“ใช่ครับ ดอยไป๋ผิน” ฉินหลางพยักหน้า แล้วถามอีกว่า “บนดอยไป๋ผิน มีหมู่บ้านเมี่ยนอยู่ใช่ไหมครับ?”
ชายชรามองซ้ายมองขวา แล้วเตือนฉินหลางเบาๆ ว่า “เ้าหนุ่ม! เธอเป็เด็กนักเรียนในเมือง ที่มาเที่ยวที่นี่ใช่ไหม ถ้าเธออยากศึกษาวิถีชีวิตของชาวเมี่ยน ก็ไปเที่ยวชมในหมู่บ้านเมี่ยนที่รัฐบาลเปิดเป็สถานที่ท่องเที่ยว อย่างหมู่บ้านในหุบเขา หรือชุมชนดอกท้อดีกว่า บรรยากาศก็ดี ส่วนดอยไป๋ผิน เธออย่าไปดีกว่า”
“ทำไมถึงไปดอยไป๋ผินไม่ได้ล่ะครับ?”
“เฮ้อ เ้าเด็กนี่ทำไมถึง—ดอยไป๋ผิน ที่นั่นเป็รังโจร!” ชายชราเตือนฉินหลางด้วยความหวังดี “ถ้าเธอไม่เชื่อ ฉันก็ี้เีเตือนแล้ว!”
“คุณลุงอย่าเพิ่งโมโหสิครับ ผมแค่ถามเท่านั้นเอง” ฉินหลางยิ้มหวานพลางกล่าว “จริงสิ ช่วยชั่งแอบเปิลให้ผม 2 กิโล แล้วก็เอากล้วยด้วยนะครับ ผมจะเอาไว้กินระหว่างทาง”
ฉินหลางกินแอปเปิ้ลไปด้วย คิดหาวิธีไปดอยไป๋ผินๆ ไปด้วย
ในเวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มสวมเสื้อทีเชิ้ตสีดำเดินมาทางฉินหลาง พร้อมกับถามด้วยรอยยิ้มว่า “น้องชาย เธอมาเที่ยวที่นี่ใช่ไหม จะนั่งรถมอเตอร์ไซค์ฉันรึเปล่า?”
ที่แท้ก็ ‘วินมอเตอร์ไซค์’ มาหาผู้โดยสารนี่เอง
“ใช่ครับ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปดูวิถีชีวิตชนเผ่าเมี่ยนแบบดั้งเดิม” ฉินหลางพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจ “จริงสิ พี่รู้จักหมู่บ้านเมี่ยนบนดอยไป๋ผินใช่ไหมครับ?”
“น้องชาย นายจะไปทำอะไรที่นั่น?” ชายหนุ่มสงสัย
“พี่รู้ทางรึเปล่า?” ฉินหลางกล่าว “ถ้ารู้ทาง แค่ไปส่งผมที่นั่นก็พอ”
“อันนี้…ถ้านายจะไปดอยไป๋ผิน อย่างน้อย 50 หยวน ที่นั่นไปยาก ทางไม่ค่อยดี” ชายหนุ่มพูดโก่งราคา
“ได้ครับ” ฉินหลางรีบตกลงทันที ความจริงแล้ว ค่าโดยสารปกติคือ 35 หยวน ต่อให้ฉินหลางจะต่อราคา ให้ถูกลงอีก 10 หยวน เขาก็ตกลงอยู่ดี
สตาร์ทมอเตอร์ไซด์ ขับผ่านหน้าที่ว่าการอำเภอหนานผิง
เพียงครู่เดียว ชายหนุ่มก็หันไปถามฉินหลางว่า “น้องชาย จะจอดซื้อ ‘สงหวง’ จากร้านขายยาข้างหน้าก่อนไหม?”
“ทำไมต้องซื้อด้วยครับ?” ฉินหลางถาม “ตอนนี้ไม่ใช่เทศกาลไหว้บะจ่างสักหน่อย”
“น้องชาย บนดอยมีงูและแมลงเยอะ โดยเฉพาะดอยไป๋ผิน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย คนที่มาจากต่างถิ่น ทุกคนจะซื้อเหล้าสงหวงติดตัวเอาไว้ ต่อให้ไม่ดื่ม เอาไว้ทาลำตัวหรือแข้ง ขาก็ยังดี” วินมอเตอร์ไซด์หนุ่มกล่าว “ที่สำคัญราคาไม่แพง เหล้าสงหวงหนึ่งขวด ราคาเพียง 10 กว่าหยวน ไม่เกิน 20 หยวนแน่นอน”
“ช่างเถอะ ผมไม่กลัวพวกงูกับแมลง” ฉินหลางกล่าว
เดิมทีคนขับวินหนุ่มชักชวนให้ฉินหลางไปซื้อของ เพราะหวังเงินค่าคอมมิชชั่นจากคนขาย แต่คิดไม่ถึงว่าฉินหลางจะไม่กลัวพวกงูกับแมลง เขาจำต้องเลิกล้มความตั้งใจนี้ซะ
ทางที่จะไปดอยไป๋ผินไม่ดีจริงๆ ด้วย นอกจากจะเป็ทางดอยแล้ว ยังมีก้อนหินเล็กๆ เกลื่อนถนน ขนาดเป็รถมอเตอร์ไซค์ ยังต้องขับช้ามากๆ เสียเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง กว่าฉินหลางจะไปถึงตีนดอยไป๋ผิน
ดอยไป๋ผินสูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 2,000 กว่าเมตร เป็ดอยที่สูงเป็ระดับต้นๆ ของเมืองเซี่ยหยาง เพราะที่นี่ยังไม่พัฒนา ไม่มีสารพิษจากโรงงาน ทำให้อากาศดีและบริสุทธิ์มาก ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว บวกกับบรรยากาศที่นี่ ช่างเป็เวลาที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวจริงๆ แต่นอกจากเส้นทางที่มายังดอยไป๋ผินจะแย่มากแล้ว ที่นี่ยังไม่เปิดให้ท่องเที่ยวอีก ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงไม่นิยมมาที่นี่ แทบจะไม่มีคนนอกเข้ามาเลยด้วยซ้ำ
เมื่อมาถึงตีนดอยแล้ว วินหนุ่มก็ดับเครื่อง แล้วจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ข้างทาง จากนั้นชี้ทางทางเดินเล็กๆ พร้อมกับพูดว่า “เดินไปตามทางนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงไหล่ดอย ก็ถึงหมู่บ้านเมี่ยนดอยไป๋ผินแล้ว แต่ฉันว่านายอย่าไปเลยดีกว่า”
“เหอะ…เพราะอะไร?” ฉินหลางถามพร้อมกับยื่นเงินค่ารถให้วินหนุ่ม
อาจเป็เพราะวินหนุ่มเห็นแก่เงินค่ารถ จึงพูดต่อว่า “หมู่บ้านเมี่ยนดอยไป๋ผินไม่เปิดให้ท่องเที่ยว ดังนั้นพวกเขาไม่ชอบให้คนนอกเข้าไป และที่สำคัญ หมู่บ้านที่ยังไม่เปิดเสรีแบบนี้ พวกเขาจะฟังแค่คนในพื้นที่เท่านั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้น ตำรวจก็จะไม่ช่วยนายแน่นอน ดังนั้นนายจะท่องเที่ยวก็ท่องเที่ยวไป แต่ทางที่ดีอย่าเข้าไปในหมู่บ้าน!”
“ครับ ขอบคุณมาก” ฉินหลางกล่าว
บรื้นๆ!~
เพียงครู่เดียว วินหนุ่มก็สตาร์ทมอเตอร์ไซด์ รีบขับลงดอยหายไปลับตาอย่างรวดเร็ว
ตีนดอยไป๋ผิน ปกติไม่มีคนผ่านแน่นอน แต่ในเวลานี้ กลับมีชายชรา สะพายย่ามที่สานด้วยไม้ไผ่เดินผ่านมา ชายชราเป่าเมี่ยนอายุประมาณ 50 กว่าปี ทว่าท่าเดินกลับมั่นคง แข็งแรง ชายชรามายืนข้างๆ ฉินหลางแล้วพูดขึ้นว่า “เ้าหนู ตอนนี้เริ่มจะมืดแล้ว ทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่?”
“ผมอยากขึ้นดอย” ฉินหลางกล่าว
“จะขึ้นดอยเหรอ? ฉันอยู่หมู่บ้านข้างหน้าพอดี เ้าหนู งั้นเธอก็ตามฉันมา”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม
ฉินหลางเดินตามชายชรามาเกือบหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดเขาก็พบกับหมู่บ้านที่อยู่กลางป่า หมู่บ้านนี้สร้างขึ้นบนดอย ทั้งสี่ทิศของหมู่บ้านมีน้ำตก และลำธารใสๆ ไหลผ่าน บวกกับนกที่กำลังบินกลับรัง มองจากตรงนี้ ราวกับเห็น**หมู่บ้านดอกท้อในตำนาน
ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังตกดิน เศษแสงของดวงอาทิตย์ราว แดงราวกับสีเื นั่นทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างไม่มีสาเหตุ
“เ้าหนู ข้างหน้าเป็หมู่บ้านของพวกเราแล้ว ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้วด้วย เขาไปพักผ่อนในหมู่บ้านสักคืนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ” ชายชราหันไปบอกฉินหลาง
“นี่ตาเฒ่าแกล้งเป็คนดีตั้งนานนี้แล้ว ไม่เหนื่อยเหรอ?” ฉินหลางพูดอย่างเฉยเมย “ความจริงแล้วย่ามสานที่นายสะพายอยู่ มันเป็ย่ามเปล่า แต่กลับเอาหญ้ามาปิดปากย่ามเอาไว้ ฉันคิดว่า จุดประสงค์ของนายคือพาฉันมาที่หมู่บ้านนี้สินะ?
เมื่อถูกฉินหลางเปิดโปงแล้ว ความเป็มิตรบนใบหน้าของชายชราก็หายไปทันที เปลี่ยนเป็ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง “ไอ้หนู แกคือฉินหลางสินะ? ข้างหน้าเป็ฐานของพวกเรา ถ้าแน่จริงก็เข้าไปกับฉันสิ—”
พูดจบ ชายชราก็ผิวปากเสียงดัง เสียงนี้ทำเอานกหลายชนิดในป่าแตกตื่น บินหนีแทบทั้งป่า
ทันทีที่เสียงผิวปากดังขึ้น บรรยากาศในป่าเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต
“เดินนำทางด้วย! ฉันจะไปพบชิงเฮ่อหยุน!”
ฉินหลางบอกกับชายชรา แล้วเดินตามเขาไปทางหมู่บ้าน
หมู่บ้านนี้สร้างขึ้นด้วยวัสดุก่อสร้างสีทอง สูงบ้างต่ำบ้าง แต่จัดเรียงอย่างมีระเบียบ พื้นที่รอบๆ หมู่บ้านสูงชันมาก มีทางเข้าทางเดียว ก็คือทางประตูด้านหน้า แต่กลับต้องผ่านซุ้มประตูของหมู่บ้าน นอกจากนี้ ในหมู่บ้านมีหอสูง 2 หลังที่เอาไว้สังเกตการณ์ สูงสง่าและน่าเกรงขามมาก
ฉินหลางไม่รู้ว่าที่นี่เป็ ‘ฐานหลัก’ ของแก๊งชิงหวนรึเปล่า แต่ต้องยอมรับว่า ที่นี่ไม่เลวเลยจริงๆ ถ้าเปิดเป็สถานที่ท่องเที่ยวจะต้องรุ่งแน่ๆ น่าเสียดายที่ตอนนี้เป็ ‘รังโจร’
ชายชรายังคงเดินนำอยู่ข้างหน้า แต่เดินไปจนใกล้จะถึงประตูหมู่บ้านแล้ว ชายชราก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ รีบหันกลับไปมอง กลับพบว่าฉินหลางหายไปแล้ว! ฉินหลางแอบหนีไปั้แ่เมื่อไร ทำไมชายชราถึงไม่รู้!
หวอๆ!
จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณเตือนดังมาจากในหมู่บ้าน หลังจากที่เสียงเตือนนี้ดังขึ้น คนนับสิบพร้อมอาวุธในมือ บ้างถือปืนพก บ้างถือปืนล่าสัตว์ พุ่งออกมาจากหมู่บ้าน
*สงหวง : เป็ยาที่เอาไว้ป้องกันงู
**หมู่บ้านดอกท้อในตำนาน : เป็หมู่บ้านของเหล่านักปราชญ์ หนีจากสังคมที่วุ่นวาย มาสร้างกลางป่า ตัดขาดจากโลกภายนอก คนในหมู่บ้านรักใคร่ ปรองดอง ไม่มีความขัดแย้ง และชอบความสงบ เป็สถานที่ที่มีในตำนาน กับจินตนาการเท่านั้น ว่ากันว่าคนในไม่ให้ออก คนนอกก็ไม่ให้เข้าเหมือนกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้