ในเมื่อคุณรับเื่นี้ไว้แล้ว ก็ขอให้โชคดีก็แล้วกัน"
เจิ้งซวี่เหยาไม่ได้ปล่อยให้เลขาพานหลีกเลี่ยงจากเื่นี้ไปได้ เขาเข้าใจนิสัยคุณปู่ดีที่สุด ถ้าท่านรู้ว่าลูกน้องเอาชื่อท่านไปหาผลประโยชน์ เื่นี้ไม่มีทางจบลงง่ายๆ แน่นอน
ผู้อำนวยการโรงงานกับผู้จัดการฝ่ายขายได้ยินเจิ้งซวี่เหยาบอกว่าตัวเองเป็หลานชายของคุณปู่เลขาพาน ก็รู้ว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ต่อให้พยายามดิ้นรนยังไงก็เปล่าประโยชน์ ตอนนี้คงต้องดูแล้วว่าเลขาพานมีความสำคัญกับท่านมากแค่ไหน เื่จะหนักหรือเบา ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน
"เสี่ยวหม่า ไปโทรศัพท์บอกคุณปู่ผม เอาเื่นี้ไปบอกท่าน ท่านจะได้จัดการเอง เลขาพานก็เป็คนของคุณปู่ ให้ท่านจัดการเองจะดีกว่า ผมเข้าไปยุ่งมากเกินไปคงไม่เหมาะ"
ในเมื่อรู้แล้วว่าคนหนุนหลังคือ เลขาพาน เจิ้งซวี่เหยาก็รู้สึกขำไม่ออก
ตอนแรกเขามาด้วยความถูกต้อง แต่ตอนนี้คนที่ขัดขวางกลับเป็คนกันเอง
"เลขาพาน คุณรู้ไหมว่าผมชื่นชมคุณมากแค่ไหน ตลอดหลายปีมานี้ คุณช่วยคุณปู่ทำงาน พวกเราเคารพคุณมาก แต่ไม่คิดเลยว่าคุณก็มีวันที่ทำให้ผมผิดหวัง"
"การกระทำของคุณมันต่ำเกินไป พวกเขาจะให้เงินคุณได้มากแค่ไหน มันคุ้มกับอนาคตของคุณเหรอ ผมเคยได้ยินคุณปู่พูดถึงเื่หาตำแหน่งดีๆ ให้คุณ กำลังจะย้ายคุณไปอยู่ไม่ใช่เหรอ คุณรู้ไหมว่าถ้าคุณได้ออกจากตำแหน่งเลขาไปนั่งในตำแหน่งผู้นำ อนาคตมันจะกว้างไกลแค่ไหน"
เจิ้งซวี่เหยาแบมือทั้งสองข้าง ทำท่าหมดหนทาง
"ตอนนี้ ทุกอย่างคงพังหมดแล้ว"
เลขาพานได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับอึ้ง ข่าวนี้ทำให้เขาแทบรับไม่ได้ ทำไมคุณปู่เจิ้งไม่เคยบอกอะไรแบบนี้กับเขาเลย
"คุณปู่เจิ้งบอกว่าเดี๋ยวจะมา ให้เรารออยู่ที่นี่"
เลขาพานยอมแพ้แล้ว เขารู้ว่าทุกอย่างจบสิ้น ผลที่ตามมาจะเป็ยังไง คุณปู่เจิ้งเป็คนที่ยึดมั่นในความถูกต้อง
อย่าว่าแต่รับสินบนเลย แค่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือคนที่ไม่สมควรช่วย โทษทัณฑ์ก็มากพอแล้ว ยิ่งตอนนี้เขาเป็ร่มเงาให้โรงงาน แถมยังอ้างชื่อท่านอีก ไม่ต้องคิดเลยว่าเื่นี้ไม่มีทางรอดพ้นไปได้
พอคิดว่าตัวเองอดทนมาตั้งนาน แค่เงินเล็กน้อย ก็ทำลายทุกอย่างที่สร้างมา เลขาพานก็รู้สึกโกรธขึ้นมาในใจ สายตาของเขาค่อยๆ หันไปทางผู้อำนวยการโรงงาน ความเกลียดชังในแววตา ชัดเจนจนทุกคนรับรู้ได้
"ไอ้ตัวซวย ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันจะมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ยังไง แกมันตัวซวย แกทำลายชีวิตฉัน!"
เลขาพานคลั่งขึ้นมาทันที พุ่งเข้าไปเตะต่อยผู้อำนวยการโรงงาน ไม่มีความเป็ผู้ดีเหลืออยู่เลย
คนที่มากับเจิ้งซวี่เหยา ไม่ต้องรอคำสั่ง รีบเข้าไปดึงตัวเลขาพานออกมา
"เลขาพาน ใจเย็นๆ ทุกอย่างรอการตัดสินก่อน ตอนนี้ต่อให้ฆ่าคนตายไปก็แก้ปัญหาของคุณไม่ได้"
"ฉันรู้ ฉันรู้ว่าครั้งนี้ฉันซวยจริงๆ แต่ถ้าเขาไม่ติดสินบน ไม่ล่อลวงฉัน ฉันจะกลายเป็แบบนี้ได้ยังไง เป็เพราะเขา เป็เพราะเขาคนเดียว!"
เลขาพานะโสุดเสียง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ
"เลขาพาน อย่าโทษคนอื่นเลย ถ้าในใจคุณไม่มีความโลภ จะมีใครมาติดสินบน ล่อลวงคุณได้ล่ะ คนที่ถูกเรียกว่าคน ก็เพราะมีเส้นขีดสองเส้น ต้องสะอาด อย่าให้สิ่งอื่นมาแปดเปื้อน"
"หลายสิ่งเมื่อคุณแตะต้องมันแล้ว มันก็จะเหมือนปรสิตที่เกาะกินกระดูก ทำให้คุณสลัดมันออกไปไม่ได้ คุณไม่มีวันเสียใจได้ เพราะมันทำให้คุณไม่มีวันพรุ่งนี้ เลขาพาน เงินเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงทำให้คุณยอมทิ้งทุกอย่าง"
พอเจิ้งซวี่เหยาพูดจบ ก็มีเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น
"เขาถูกความหอมหวานล่อตาล่อใจ จนมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง เป็พวกสายตาสั้น เสียแรงที่ฉันอบรมสั่งสอนมาตั้งหลายปี เสี่ยวพาน นายทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ"
"คุณปู่"
เมื่อเห็นคนที่มา เจิ้งซวี่เหยารีบเข้าไปต้อนรับทันที หมี่หลันเยว่ กับคนอื่นๆ ก็รีบเข้าไปทักทายคุณปู่เจิ้ง เมื่อเห็นเด็กๆ เหล่านี้ คุณปู่เจิ้งก็รู้สึกผิดในใจ ไม่คิดเลยว่าคนที่ทำร้ายเด็กๆ จะเป็คนของตัวเอง
ในเมื่อคุณปู่เจิ้งเข้ามาจัดการแล้ว หมี่หลันเยว่กับคนอื่นๆ ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกต่อไป คุณปู่เจิ้งรู้ว่าพวกเขารีบรอเครื่องจักรชุดนี้อยู่ จึงให้ทางโรงงานดำเนินการคืนเงินให้ก่อน เพราะหลังจากนี้ทางการจะเข้ามาตรวจสอบ เงินของโรงงานคงถูกอายัด ถ้าอยากได้เงินคืน คงต้องรอไปอีกนาน
เมื่อได้เงินกลับคืนมา หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกว่าคนเราบางครั้งก็ผิดพลาดได้ง่าย เลขาพานคนนี้ เธอเคยเจอที่บ้านสกุลเจิ้ง เป็คนตรงไปตรงมา ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำเื่แบบนี้ลับหลัง เสียทั้งอนาคต เสียทั้งคุณธรรม
เื่นี้ทำให้หมี่หลันเยว่ได้บทเรียนสำคัญ ไม่ว่าคุณจะก้าวไปถึงจุดไหน ต้องมั่นคง อย่าใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย เมื่อคนเราถูกผลประโยชน์บังตา ก็ไม่ต่างอะไรกับการก้าวลงสู่เหวลึก หมี่หลันเยว่เตือนตัวเองในใจ ให้มองการณ์ไกล เดินทางไกลหน่อยไม่เป็ไร แค่พยายามก้าวไปข้างหน้าก็พอ อย่าคิดแต่จะลัดสั้น จนตัดทางหนีของตัวเอง
