ิเป่าจูได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว สีหน้านิ่งขรึมลงทันที ในที่สุดก็เข้าใจจุดประสงค์ที่พวกนางมาครานี้แล้ว
ในที่สุดก็มาจนได้!
ตนเองเพิ่งได้ข่าวมาจากกู้ชิงชิง ยังไม่ถึงสองวันปัญหาก็ตามมาถึงบ้าน ดูท่าทางแล้วครานี้คิดจะเปลี่ยนแนวทาง มาใช้วิธีสานสัมพันธ์ฉันญาติมิตรกระมัง?
ิเป่าจูคาดเดาไม่ผิด พวกเขาวางแผนกันไว้ว่าจะแสดงบทใช้แผนทุกข์กาย [1]
เริ่มจากใช้ความสัมพันธ์ทางสายเืมาทำให้ิเป่าจูใจอ่อน เกิดความสงสารในชะตากรรมของพวกเขา แล้วจึงยอมตกลงแต่งงาน
ขณะที่ิเป่าจูครุ่นคิดอยู่นั้น หวังซื่อก็ยังร้องห่มร่ำไห้รำพึงรำพันของตนเองไป
“ไม่คิดเลยว่าซุนเถียนจะเป็พวกใจบาปหยาบช้าฆ่าคนตาไม่กะพริบ พอเห็นว่าพวกเราจะยกเลิกสัญญา ไม่เพียงแต่บุกมาทำร้ายพวกเราอย่างหนักหน่วง ยังขู่จะเผาเรือนของพวกเราอีกด้วย เ้าดูสิ ข้ากับมารดาก็พลอยถูกซ้อมจนสะบักสะบอมไปด้วย ส่วนท่านลุงเ้าป่านนี้ยังนอนพังพาบ ลุกจากเตียงไม่ขึ้นเลย”
หวังซื่อหันใบหน้าซีกข้างให้ิเป่าจูดูาแ มีรอยฟกช้ำดำเขียวดูน่าใอยู่จริง
ิเป่าจูเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าอีกคนที่มายืนร้องไห้อยู่ด้วยกันก็คือมารดาของหวังซื่อ เมื่อสังเกตเห็นว่าทั้งสองคนต่างใช้ผ้าโพกบนศีรษะทั้งคู่ ก็รู้สึกว่าน่าขบขันเหลือเกิน
คนที่รู้อาจบอกว่าได้รับาเ็ แต่คนไม่รู้อาจคิดว่าพวกนางสองแม่ลูกเพิ่งคลอดบุตรและกำลังอยู่เดือน [2] พร้อมกัน!
“เป่าจู เด็กดี นั่นคือลุงแท้ๆ ของเ้า เ้าจะนิ่งดูดายปล่อยให้คนตายต่อหน้าต่อตาไม่ได้เชียวนะ”
เหมียวซิ่วหลันก็แสร้งบีบน้ำตาสองหยด เข้ามาจะจับมือิเป่าจูอีกครา แต่อีกฝ่ายกลับหลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว จึงคว้าได้แต่อากาศ ได้แต่ถูมือแก้เก้อ แล้วถอยกลับไปอย่างเจียมตัว
“ได้ เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ” ิเป่าจูเอ่ยเสียงเย็น
สองแม่ลูกที่กำลังแสดงละครอย่างสุดความสามารถ ร้องไห้สะอึกสะอื้น พอได้รับคำตอบรวดเร็วเช่นนี้ก็ตั้งตัวไม่ติดอึ้งงันไปชั่วขณะ นี่คือตกลงแต่งงานแล้วหรือ ไยจึงรวดเร็วเช่นนี้เล่า
“เป่าจู ป้านึกแล้วว่าเ้าเป็เด็กจิตใจดีงาม กตัญญูมาั้แ่เด็ก ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน พวกเรากลับไปค่อยกำหนดวันแต่งงาน รออีกสองวัน...” หวังซื่อกลัวิเป่าจูจะเปลี่ยนใจ จึงรีบเอ่ยปาก
“ใครบอกว่าข้าจะแต่งงานกัน ข้าแค่รับปากว่าจะไปช่วยรักษาให้เท่านั้นเอง” ิเป่าจูตัดบทการพร่ำพรรณนาไม่หยุดของหวังซื่อ พลางเหยียดมุมปากมองดูสีหน้าอึ้งงันของคนทั้งสอง
“อย่างไรเสียก็เป็ท่านลุงของข้า ข้าไม่นิ่งดูดายปล่อยให้เขาตายหรอก แต่ถึงเป็ญาติกันก็ต้องคิดบัญชีให้ชัดเจน ค่าตรวจสำหรับการไปรักษาถึงบ้านก็ยังเก็บตามปกติ ข้าคิดพวกท่านแค่ตำลึงเดียวคงไม่มากเกินไปกระมัง ไปเถอะ ยังยืนนิ่งอยู่ทำไม เห็นบอกว่าท่านลุงเป็อัมพาตติดเตียงลุกไม่ขึ้นมิใช่หรือ”
“นางเด็กสาร...” ิเป่าจูพูดเสียจนคนทั้งสองมึนงงสับสน หวังซื่อตั้งสติได้ก่อนก็พลั้งปากด่าทอ
“มิใช่ เป่าจู ป้ามิได้หมายความว่าอย่างนั้น ทางท่านลุงเ้าไม่รีบ ไม่รีบ”
พอนึกได้ว่าตนเองมาที่นี่เพื่อสิ่งใด ถ้อยคำหยาบคายที่มาถึงริมฝีปากก็ถูกหวังซื่อกลืนกลับไปทั้งหมด นางพยายามสะกดกลั้นจนใบหน้าและลำคอแดงก่ำ แต่ยังคงเอ่ยวาจาอ่อนหวาน
“เช่นนั้นท่านหมายความว่าอย่างไร” ิเป่าจูเบิกตากว้างพลางกะพริบปริบๆ แสร้งทำเป็โง่งมทั้งที่เข้าใจ นางก็เล่นละครเป็เหมือนกัน!
“ความหมายของป้าก็คือ... เ้าคิดดูสิ อย่างไรเสียเืก็ข้นกว่าน้ำ หากเ้ารับปากแต่งงาน สกุลซุนร่ำรวยมั่งคั่ง เ้าแต่งไปที่นั่นก็จะได้สุขสบายชั่วชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น ซุนเถียนก็จะไม่มาหาเื่ท่านลุงของเ้าอีกด้วย”
หวังซื่อมองดูท่าทางแกล้งทำไขสือของิเป่าจูพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในที่สุดนางก็เข้าใจ หากไม่พูดให้รู้เื่ นางเด็กน่าตายคนนี้ก็จะพานางอ้อมไปอ้อมมาจนถึงพรุ่งนี้เช้า ิเป่าจูอาจมีเวลา แต่นางไม่ว่างขนาดนั้น จึงตัดสินใจพูดออกไปโดยตรงไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป ดูซิว่าอีกฝ่ายจะแสร้งทำเป็โง่เง่าได้อีกหรือไม่!
“แต่งไปแล้วจะสุขสบาย?” คำพูดประโยคนี้ทำให้ิเป่าจูโกรธเืขึ้นหน้า ทำสีหน้าเ็าขึ้นมาทันที “เื่ดีเช่นนี้ ไยท่านไม่นึกถึงหลานสาวแท้ๆ ของตนเองบ้างเล่า”
ิเป่าจูจำได้ว่าหวังซื่อมีพี่ชาย ซึ่งมีบุตรสาวอยู่หนึ่งคน เมื่อมีอะไรดีๆ ก็มักนึกถึงครอบครัวของตนเองก่อนเสมอ เคยเวียนมาถึงนางเสียที่ใดกัน!
พอได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหวังซื่อก็เปลี่ยนไป นางเด็กคนนี้สวมหน้ากากแสดงบทบาทต่อหน้านางมาโดยตลอด ทั้งที่รู้ทุกอย่างอยู่แก่ใจ และตัดสินใจไว้ก่อนแล้วด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นยังยืนมองตนเองแสดงละครราวกับผู้ชมภายนอก ทำราวกับว่านางเป็ละครลิง
“หน็อย...นางเด็กน่าตาย เ้ารู้อยู่แล้วยังมาแกล้งเสแสร้งอะไรกับข้าอีก”
หวังซื่อถอดหน้ากากจอมปลอมออก กลับสู่ท่าทางร้ายกาจดั้งเดิมของตนเอง เช่นนี้ิเป่าจูเห็นแล้วค่อยสบายตาขึ้น อีกฝ่ายไม่เหมาะที่จะแสดงละครครอบครัวรักใคร่จริงๆ
“ข้าก็แค่ให้ความร่วมมือกับพวกท่านหน่อยเท่านั้นเองมิใช่หรือ” แสดงอยู่ฝ่ายเดียวก็น่าเบื่อแย่ ต้องมีคู่ซ้อมถึงจะน่าสนใจ
“ข้าว่าเ้าสุราคารวะดีๆ ไม่ดื่ม ชอบดื่มสุราลงทัณฑ์ [3] เข้ามากันให้หมด!” หวังซื่อตะเบ็งสุดเสียงทันควัน น้ำเสียงสูงแหลมทำเอาิเป่าจูแสบแก้วหู
ประตูใหญ่เปิดผลัวะเข้ามา ิเถี่ยจู้กับบุรุษแปลกหน้าอีกคนบุกเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด ิเป่าจูเดาว่าคนผู้นี้ก็คือซุนเถียนที่หวังซื่อเอ่ยถึง
“เฮอะ นี่ไปเชิญหมอเทวดาคนใดมาเล่า พอกินยาปุ๊บก็หายขาดทันที ช่างเป็หัตถ์เทพคืนชีวิตขนานแท้ ถ้ามีโอกาสคงต้องไปคารวะสักหน่อยแล้ว”
เมื่อเห็นิเถี่ยจู้ที่หวังซื่อบอกว่าจะเป็จะตายลุกจากเตียงไม่ขึ้น เดินตรงเข้ามาหานางด้วยสีหน้าโกรธกริ้ว ไม่มีท่าทางของคนป่วยอ่อนแอแม้แต่กระผีก ก็อดที่จะเหน็บแนมมิได้
“หยุดพูดไร้สาระกับข้าได้แล้ว เื่วันนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเ้า ถึงไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง” หวังซื่อตวาดแว้ดเสียงแหลม นิ้วชี้เกือบจะจิ้มไปที่จมูกของิเป่าจูอยู่รอมร่อ
“พูดเกลี้ยกล่อมดีๆ ไม่ฟัง ก็อย่าหาว่าพวกเราโเี้ก็แล้วกัน” ิเถี่ยจู้ถลึงตาพลางย่างสามขุมเข้าหาิเป่าจู ในมือยังถือเชือกป่านขนาดเท่าหัวแม่โป้งมาด้วยเส้นหนึ่ง
ิเป่าจูหรี่ตา โกรธจนตัวสั่น นี่คือคิดจะจับนางมัดไปแต่งงานกับชายชราโดยไม่สนใจว่านางจะเป็จะตายอย่างไรสินะ!
“มัดเบาๆ หน่อยเล่า สาวน้อยผิวบอบบาง อย่าให้บาดเป็แผลเชียว” ซุนเถียนมองิเป่าจูด้วยสีหน้าหื่นกระหาย
เขาจ่ายได้คุ้มค่าจริงๆ สาวน้อยงดงามดุจบุปผาดุจหยกเช่นนี้หากแต่งงานไป นอกจากอาการป่วยของบิดาอาจดีขึ้นแล้ว เรือนร่างนุ่มนี้ก็ตกเป็ของตนเองอยู่ดีไม่ใช่หรือ
อย่างไรเสียบิดาก็เสพสุขไม่ไหวอยู่แล้ว มิสู้ไว้เสียเอง ก็ยังสามารถหาความสำราญไปพลางๆ ได้
กว่าบิดาจะตายไปจริงๆ คาดว่าตนเองก็คงเล่นจนหนำใจแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยฝังนางไปพร้อมกับบิดาเท่านี้ก็สมบูรณ์แบบมิใช่หรือ
เห็นสายตาอันโจ่งแจ้งของซุนเถียน ทุกคนต่างก็เข้าใจว่าเขาคิดอย่างไร แต่ไม่มีใครกล้าออกความเห็น ตราบใดที่เงินมาถึงมือ อย่างอื่นก็ไม่ต้องไปสนใจมากมาย
เสียงวิ้งดังกระหึ่มในสมองของิเป่าจู ความเศร้าใจ คับแค้น และเดือดดาลผสมปนเปเข้าด้วยกัน
นางมองิเถี่ยจู้ที่ก้าวช้าๆ ใกล้เข้ามา เห็นแววตาสาแก่ใจของหวังซื่อและเหมียวซิ่วหลัน รวมถึงสีหน้าชวนสะอิดสะเอียนของซุนเถียน โทสะที่พลุ่งพล่านในใจก็ไม่อาจระงับไว้ได้อีกต่อไป
ขณะถอยหลังไปเรื่อยๆ ก็สังเกตรอบด้านไปพร้อมกัน จนกระทั่งมาถึงใต้ชายคาก็ย่อตัวลงอย่างรวดเร็วแล้วคว้าก้อนอิฐข้างโอ่งน้ำจากด้านหลังมาฟาดศีรษะของิเถี่ยจู้สุดแรง
“โอ๊ย”
เสียงร้องโหยหวนดังสนั่นหวั่นไหว ดึงดูดให้ชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้นเข้ามาอย่างรวดเร็ว
คนที่มาถึงก่อนเห็นิเถี่ยจู้ตัวงอเหมือนกุ้ง มือข้างหนึ่งกุมศีรษะไว้ มีเืไหลออกมาตามร่องนิ้วมือ ปากร้องโอดโอย
“โอย...”
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะขวัญกล้าถึงเพียงนี้ ิเถี่ยจู้ก็ไม่ทันระวังตัว จึงถูกตีเข้าอย่างจัง
ทุกคนต่างตกตะลึงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันตรงหน้า หวังซื่อตั้งสติได้ก่อนคนแรก ก็กรีดร้องวิ่งเข้าไปดูอาการของิเถี่ยจู้ทันที
ิเป่าจูฉวยโอกาสนี้โยนก้อนอิฐในมือออกไป แล้ววิ่งตรงไปที่ประตู นี่คือโอกาสเดียวของนางแล้ว!
เชิงอรรถ
[1] แผนทุกข์กาย คืออุบายเสแสร้งทำร้ายร่างกายของตนเอง เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเชื่อหรือตายใจ
[2] อยู่เดือน คือการอยู่ไฟของสตรีหลังคลอดบุตร รวมถึงสตรีแท้งบุตร ปกติสตรีอยู่เดือนจะโพกผ้าที่หน้าผากเพื่อรักษาความอบอุ่น
[3] สุราคารวะดีๆ ไม่ดื่ม ชอบดื่มสุราลงทัณฑ์ ใช้ในความหมายว่า พูดดีๆ ด้วยไม่ชอบ ชอบให้ลงไม้ลงมือ
