ในขณะนี้ถังเหล่ยมาถึงห้องแล้ว ขนาดของห้องใหญ่มาก การตกแต่งและอุปกรณ์ในห้องก็ครบครัน และยังมีสวนดอกไม้ในห้องด้วย ราคาวันละสองก้อนศิลาิญญาระดับต่ำถือว่าไม่เสียเปล่า
“คุณชายพอใจหรือไม่ ถ้าคุณชายพอใจ เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวลา!” บริกรวัยกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม อีกฝ่ายจ่ายมากกว่าราคาปกติเกือบเท่าตัว เขาจึงต้องบริการอย่างดีที่สุด
“ไม่เลว หลังจากนี้หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามให้ใครเข้ามาในห้องของข้า!” ถังเหล่ยกล่าวพร้อมกับมองไปรอบๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“แน่นอนอยู่แล้วคุณชาย ร้านนี้รักษาความเป็ส่วนตัวให้แขกทุกคนอยู่แล้ว” หลังจากบริกรวัยกลางคนกล่าวจบและกำลังจะจากไป ทันใดนั้นร่างของเขาก็หยุดชะงักและหันหน้ากลับมากล่าวว่า
“คุณชาย ข้าขอเตือนท่านอีกครั้งผู้ฝึกตนสามคนด้านล่างล้วนเป็ศิษย์ของนิกายเสิ่นอวี่ คุณชายอย่าไปหาเื่พวกเขาดีกว่า ไม่เช่นนั้นถ้าเกิดการต่อสู้ภายในร้านจะทำให้ข้าลำบากไปด้วย”
ถังเหล่ยพยักหน้า จากนั้นเอาแก่นอสูรระดับสามสองก้อนออกมาไว้ในมือ จากนั้นเขาก็เอาแก่นอสูรยัดใส่มือชายวัยกลางคน
“ข้าไม่มีทางไปหาเื่พวกเขาอยู่แล้ว แต่ถ้าพวกเขาลงมือกับข้า ข้าก็จำเป็ที่จะต้องป้องกันตัว ่นี้ช่วยข้าจับตามองพวกเขาเอาไว้ ถ้าพวกเขาเคลื่อนไหว เ้าต้องบอกข้าล่วงหน้า”
“ได้เลยคุณชาย” บริกรวัยกลางคนยิ้มหน้าบาน ถึงแม้จะไม่รู้สถานะของชายหนุ่มคนนี้ แต่ต้องเป็ศิษย์จากตระกูลใหญ่แน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเช่นนี้
หลังจากบริกรวัยกลางคนจากไป ถังเหล่ยก็ปิดห้องทันที เขาไม่รู้ว่าศิษย์นิกายเสิ่นอวี่สามคนด้านล่างวางแผนเอาไว้อย่างไร? สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือเตรียมพร้อมรับมือ และในเวลานี้ตัวของเขาก็อยู่ในที่ลับ ส่วนพวกเขาเ่าั้อยู่ในที่แจ้ง ในเวลานี้สถานการณ์ของเขาจึงค่อนข้างได้เปรียบอีกฝ่ายอยู่เล็กน้อย
ถังเหล่ยตัดสินใจปิดหน้าต่างทุกบาน หลังจากนั้นก็เอาแหวนมิติของยอดฝีมือระดับจ้าวยุทธ์ที่ออกมาจากอก
แหวนมิติวงนี้กับแหวนมิติวงอื่นไม่เหมือนกัน แหวนมิติวงนี้เป็สีแดง แค่ถือไว้ในมือยังรู้สึกได้ถึงความร้อน อย่างไรก็ตามเ้าของแหวนมิติวงนี้ตายไปเป็พันปีแล้ว ต่อให้เป็แหวนมิติที่เก่งกาจมากเพียงใด ความจริงก็คือแหวนมิติวงนี้ไร้ซึ่งเ้าของ
ถังเหล่ยใช้พลังสำรวจได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวพร้อมกับความสับสนภายในใจ
“มีแค่นี้หรือ?”
ถังเหล่ยคาดเดาว่าเ้าของแหวนมิติวงนี้ใช้ของข้างในไปหมดแล้ว หรือไม่ก็เป็เพราะผ่านเวลามานานเกินไป แหวนมิติอันกว้างใหญ่จึงเหลือเพียงกล่องเล็กๆ เพียงสองกล่อง
ถังเหล่ยตัดสินใจหยิบกล่องสองใบนั้นออกมา ขนาดของกล่องแต่ละใบมีความยาวประมาณสองฝ่ามือเท่านั้น ถังเหล่ยคิดในใจว่ากล่องขนาดเพียงเท่านี้ไม่อาจใส่อาวุธลงไปได้อย่างแน่นอน แม้แต่มีดสั้นก็ไม่สามารถใส่เข้าไปได้
ทันใดนั้นถังเหล่ยก็เริ่มเปิดกล่องใบแรกอย่างระมัดระวัง จากนั้นไข่มุกสีแดงเม็ดหนึ่งปรากฏต่อหน้าเขา เขาหยิบไข่มุกเม็ดนั้นขึ้นมาทันที ในเวลาเดียวกันก็สามารถััได้ถึงความร้อนในไข่มุกเม็ดนี้ได้ ที่ด้านข้างของไข่มุกยังสลักลวดลายบางอย่างเอาไว้อีกด้วย เมื่อพลิกไปมาก็มองไม่ออกว่าของสิ่งนี้มีประโยชน์อย่างไร
หลังจากที่ถังเหล่ยสังเกตอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าลวดลายเหล่านี้คล้ายกับลวดลายที่สลักบนประตูเมืองจิ่วหั่ว เมื่อเป็เช่นนี้ไข่มุกสีแดงเพลิงเม็ดนี้เป็ไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับเชื้อพระวงศ์ของจักรวรรดิซือฉีหรือ ‘ตระกูลตี้’
ถังเหล่ยลองใส่พลังปราณเสี้ยวหนึ่งเข้าไปในนั้น แต่ก็ถูกความร้อนในไข่มุกทำให้ระเหยออกไปในพริบตาเดียวเช่นกัน
“ข้าควรทำอย่างไร? หรือว่าข้าควรเอามันไปเรียกค่าไถ่จากตระกูลตี้ แต่ที่นี่คือถิ่นของพวกเขา หากข้าเอาสมบัติชิ้นนี้ไปเรียกค่าไถ่จากพวกเขาจะไม่เท่ากับว่าข้ารนหาที่ตายหรอกหรือ?” ถังเหล่ยพึมพำกับตัวเอง ในเวลานี้เขายังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากไข่มุกสีแดงเพลิงได้ เขาจึงเก็บเอาไว้ก่อน
แม้ว่าถังเหล่ยยังไม่รู้คุณสมบัติที่แท้จริงของไข่มุกสีเพลิงเม็ดนี้ และเขาก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะนำสมบัติชิ้นนี้ไปมอบให้ตระกูลตี้ฟรีๆ อย่างแน่นอน
หลังจากนั้นถังเหล่ยจึงเปิดกล่องอีกใบ ในเวลานี้ภายในใจของเขาภาวนาให้สมบัติที่อยู่ในกล่องคือสิ่งที่เป็ประโยชน์สำหรับเขา หากเป็สมบัติเฉพาะของคนตระกูลตี้ หัวใจของเขาคงแตกสลายอย่างแน่นอน ทันใดนั้นในกล่องก็ปรากฏกำไลข้อมือ
“นี่มัน...อะไรกัน หรือว่าจ้าวยุทธ์ผู้นี้จะเป็สตรี? เหตุใดจึงมีกำไลข้อมือ!?”
ถังเหล่ยจิตใจแตกสลาย เขาทุ่มสุดชีวิตให้ได้แหวนมิติของจ้าวยุทธ์ผู้นี้ แต่ภายในนั้นกลับมีแต่ของแปลกๆ สมบัติที่อยู่ภายในกล่องแต่ละชิ้นคือสมบัติที่ไม่เป็ประโยชน์ต่อตัวเขาอย่างยิ่ง!
ถังเหล่ยมองอย่างละเอียด พบว่าด้านในกำไลข้อมือมีเส้นสีแดงกำลังไหลเวียนอยู่
แม้ว่าลักษณะของมันจะคล้ายกับการแกะสลักธรรมดา แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ เส้นสีแดงยังสามารถเคลื่อนไหวได้
ในขณะที่ถังเหล่ยถือกำไลไว้ในมือ ภายในใจของเขาก็รู้สึกร้อนรนและหงุดหงิดเป็อย่างมาก เขารู้สึกว่าการเสี่ยงชีวิตเพื่อแลกกับเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวนั้นเป็เื่ไร้สาระยิ่งนัก
จากนั้นถังเหล่ยจึงลองใส่พลังปราณเข้าไปในกำไล เพื่อตรวจสอบว่าของสิ่งนี้มีคุณสมบัติเป็อาวุธหรือเป็แค่เครื่องประดับ หากเป็เพียงเครื่องประดับเขาจะโยนมันทิ้งไปในทันที!
ในขณะที่ถังเหล่ยกำลังใส่พลังปราณเข้าไปในกำไล กำไลก็ราวกับเป็หลุมไร้ก้นดูดพลังปราณในร่างกายของเขาไปครึ่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ถังเหล่ยในตอนนี้เป็ผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นแปดและบวกกับิญญายุทธ์ัคชสารในร่างทำให้เขามีพลังมากกว่าผู้ฝึกตนอื่นถึงสิบเท่า ในขณะนี้พลังในร่างกายของเขาเกรงว่าจะมีประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นจินแล้วด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามหากพลังปราณในร่างของถังเหล่ยเต็มเปี่ยม เขาสามารถเทียบกับผู้ฝึกตนระดับยอดยุทธ์ได้เลย แต่เมื่อสักครู่พลังปราณในร่างของเขาถูกดูดหายไปครึ่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว หากเป็ผู้ทรงยุทธ์ธรรมดา เกรงว่าจะถูกดูดพลังไปจนหมดแล้ว
หลังจากกำไลได้ดูดพลังปราณของถังเหล่ยไป เส้นสีแดงภายในกำไลก็เริ่มหมุนเวียนเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ท้ายที่สุดเส้นสีแดงที่อยู่ด้านในกำไลข้อมือก็ขยายใหญ่ขึ้น ในเวลานี้กำไลได้กลายเป็สีแดงโดยสมบูรณ์แล้ว
“นี่มัน...” ถังเหล่ยมองกำไลข้อมือด้วยความสับสน แม้ว่ากำไลชิ้นนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ถังเหล่ยก็ยังไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อย่างไร?
จากนั้นถังเหล่ยจึงลองสะบัดกำไลข้อมือไปด้านหน้า เปลวเพลิงก็พุ่งออกมาจากกำไลทันทีและยังมีพลังมหาศาลอีกด้วย เปลวเพลิงสามารถแผดเผาสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างรวดเร็ว
“ร้อนๆ”
ถังเหล่ยรู้สึกได้ถึงความร้อนที่มือ ในเวลานี้มือของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง แม้ว่าร่างกายของถังเหล่ยจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาหลายเท่า แต่ก็ไม่อาจต้านความร้อนของเปลวเพลิงได้ เขารีบถอดกำไลออกทันที
ทันทีที่ถังเหล่ยถอดกำไรออกมา มันก็กลับคืนสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว เส้นสีแดงที่อยู่ในกำไลก็กลับมาไหลเวียนช้าๆ เช่นเดิม เขาจึงรีบเก็บเอากำไลกลับเข้าไปไว้ในแหวนมิติ หลังจากนั้นเขาก็รีบไปดับไฟที่กำลังลุกโชนอยู่เบื้องหน้า
ถังเหล่ยรู้สึกใเล็กน้อย สิ่งที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงก็คือกำไลที่เขาสวมใส่เมื่อครู่สามารถปล่อยเปลวเพลิงออกมาได้ อย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะทำอะไรก็ได้ ที่แห่งนี้คือเมืองหลวงจิ่วหั่ว หากสถานที่แห่งนี้เกิดไฟไหม้ จะต้องเกิดเื่ที่ไม่คาดคิดอย่างแน่นอน
“พลังของเปลวเพลิงค่อนข้างรุนแรง ดูท่ากำไลชิ้นนี้จะเป็สมบัติล้ำค่าอีกชิ้นหนึ่ง หากข้ารู้วิธีใช้ที่ถูกต้อง ต่อให้เป็ยอดฝีมือระดับยอดยุทธ์ก็ไม่อาจต้านทานได้!”
หลังจากที่ถังเหล่ยเก็บกำไลเข้าไปในแหวนมิติ เขาจึงเริ่มตรวจสอบวัตถุดิบที่ตนเองมี ในเวลานี้สิ่งที่เขา้ามากที่สุดก็คือหม้อปรุงยา แต่การสร้างหม้อปรุงยาในครั้งนี้เขาจำเป็ต้องใช้เงินจำนวนมาก เขาเกรงว่าแก่นอสูรที่มีอยู่จะไม่เพียงพอ นอกจากนี้เขายังต้องเหลือแก่นอสูรไว้ปรุงยาในอนาคตอีกด้วย
ภายในแหวนมิติแต่ละวงมีวัตถุดิบมากมาย หากนำวัตถุดิบเ่าั้ไปแลกเปลี่ยนเป็เงินก็ถือว่าการเดินทางของเขาในครั้งนี้ไม่เสียเปล่า หลังจากนั้นถังเหล่ยจึงหยิบเอาสิ่งของที่จำเป็เก็บไว้ในแหวนมิติของตนเอง ส่วนแหวนมิติและวัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้ล้วนเตรียมเอาไปขายในเช้าวันรุ่งขึ้น
ทันทีที่จัดเตรียมทุกอย่างแล้วเสร็จ ถังเหล่ยจึงนั่งลงบนเตียงและภายในมือก็ถือแก่นอสูรระดับสามที่ผ่านการหลอมกลั่นเอาไว้เม็ดหนึ่ง หลังจากนั้นจึงเริ่มบ่มเพาะเคล็ดวิชาัคชสาร
……