หนิงอ้ายได้ชวนลู่ซีเดินเที่ยวตลาดเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจวนตระกูลหวังมากนัก ด้วยระยะทางที่สั้นเพียงนี้ในตอนแรกหนิงอ้ายตั้งใจว่าจะเดินเท้าไปเพื่อที่จะได้ซึมซับเอาบรรยากาศต่าง ๆ ของมหานครแคว้นเต่าดำ เเต่ลูซีเห็นต่างไปว่าหากนั่งรถม้าไปย่อมสามารถที่จะเลือกจับจ่ายซื้อของได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเอากลับจวนตระกูลหวังอย่างไร
อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานประลองของแคว้นแล้ว คาดการณ์ว่าคงมีผู้ฝึกตนจากทั่วสารทิศเข้ามาร่วมงานประลองมากเป็แน่เนื่องจากว่าของรางวัลสำหรับผู้ชนะในครั้งนี้ ทางแคว้นเต่าดำที่รับเป็เ้าภาพจัดงานค่อนข้างที่จะทุ่มงบประมาณอย่างมหาศาลเลยทีเดียว ของรางวัลสำหรับผู้ชนะทั้งสิบอันดับเป็ไปดังนี้
ผู้ชนะอันดับหนึ่งการประลองจะได้รับบทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับเทวะอย่างละหนึ่งบทเวทย์ และบทเวทย์ระดับสูงอีกสามบทเวทย์ อีกทั้งยังได้เงินรางวัลจำนวนสองหมื่นเหรียญทอง
ผู้ชนะอันดับที่สองจะได้รับบทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับเทวะอย่างละหนึ่งบทเวทย์ บทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับสูงอย่างละหนึ่งบทเวทย์ อีกทั้งยังได้เงินรางวัลทั้งสิ้นจำนวนหนึ่งหมื่นเหรียญทอง
ผู้ชนะอันดับที่สามจะได้รับบทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับสูงอีกอย่างละหนึ่งบทเวทย์ บทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับกลางอย่างละสามบทเวทย์ และได้เงินรางวัลจำนวนทั้งสิ้นเจ็ดพันเหรียญทอง
ผู้ชนะอันดับที่สี่จะได้รับบทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับสูงอีกอย่างละหนึ่งบทเวทย์ บทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับกลางอย่างละสองบทเวทย์ อีกทั้งเงินรางวัลจำนวนทั้งสิ้นห้าพันเหรียญทอง
ผู้ชนะอันดับที่ห้าจะได้รับบทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับสูงอีกอย่างละหนึ่งบทเวทย์ บทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับกลางอย่างละหนึ่งบทเวทย์เช่นกันอีกทั้งยังได้เงินรางวัลจำนวนสามพันเหรียญทอง
และสุดท้ายสำหรับผู้ชนะอันดับที่หกถึงสิบจะได้รับบทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับสูงอีกอย่างละหนึ่งบทเวทย์และเหรียญทองจำนวนสองพันเหรียญ
ผลประโยชน์จากงานประลองแคว้นครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การสร้างชื่อเสียงของสำนักศึกษาที่มีลูกศิษย์เข้าร่วมและได้รับอันดับที่ดีเพียงเท่านั้น ผู้ที่ชนะอันดับหนึ่งถึงสิบย่อมได้รับการยอมรับนับถือโดยทั่วไปไม่ต่างกับบรรดาขุนนางในราชวงศ์เสียด้วยซ้ำ และเป็ที่เชิดหน้าชูตาแก่ตระกูลตนยิ่งนัก กล่าวได้เลยว่าผู้ฝึกตนที่ได้เข้าร่วมการประลองของแคว้นในแต่ละครั้งหากได้เเสดงฝีมือเป็ที่ประจักษ์และได้อันดับที่ดีในการประลองแล้ว ย่อมเป็ที่น่าจับตามองอาจจะมีการทาบทามเเม่สื่อเพื่อเกี่ยวดองเชื่อมความสัมพันธ์เพิ่มความมั่นคงของสองตระกูล
นอกจากนั้นแล้วกิจการน้อยใหญ่ของแคว้นที่มีการประลองระหว่างแคว้นเช่นนี้ต่างได้รับผลตอบรับที่มหาศาล มีกำไรเพิ่มขึ้นหลายเท่ายิ่ง ไม่ว่าจะเป็กิจการเหลาอาหารน้อยใหญ่ที่มีและไม่มีชื่อเสียงกิจการโรงเตี๊ยมที่ถูกจองจนเต็มไม่เพียงพอต่อความ้า กิจการร้านขายเสื้อผ้าที่ถูกสั่งตัดอย่างเร่งด่วน หรือแม้กระทั่งแผงร้านขายสินค้าต่าง ๆ ที่อยู่ในตลาดติดสนามประลองก็มีรายได้มากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน
ข่าวของรางวัลในการประลองนี้ได้แพร่ไปให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว จึงทำให้การประลองแคว้นครั้งนี้ได้ดึงดูดผู้ฝึกตนจากทุกแคว้นเข้ามาอย่างนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็ผู้ฝึกตนพเนจรตระกูลน้อยใหญ่ที่ขึ้นชื่อของแต่ละแคว้นรวมไปถึงสำนักศึกษาที่มีชื่อเสียงและ้าแสดงความเป็ที่หนึ่งของสำนักศึกษา ที่ต่างเตรียมส่งศิษย์ที่มีฝีมือดีที่สุดในสำนักของตนให้เข้าร่วมการประลองครั้งนี้ แม้ว่ารางวัลของแต่ละอันดับจะเป็สิ่งที่คุ้มค่าแก่การลงประลองครั้งนี้ก็จริง นอกจากนั้นหากคุณชายของตระกูลใดได้ลงประลองแสดงฝีมือรวมไปถึงศิษย์ของสำนักศึกษาใดที่ได้ลำดับต้น ๆ ของการประลอง ทางสำนักศึกษาที่ผู้เข้าประลองสังกัดอยู่ก็จะมีชื่อเสียงมากขึ้นได้รับการยอมรับและดึงดูดผู้ฝึกตนให้เข้าสังกัดในสำนักของตนเช่นกัน
บรรยากาศของตลาดเมืองหลวงยามเย็นนี้ช่างเป็สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจของหนิงอ้ายกับลู่ซีไม่น้อย ระหว่างทางที่รถม้าได้ผ่านมานับได้ว่าเป็สิ่งที่แตกต่างจากตลาดในแคว้นหงส์เเดงที่พวกเขาทั้งสองนั้นมักจะออกเดินเที่ยวเล่นเป็บางครั้งที่ผ่านมา
''ผู้คนมากมายออกมาจับจ่ายซื้อของ อาจด้วยเพราะพรุ่งนี้จะมีงานประลองของแคว้นแล้วจึงทำให้มีชาวยุทธภพแฝงตัวมาเดินตลาดไม่น้อยเช่นนี้...'' หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับสังเกตไปโดยรอบ
''งานประลองระหว่างแคว้นเป็การร่วมมือของแคว้นใหญ่ทั้งหมดสี่แคว้น ย่อมเป็งานที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วสารทิศเข้ามายังแคว้นที่รับเป็เ้าภาพในแต่ละครั้ง ท่านตากล่าวว่างานประลองระหว่างแคว้นครั้งนี้เป็การครบรอบการจัดประลองในรอบห้าร้อยปี ดังนั้นรางวัลปีนี้เห็นว่ามีความพิเศษจึงทำให้มีผู้คนมากกว่าปกติ...''
''หยุดรถม้า!!''
''ข้าขอจัดการตนเองสักครู่ขอรับ...'' หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับทำการร่ายบทเวทย์ปลอมเเปลงที่ได้ศึกษามาก่อนหน้านี้ ท่านตาบอกว่า บทเวทย์กายาพักตร์ทวีอนันต์ เป็บทเวทย์ปลอมเเปลงระดับเทวะของตระกูลหวังที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ยากนักที่จะสำเร็จวิชาดังกล่าวนี้ได้ แต่ถึงอย่างไรบทเวทย์นี้สามารถปลอมแปลงรูปลักษณ์ของผู้ใช้ให้เป็ไปตามใจนึก
เส้นผมสีขาวเงินยาวสลวยที่ถูกมัดรวบกลางหลังได้เปลี่ยนเป็สีดำปีกกาที่มีความเงางามดูนุ่มลื่น ดวงตาเรียวหงส์กลมโตที่เคยเป็สีฟ้าราวกับอัญมณีอันล้ำค่าได้แปรเปลี่ยนเป็สีน้ำตาลอ่อนประกายความซุกซน ใบหน้าที่ปกติจะดูงดงามราวกับนางเซียนด้วยเพราะหนิงอ้ายคล้ายคลึงกับมารดาของเขามากถึงแปดส่วน ได้แปรเปลี่ยนเป็ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาคมคายหากมองว่าเป็บุรุษก็งดงามดั่งหยกเนื้อดี สัดส่วนร่างกายตอนนี้ดูโตขึ้นเล็กน้อยแม้อาจไม่ได้สูงใหญ่ดั่งเช่นกับลู่ซีก็ตาม
หลังจากใช้บทเวทย์กายาพักตร์ทวีอนันต์เพื่อปลอมแปลงตัวตนเสร็จเเล้ว หนิงอ้ายจึงส่งสัญญาณให้แก่ลู่ซีว่าทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมจะเดินเที่ยวชมตลาดเเห่งนี้เเล้ว ในตอนเเรกลู่ซียอมรับว่าไม่ค่อยคุ้นชินกับรูปลักษณ์ของหนิงอ้ายในยามนี้เท่าไหร่นัก เเต่อย่างไรเเล้วหนิงอ้ายได้บอกว่าตัวเขานั้นย่อมที่จะไม่ใช้รูปลักษณ์ปลอมแปลงนี้ไปตลอด เพราะหลังจากที่ได้เข้าสถานศึกษาและมีระดับพลังิญญาที่สูงพอป้องกันตัวเองได้ย่อมกลับมาใช้รูปลักษณ์ที่เเท้จริงตามเดิม
หนิงอ้ายที่อยู่ในรูปลักษณ์เดิมในโลกเก่าเมื่อตอนอายุสิบห้าปีก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย อีกทั้งยังตื่นตาตื่นใจเป็อย่างมากที่ได้มาัับรรยากาศของตลาดในโลกจีนโบราณเช่นนี้ แม้ว่าสิ่งของที่นำขายจะมีความใกล้เคียงกันทว่าวัฒนธรรมของเเต่ละที่ต่างมีความโดดเด่นเป็เอกลักษณ์เฉพาะเป็อย่างมาก ดังนั้นเขาที่เป็คนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ อยู่เเล้วนับได้ว่าถูกใจเป็อย่างมาก
หนิงอ้ายกับลู่ซีต่างเดินเที่ยวชมตลาด สำรวจบรรดาเหล่าสินค้าที่มีการวางขายด้วยความเพลินเพลิน ท่านตาของพวกเขาได้ส่งผู้ติดตามมาคอยดูเเลจำนวนสองคนเท่านั้น ในคราเเรกหวังจิ่งหลง้าที่จะออกไปเที่ยวชมตลาดกับหลานทั้งสองของตนเสียด้วยซ้ำ เเต่ยังดีที่ลู่ซีได้เอ่ยห้ามก่อนเพราะกลัวว่าจะเป็การโดดเด่นจนเกินไป
เเต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทั้งสองต่างได้รับการจดจ้องและถูกให้ความสนใจจากบรรดาผู้ที่เดินเที่ยวชมตลาดรวมไปถึงเหล่าบรรดาพ่อค้าเเม่ค้า ด้วยความที่ทั้งสองคนหลังจากลงจากรถม้าของตระกูลหวังสายหลัก ทุกคนต่างรับรู้กันว่าประมุขตระกูลหวังสายหลักหวังจิ่งหลงมีบุตรีเพียงคนเดียวคือหวังเยว่ซินที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็หนึ่งในยอดพธูของแคว้น แต่เมื่อราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปีก่อนนางได้มีการตบแต่งให้กับตระกูลจางหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นหงส์แดง เื่ราวต่าง ๆ เหล่านี้นั้นผู้คนในแคว้นเต่าดำต่างรับรู้กันทั่วทั้งสิ้น
ดังนั้นยามที่เห็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีสองคนที่แต่งกายคล้ายกับคุณชายตระกูลใหญ่มาเดินเที่ยวชมตลาด อีกทั้งมีหลายคนเช่นกันที่เห็นว่าคุณชายทั้งสองได้ลงมาจากรถม้าของตระกูลหวังสายหลัก เมื่อเป็เช่นนั้นจึงได้เเต่คาดเดากันไปต่าง ๆ ว่าคุณชายทั้งสองคนมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหวังเช่นไรกัน
ลู่ซีเดินนำหนิงอ้ายตรงไปยังร้านขายอาวุธวิเศษดังกล่าวที่อยู่ใจกลางตลาดมหานครแคว้นเต่าดำ เมื่อใกล้ถึงจุดหมายเเล้วความรู้สึกเเรกที่ตนมองเห็นร้านดังกล่าวนี้ค่อนข้างเป็เอกลักษณ์ ด้านหน้าของร้านถูกประดับด้วยหินหยกแกะสลักเป็รูปร่างของอาวุธที่หลากหลายและมีขนาดที่แตกต่างกันออกไป เ้าของกิจการนี้ช่างมีความคิดลึกล้ำยิ่ง เพียงเเค่เห็นหินหยกแกะสลักที่มีการจัดวางตบแต่งหน้าร้านก็สามารถทำให้ผู้คนรับรู้ได้ว่าเป็ร้านขายอาวุธอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นทางเข้าของร้านมีชายสองคนร่างกายสูงใหญ่ยืนปักหลั่นอย่างมั่นคง ที่ข้างตัวของทั้งสองคนหนึ่งเป็มีดสั้นสลักสวยงามถนัดมือส่วนอีกคนเป็กระบี่ที่อยู่ในฝักสีดำที่มีการวาดลวดลายอย่างง่าย ๆ เเต่ดูเข้ากับตัวคนอย่างพอดี
หนิงอ้ายใช้เนตร์จึงได้รู้ผู้คุ้มกันทั้งสองคนนี้ต่างเป็ราชทินนามจักรพรรดิิญญาขั้นสูงทั้งคู่ สิ่งนี้ทำให้รู้สึกตื่นตะลึงไปไม่น้อยเพราะหากผู้ที่มีหน้าที่เฝ้าหน้าร้านยังมีระดับพลังที่สูงเช่นนี้ เเล้วผู้เป็เ้าของกิจการเล่าจะมีระดับพลังิญญาราชทินนามในเขตขั้นใดกัน เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในร้านดังกล่าวนี้เเล้วก็พบว่าหากดูจากภายนอกเข้ามาจะพบว่าร้านนี้มีขนาดที่ใกล้เคียงกับร้านอื่น ๆ ในเขตตลาดนี้ปกติ ทว่าคงมีการใช้บทเวทย์ขยายเขตพื้นที่ร้านด้วยเพราะด้านในแม้จะเป็เพียงเเค่ชั้นเดียวเเต่กลับมีการจัดสรรพื้นที่อย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย ทางซ้ายมือจะเป็อาวุธทั่วไปที่มีความหลายหลายสำหรับการใช้งานเช่นมีดสั้น มีดยาว ธนู กระบี่เนื้อดีซึ่งมีราคาเริ่มต้นไม่กี่ตำลึงเงินจนไปถึงราคาหลายเหรียญทอง
สำหรับด้านขวามือนั้นจะเป็อาวุธวิเศษต่าง ๆ ที่มีการทำขึ้นจากวัสดุที่หลายหลายเช่นผลึกธาตุระดับต่ำจนไปถึงระดับสูงมีความพิเศษที่แตกต่างกัน รวมไปถึงอาวุธวิเศษที่ทำขึ้นด้วยวัสดุหายากและถูกกำกับด้วยบทเวทย์ที่ทรงพลังจนสามารถััได้โดยที่หนิงอ้ายนั้นไม่จำเป็ต้องใช้เนตร์ตรวจสอบเสียด้วยซ้ำ ด้วยเพราะอาวุธวิเศษเเต่ละชิ้นนั้นได้มีการการแผ่พลังิญญาออกมาอ่อน ๆ แม้จะบางเบาเเค่ไหนเเต่ด้วยความที่ประสาทััการรับรู้ของหนิงอ้ายได้เพิ่มขึ้นไปตามระดับพลังิญญานั่นเอง
สำหรับอาวุธวิเศษนั้นจะทำขึ้นจากผลึกปราณธาตุต่าง ๆ อีกทั้งอาวุธวิเศษดังกล่าวนี้จะมีการลงกับบทเวทย์กำกับผูกขาดไว้เสมอในทุกชิ้น กล่าวคือหากอาวุธวิเศษชิ้นใดมีการผูกพันธะกับตัวเ้าของเเล้ว ผู้อื่นย่อมไม่สามารถใช้อาวุธวิเศษนั้นได้เหมือนกับว่าเพียงเเค่ถืออาวุธทั่วไปเพียงเท่านั้น ไม่อาจใช้พลังวิเศษของอาวุธเหล่านี้ได้ เชื่อกันว่าอาวุธวิเศษจะสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นในการผูกพันธะเช่นเดียวกับการมีอสูรรับใช้ ดังนั้นแม้ผู้ฝึกตนที่มีต้นกำเนิดเกิดจากตระกูลใหญ่ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งเหล่าบรรดาองค์ชายรวมไปถึงเชื้อสายของราชวงศ์จำนวนมาก ที่อาจมีอาวุธวิเศษที่อยู่ในการอยู่อย่างมากมายก็จริง เเต่น้อยนักที่จะทำการเลือกผูกพันธะในทันทีด้วยเพราะเกรงว่าในอนาคจะต้องเสียโอกาสในการอาวุธวิเศษชิ้นอื่นนั่นเอง
หลังจากได้ของที่้าเเล้ว หนิงอ้ายจึงเอ่ยชวนลู่ซีกลับจวนตระกูลหวัง ไว้โอกาสหน้าพวกตนค่อยมาเยี่ยมชมตลาดเเห่งนี้อีกครั้งเเล้วกันเนื่องจากว่าตอนนี้ใกล้ได้เวลาทานสำรับเย็นเเล้ว การให้บรรดาผู้ใหญ่ต้องรอนานคงไม่ค่อยสมควรเท่าใดนัก ทันทีที่ทั้งสองคนรวมไปถึงผู้ติดตามได้ขึ้นรถม้าที่มีตราประทับของตระกูลหวังสายหลักและมุ่งตรงไปยังจวนตระกูลหวังที่อยู่ไม่ไกลจากตลาดเมืองหลวงแห่งนี้ บรรดากลุ่มชาวบ้านพ่อค้าเเม่ค้าหรือชาวยุทธภพบางคนที่พอรู้เื่ราวความเป็มาของตระกูลหวังสายหลักต่างได้มีการจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างคึกคัก แม้เเต่ผู้คนที่มาเดินตลาดเเห่งนี้ยังสังเกตได้จึงอดใจไม่ไหวในการเข้าร่วมพูดคุย
กลุ่มคนดังกล่าวนี้ยังได้มีการคาดเดาไปแตกต่างกันออกไปมากมาย บ้างก็ว่าคุณชายทั้งสองคงเป็บุตรลับ ๆ ของประมุขตระกูลหวังกับสตรีอื่นเสียแล้วกระมัง บ้างก็ว่าเด็กหนุ่มทั้งสองคนนี้อาจเป็ญาติทางฝั่งของฮูหยินตระกูลหวังก็เป็ไปได้ ทว่ามีไม่น้อยเช่นกันที่ต่างคาดเดากันว่าทั้งสองคนอาจจะเป็บุตรชายของหวังเยว่ซินอดีตคุณหนูตระกูลหวังผู้นั้น เพราะหากเป็เช่นนี้เเล้วข่าวลือที่พวกตนเคยได้ยินมาว่านางได้หย่าขาดจากประมุขตระกูลจางคงเป็ความจริงซึ่งคงได้เเต่รอการเคลื่อนไหวของทางตระกูลหวังต่อไป
เพียงไม่กี่เค่อเด็กหนุ่มทั้งสองคนถึงจวนของตระกูลหวัง หลังจากทานสำรับเย็นเสร็จหนิงอ้ายได้กลับมาในเรือนพักผ่อนของตนโดยทันทีเพื่อทำการนั่งสมาธิดูดซับพลังปราณฟ้าดินรวมไปถึงผลึกปราณธาตุที่ท่านตาได้มอบให้พร้อมกับตำราเวทย์ระดับสูงใน่เช้าที่ผ่านมา เนื่องจากว่าตัวเขาเองได้ทำการปลุกพลังิญญาขึ้นมาได้เพียงไม่นานเท่านั้น อีกทั้งมีเวลาในการเพิ่มพลังยกระดับิญญารวมไปถึงการต่อสู้และบทเวทย์ต่าง ๆ ที่น้อยมากกว่าผู้ที่ทำการปลุกพลังิญญาสำเร็จตั้งเเต่เจ็ดขวบปี ดังนั้นเวลายามว่างที่เหลือก่อนที่จะถึงงานประลองของแคว้น เขาจะต้องใช้ให้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด...
บนระเบียงชั้นสองของโรงน้ำชา
''เ้ามองสิ่งใดอยู่รึ?'' บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาที่ใบหน้านั้นมักจะมีรอยยิ้มเล็กน้อยอยู่เสมอราวกับคุณชายเ้าสำราญของตระกูลใหญ่ที่มีการสวมใส่ชุดที่ดูเป็เฉพาะของตระกูลได้เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ เมื่อเห็นว่าสหายตรงหน้าได้เพ่งมองไปยังจุดหนึ่งโดยมีท่าทีที่เเสดงออกถึงความสนใจอย่างยิ่งที่ทำเอาเขานั้นอดที่จะเเปลกใจไม่น้อย
''มีอะไรก็รีบเอ่ยออกมา ข้ายังมีธุระที่ต้องจัดการอีกมาก...'' บุรุษที่ใส่หน้ากากพยัคฆ์สีดำเมื่อถอนสายตาออกมาแล้วจึงหันมาเอ่ยกับคู่สนทนาของตนในทันทีด้วยน้ำเสียงที่ฟังได้ชัดเจนว่าไม่้าให้ยุ่งเื่ของตน
''ข้าเป็สหายเ้านะ ก็ได้ๆ เมื่อพร้อมเเล้วค่อยเล่าให้ข้าฟังละกัน...'' หลังจากกล่าวจบบุรุษคนเดิมจึงเอ่ยสิ่งที่้าพูดในการนัดหมายครั้งนี้โดยที่ไม่รู้ว่าบุรุษที่ใส่หน้ากากพยัคฆ์สีดำนั้นหาได้ฟังที่เขาเอ่ยขึ้นไม่...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้