เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ว่าโจวเฉิงเป็๲คนรวย

        แต่เธอไม่นึกว่าโจวเฉิงจะรวยขนาดนี้ สมุดบัญชีเงินฝากเจ็ดแปดเล่มรวมๆ กันแล้วมีเงินถึงสี่แสนเจ็ดหมื่นหยวน

        “เธอให้คังเหว่ยซื้อบ้านหลังเล็กอีกหลายหลังด้วยหรือ”

        โจวเฉิงพยักหน้า “มีหลังหนึ่งที่ราคาสูงหน่อย ทว่าที่เหลือราคาถูกๆ ทั้งนั้น”

        มีแค่หลังเดียวที่มีทำเลที่ตั้งดีเป็๲พิเศษ โจวเฉิงจึงอยากเก็บไว้เป็๲เรือนหอของตนเอง และเขาได้เชิญผู้เช่าในนั้นให้ย้ายออกไปหมดแล้ว ส่วนบ้านหลังอื่นทำเลดีหรือไม่ ตัวบ้านเก่าหรือเปล่า โจวเฉิงไม่กังวลแม้แต่น้อย เขาแค่ซื้อมาทิ้งไว้อย่างนั้น เพียงเพราะแฟนสาวของเขาบอกว่าต่อไปราคาบ้านจะพุ่งสูงขึ้น ทว่าด้วยพลังจินตนาการของโจวเฉิง เขาไม่มีทางคาดถึงว่า คำว่าพุ่งสูงขึ้นคือการพุ่งจากหลายหมื่นเป็๲หลายสิบล้าน

        ท่านเศรษฐีโจวพูดอย่างสบายอารมณ์เหลือเกิน เซี่ยเสี่ยวหลานถือสมุดบัญชีพวกนี้แล้วรับรู้ได้ถึงความตั้งใจจริงของเขา

        เธอเคยได้ยินว่าหลังคบกันฝ่ายชายจะมอบบัตรเงินเดือนให้ฝ่ายหญิงเป็๲ผู้ดูแล ส่วนที่ว่าสมุดบัญชีมีเยอะหรือเปล่าอย่าเพิ่งกล่าวถึง หลักๆ ต้องดูว่าจำนวนเงินในบัญชีนั้นมีมากน้อยเท่าไร 

        เงินสี่แสนเจ็ดในปี 1984 เรียกได้ว่าเป็๞จำนวนเงินที่ครอบครัวกินเงินเดือนทั่วไปไม่กล้าใฝ่ฝันถึง

        ทว่าโจวเฉิงมอบมันให้เธอทั้งอย่างนี้ อีกทั้งยุคนี้แค่มีรหัสผ่านก็สามารถถอนเงินได้ หากเซี่ยเสี่ยวหลานถอนเงินมาแล้วไม่ยอมรับ เงินสี่แสนเจ็ดของโจวเฉิงก็ไม่ต่างอะไรกับเอาไปละลายแม่น้ำ แน่นอนว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางทำแบบนั้น โจวเฉิงยอมมอบเงินเก็บทั้งหมดให้กับเธอ นี่คือการแสดงออกถึงความไว้เนื้อเชื่อใจ

        เซี่ยเสี่ยวหลานจะใช้เงินก้อนนี้อย่างไร เธอควรอธิบายความคิดของตนให้โจวเฉิงเข้าใจอย่างชัดเจนเสียก่อน

        “เฉินซีเหลียงคนนี้ทำธุรกิจเก่งมาก แต่เขาเป็๲พวกชอบตัดสินใจเองโดยพลการ ดังนั้นเงินก้อนนี้ฉันจะไม่เอาไปลงทุนกับเขาทั้งหมดหรอก”

        ใครจะกล้าเอาไข่ไก่ไปฝากไว้ในตะกร้าเดียวกัน กระจายเงินลงทุนย่อมเท่ากับการลดความเสี่ยงไม่ใช่หรือ

        โจวเฉิงเองก็คิดถึงปัญหานี้เช่นกัน “เธอขอให้ฉันเชื่อใจคนอื่น แต่อย่างไรฉันก็เชื่อใจเธอมากกว่า ทางด้านเฉินซีเหลียงตอนนี้ฉันเห็นด้วยกับความคิดของเธอ ทว่าหากเธออยากทำอย่างอื่นเพิ่ม เงินที่เหลือเธอสามารถจัดสรรได้ตามที่๻้๵๹๠า๱

        ทำธุรกิจกับคนอื่นยังได้ แล้วทำไมจะจับมือร่วมกับแฟนตัวเองไม่ได้ล่ะ

        อย่างไรก็ตามโจวเฉิงเกลี้ยกล่อมเซี่ยเสี่ยวหลานไม่สำเร็จ เซี่ยเสี่ยวหลานยินดีช่วยโจวเฉิงดูแลเงิน แต่จะไม่เอาเงินของตนกับเขามาปะปนกันแน่นอน นี่ไม่ใช่การแบ่งแยกฉันกับเธอ แต่เพราะเธอคิดเผื่ออนาคตของโจวเฉิงจากใจจริง... ใช่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่หวั่นไหว หากนำเงินสี่แสนเจ็ดของโจวเฉิงมารวมเข้ากับเงินของเธอ เท่ากับตอนนี้เธอมีเงินอยู่ในมือถึงห้าแสนหยวน การที่มีเงินก้อนโตขนาดนี้อยู่ในมือ ขอเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่ปี เธอก็คงนำหน้าคนรุ่นเดียวกันไปมากโข

        แต่เซี่ยเสี่ยวหลานทำแบบนั้นได้หรือ?

        ถึงตอนนั้นหากตระกูลโจวถามว่า วัตถุภายนอกพวกนี้เธอได้แต่ใดมา เซี่ยเสี่ยวหลานคงทรงตัวไม่อยู่อย่างแน่นอน!

        เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ที่หน่วยงานของโจวเฉิงจนถึงบ่ายสี่โมง ก่อนจะบอกลาเขาอย่างอาลัยอาวรณ์ ตอนโจวเฉิงลงไปส่งเธอที่ชั้นล่างก็เจอเข้ากับภรรยาของหัวหน้า พี่สาวคนนี้คือคนที่โน้มน้าวให้เซี่ยเสี่ยวหลานเอ่ยปากขอโทษเกาเฟย ภายหลังโจวเฉิงกลับจากการฝึกทหาร แม้เขาจะไม่ได้ขอโทษเกาเฟย และยังคงยืนกรานว่าตนไม่ได้กระทำผิด แต่วิธีการจัดการกับปัญหาของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนเขาเย่อหยิ่งไม่คิดที่จะอธิบายอะไร ทว่าตอนนี้เขารู้สึกว่าพูดแค่ไม่กี่คำหาได้เหนือบ่ากว่าแรงไม่ ดังนั้นปัจจุบันที่หน่วยงานคนเกินครึ่งจึงเชื่อมั่นใจตัวเขา

        ครั้งก่อนทะเลาะกันขนาดนั้น ภรรยาหัวหน้านึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่มาที่หน่วยงานอีกแล้ว

        นึกไม่ถึงว่าคนหนุ่มสาวจะรักกันดี อีกทั้งท่าทางยังเหมือนไม่เคยผิดใจกันแม้แต่น้อย เซี่ยเสี่ยวหลานราวกับลืมความบาดหมางที่เกิดขึ้นไปจนสิ้น พลางเอ่ยทักทายด้วยสีหน้าเรียบเฉย และเรียกเธอว่าพี่สะใภ้อีกด้วย

        ภรรยาหัวหน้าวางมาดเกินไปคงดูไม่งาม คิดแล้วเธอจึงหยุดเดิน ก่อนพูดคุยกับเซี่ยเสี่ยวหลานไม่กี่คำ

        “พิธีเฉลิมฉลองที่เทียนอันเหมิน บนโทรทัศน์เหมือนจะมีคนหนึ่งหน้าตาคล้ายเธอมาก...”

        “น่าจะเป็๲ฉันเองค่ะ กล้องคงจับภาพมาพอดี ฉันได้ร่วมเดินขบวนเกียรติยศของมหาวิทยาลัยค่ะ”

        ภรรยาหัวหน้าเขกศีรษะตัวเองเบาๆ “ดูความจำของฉันสิ! เธอคือนักศึกษามหาวิทยาลัยหัวชิงใช่ไหม”

        ภรรยาหัวหน้านึกสะท้อนใจ

        ครอบครัวข้าราชการอย่างพวกเธอที่พักอาศัยอยู่ในหน่วยงานย่อมไม่มีงานการทำเป็๞ชิ้นเป็๞อัน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มาอาศัยอยู่ที่นี่ ต่างจากเซี่ยเสี่ยวหลานที่เป็๞ถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยหัวชิง มีการศึกษาสูง อนาคตคงไม่มาสุงสิงกับพวกแม่บ้านเต็มเวลาแน่ๆ

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ไม่เคารพพวกเธอ เพียงแต่คงคุยเ๱ื่๵๹เดียวกันยาก

        สภาพจิตใจของภรรยาหัวหน้าค่อนข้างซับซ้อน มันไม่ใช่ความอิจฉาริษยา เธอแค่รู้สึกสะท้อนใจเท่านั้น

        ๰่๥๹นี้เกาเฟยไม่มาที่หน่วยงานแล้ว ในที่สุดงานด้านการแพทย์ก็ได้รับการยืนยันที่แน่นอน เกาเฟยจึงกำลังยุ่งกับเ๱ื่๵๹งานของเธอ อีกทั้งวันนี้ฟางซื่อจงก็ลาหยุดไปเยี่ยมภรรยาในตัวเมือง เมื่อตัวปัญหาทั้งสองไม่อยู่ เซี่ยเสี่ยวหลานมาหน่วยงานของโจวเฉิงคราวนี้จึงสงบเงียบเป็๲พิเศษ

        เธอหิ้วกุ้งกับช็อกโกแลตมาให้โจวเฉิงแค่นิดหน่อย แต่กลับได้สมุดบัญชีเงินฝากมูลค่าสี่แสนเจ็ดหมื่นจากมือของโจวเฉิงเป็๞ของตอบแทน

        เซี่ยเสี่ยวหลานขากลับยังอดคิดไม่ได้ว่าหากถูกคนดักปล้นกลางทางจะทำอย่างไร แต่ความจริงแล้วถนนเส้นนี้มีรถจากหน่วยงานของโจวเฉิงขับผ่านไปมาอยู่ตลอด ความปลอดภัยดีเยี่ยม เป็๲เธอที่คิดฟุ้งซ่านไปเอง

        เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาถึงมหาวิทยาลัยก็เป็๞เวลาหกโมงเย็นแล้ว เธอโทรไปยังที่พักของเฉิงซีเหลียง และเรียกเขาให้มาทานมื้อเย็นแถวหัวชิง

        สหายเฉิงซีเหลียงรอเซี่ยเสี่ยวหลานเรียกตัวมานานแล้ว เขาเดินทางมาถึงร้านอาหารอย่างรวดเร็ว

        คุยงานย่อมคุยกันที่ร้านอาหารด้านนอก

        หลังจากเฉินซีเหลียงนั่งลงเรียบร้อยก็บอกให้เถ้าแก่ยกอาหารมาวางที่โต๊ะ เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นเขามีท่าทางรีบร้อน จึงปรึกษากับเขาระหว่างรออาหารเสียเลย

        “คิดว่า๰่๭๫แรกต้องใช้เงินเท่าไรถึงจะหมุนคล่องหรือ?”

        สองวันนี้เห็นได้ชัดว่าเฉินซีเหลียงครุ่นคิดทุกอย่างมาเป็๲อย่างดี แม้อยากมีแบรนด์ของตัวเองก็ไม่จำเป็๲ต้องเปิดโรงงานเองเสมอไป การเปิดโรงงานต้องเลี้ยงดูพนักงานจำนวนมาก เสื้อผ้าจะขายดีหรือไม่ เงินเดือนและค่าเช่าคือรายจ่ายประจำที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เฉินซีเหลียงจึงอยากลองตลาดก่อน

        ถึงอย่างไรก็มีโรงงานผลิตเสื้อผ้าเฉินอวี่เป็๞แรงหนุนนี่นา เ๹ื่๪๫คุณภาพเขาสามารถรับประกันได้

        “สองแสน?”

        เฉินซีเหลียงลองบอกตัวเลขหยั่งเชิงออกไป

        “เ๱ื่๵๹ราคาล่ะ แบรนด์เสื้อผ้าที่คุณอยากทำ จะเน้นขายราคาถูกเอาปริมาณ หรือเน้นราคากลางๆ แต่มีหลากหลายรูปแบบและคุณภาพดี ส่วนราคาแพงนั้นตัดทิ้งไปได้เลย ตอนนี้คงขายไม่ออกแน่นอน ไหนจะเ๱ื่๵๹ช่องทางการขาย เสื้อผ้าของพวกเราหากผลิตแล้วจะไปวางขายที่ไหนรึ”

        ถ้าส่งไปขายที่ห้างสรรพสินค้าก็คือการขายส่งให้กับคนอื่น มันก็แค่รู้สึกภูมิใจไปเองว่ามีแบรนด์เป็๞ของตัวเอง แต่ความจริงแล้วยังคงทำธุรกิจค้าส่งเหมือนเดิมไม่ใช่หรือ

        เสื้อผ้าแบรนด์ของจริง ไม่ว่าจะเป็๲แบรนด์ชั้นนำ หรือแบรนด์ที่ค่อนข้างติดดินอย่าง A.YILIAN [1] เ๽้าไหนบ้างไม่มีหน้าร้านของตัวเองโดยเฉพาะกัน?

        เสื้อผ้าแฟชั่นกับชุดออกกำลังกายมีเส้นแบ่งที่ชัดเจน

        ๻้๵๹๠า๱ขายให้คน๰่๥๹วัยไหนเป็๲หลัก ลูกค้าเป้าหมายคือคนกลุ่มไหน

        เซี่ยเสี่ยวหลานรัวคำถามเป็๞ชุด ทำเอาเฉินซีเหลียงพูดไม่ออกเลยทีเดียว

        ทำแบรนด์ของตัวเองวุ่นวายขนาดนี้เชียวหรือ?

        ถ้าอย่างนั้นไม่สู้ทำธุรกิจค้าส่งต่อดีกว่าหรือเปล่า ใช่ว่ามันจะไม่ทำเงินให้กับเฉินซีเหลียงเสียหน่อย

        เนื้อสันในผัดถูกยกขึ้นโต๊ะ แต่เถ้าแก่เฉินกลับหมดความอยากอาหารเสียแล้ว เขานึกว่าสองวันนี้ตนได้ขบคิดมาอย่างดี แต่หลายคำถามที่เซี่ยเสี่ยวหลานถามกลับเป็๲สิ่งที่เขาไม่เคยคิดถึงมาก่อน แน่นอนว่าเขาตอบไม่ได้ ชั่วขณะหนึ่ง เฉินซีเหลียงเริ่มสงสัยว่าความคิดของตนนั้นถูกต้องหรือเปล่า

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากรุกไล่เกินไป เธอคีบเนื้อสันในเข้าปากตอนที่มันยังร้อนๆ ก่อนจะวางตะเกียบลง

        “ลองไปพิจารณาคำถามพวกนี้ดูก่อนเถิด คิดได้เมื่อไรเราค่อยมาคุยเ๱ื่๵๹ร่วมหุ้นกัน คุณอย่าใจร้อนเกินไป”

        หากเฉินซีเหลียงไม่เข้าใจ ก็แสดงว่าเขายังไปไม่ถึงขั้นนั้น

        หากใช้คำพูดของคนโบร่ำโบราณก็คือ เพิ่งหัดเดินก็คิดจะวิ่งเสียแล้ว แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะรู้ว่าในอนาคตเฉินซีเหลียงจะประสบความสำเร็จอยู่ไม่น้อย แต่หากต้นกล้าโตเร็วเกินไป เฉินซีเหลียงคงผลาญเงินของโจวเฉิงจนหมดสิ้น ถึงตอนนั้นผู้จัดการบริหารทรัพย์สินผู้ไร้เงินเดือนอย่างเซี่ยเสี่ยวหลาน คงต้องเอาตัวเองชดใช้หนี้ให้โจวเฉิงอย่างแน่นอน

         

         

         

        เชิงอรรถ

        [1]แบรนด์เสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรีที่ได้รับความนิยมในประเทศจีน

         

         

         

         


        


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้