แน่นอนว่าเซียวเจวี๋ยไม่ได้ป่วย
เพียงแค่ถือโอกาสนี้ถอดิญญาออกจากร่าง และเดินทางกลับยมโลก หลังจากิญญากลับร่าง เขาก็จามหลายครั้งติดต่อกัน คาดว่าคงมีตัวปัญหาบางคนกำลังจะนินทาเขาลับหลัง
“่นี้ในวังหลวงเกิดเื่อะไรขึ้น?”
ฉู่สือประหลาดใจ ิญญาาาเพิ่งจะกลับเข้าร่างก็รู้ถึงความผิดปกติแล้วงั้นหรือ? เขาจึงรีบรายงานสถานการณ์ทีละอย่าง หลังจากได้ยินว่ามีฎีกาจากขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายคนขอให้จัดการกับชิงอี และขับไล่นางออกจากวัง เซียวเจวี๋ยก็ลุกขึ้นทันที
“ทำไมไม่รายงานเื่นี้ก่อน?!”
น้ำเสียงของเซียวเจวี๋ยโกรธเกรี้ยวเป็อย่างมาก ฉู่สือรีบก้มศีรษะลง “เป็กระหม่อมที่ประมาทเลินเล่อเอง าาโปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเจวี๋ยก้าวข้ามธรณีประตูไป แล้วก็หยุดกะทันหัน จากนั้นจึงพูดว่า “องค์รัชทายาทยังเด็กเกินไปที่จะรับมือกับเหตุการณ์เช่นนี้ ต่อไปหากมีเหตุการณ์เช่นนี้ก็อย่าคิดเองเออเองอีก”
“พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่สือมองแผ่นหลังด้วยความกังวล พร้อมกับสีหน้าที่ซับซ้อน าาทรงเป็ห่วงองค์รัชทายาทหรือหญิงสาวคนนั้นกันนะ?
...
ชิงอีเดินออกจากวังฝั่งตะวันออกพร้อมกับเ้าแมวอ้วน โม่วกว่างเองก็ถูกส่งกลับบ้านหลังจากที่ถูกโบย
ฉู่จื่ออวี้เรียกเหล่าราชองครักษ์ที่ไปกับโม่วกว่างมา เพื่อฟังเื่ราวที่เกิดขึ้นจากพวกเขาอีกครั้ง
สรุปว่าตอนที่อยู่ในตำหนักเชียนชิวโม่วกว่างโดนมาเตะครั้งหนึ่ง ฉู่จื่ออวี้ถึงกับกระตุกมุมปาก เขาก็ว่าอยู่ การเตะครั้งนั้นของเขาไม่ได้รุนแรงนัก เหตุใดโม่วกว่างถึงกระอักเืได้
อย่างไรก็ตามเ้าแมวอ้วนนั่น ดูไม่เหมือนสัตว์ธรรมดาเลยจริงๆ
“ส่งยาพวกนี้ไปยังจวนโม่ว กำชับให้โม่วกว่างรักษาอาการาเ็ให้หายดี แล้ว่นี้ถ้าไม่จำเป็ก็ไม่ต้องเข้าวัง”
เหล่าราชองครักษ์ต่างกล่าวขอบคุณแทนโม่วกว่าง จากนั้นจึงถอยกลับ หลังจากเดินออกจากฉากกั้นแล้ว หลายคนก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “พระองค์ยังทรงมีพระกรุณา ส่วนรองผู้บัญชาการเองก็โชคร้ายเช่นกัน...”
“โชคร้ายอะไรกัน ใครจะไปคิดว่าองค์หญิงจะให้ความสำคัญกับสัตว์ร้ายตัวนั้นขนาดนี้ อย่างไรก็เถอะ ตำหนักเชียนชิวผิดปกตินัก เมื่อเข้าไปกลับทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเย็นและไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าหัวหน้าองครักษ์ชิวอวี่เต็มใจอยู่สถานที่เช่นนั้นได้อย่างไรกัน...”
“พอพูดถึงเขา ข้าว่ามันน่าตลก เ้าไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดตอนที่ออกมาหรือ เขาสั่งให้รองผู้บัญชาการขอบคุณองค์หญิงที่ช่วยชีวิตเขาไว้ล่ะ?”
“หยุด” เสียงของฉู่จื่ออวี้ดังขึ้นจากด้านหลังทันที “เ้าพูดว่าอะไรนะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ บรรดาราชองครักษ์ก็คุกเข่า “องค์รัชทายาทโปรดให้อภัยกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมแค่พูดเื่ไร้สาระกันเท่านั้นเอง...”
“ข้าสั่งให้เ้าพูดสิ่งที่เ้าเพิ่งพูดไปอีกครั้ง” ฉู่สือพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “ชิวอวี่พูดอะไรกับโม่วกว่าง?”
ที่แท้ก็เป็ประโยคนี้นี่เอง...
หลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบกล่าวซ้ำอีกครั้ง
“กระหม่อมพูดอย่างที่เขาพูดทุกคำ ไม่ได้บิดพลิ้วเลยแม้แต่คำเดียวพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของฉู่จื่ออวี้เต็มไปด้วยความลังเล เขาโบกมือเพื่อให้พวกเขาออกไป
ในท้องพระโรงเหลือฉู่จื้ออวี้แต่เพียงผู้เดียว เขานั่งอยู่บนบัลลังก์และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้ว่าดีว่าฉู่ชิวอวี้เป็คนอย่างไร และรู้ว่าอีกฝ่ายไม่พูดเื่ไร้สาระอย่างแน่นอน
เ้าแมวอ้วนตัวนั้นทรงพลังมาก กระทั่งโม่วกว่างก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ทว่า จู่ๆ ก็กลับยอมให้จับโดยไม่ต้องต่อสู้ ส่วนชิงอีเองที่ตอนแรกดูอยู่ข้างๆ จู่ๆ ก็เข้าไปทำร้ายคน
ฉู่จื่ออวี้เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง แล้วะเิเสียงหัวเราะออกมา พลางยิ้มแล้วยิ้มอีก แล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก หากจริงๆ แล้วนางเตะโม่วกว่าง เพื่อช่วยชีวิต
แล้วการฆ่าพวกหวังฮู่ล่ะ?
เฮ้อ นับวันเขายิ่งไม่เข้าใจนางมากขึ้นเรื่อยๆ ...
เมื่อชิงอีกลับถึงตำหนักเชียนชิว นางก็ตรงเข้าภายในตำหนักพร้อมกับแมวอ้วนและปิดประตูลง
คนหนึ่งคนและแมวหนึ่งตัวจ้องมองกันอยู่ภายในตำหนัก
“ข้าผิดไปแล้ว!” เ้าแมวอ้วนคุกเข่าลงบนพื้นอย่างเรียบร้อย ทว่า ท้องที่อัดแน่นไปด้วยไขมันของมันขัดขวางการงอของขาทั้งสี่ของมัน ดูแล้วคล้ายกับก้อนขนกลมที่มีสี่กรงเล็บลอยอยู่ในอากาศ ช่างน่าขำสิ้นดี
ชิงอีมองดูด้วยสีหน้าเฉยเมย
เ้าแมวอ้วนเลิกคิ้ว และเอนตัวเข้าหาเท้าของนางราวกับลูกบอล
“ชิงอี~ ราชินีของกระหม่อม ท่านพญามัจจุราช~ กระหม่อมรู้ตัวว่ากระหม่อมผิดจริงๆ ช่วยตรัสอะไรหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เ้าแมวอ้วนเรียนรู้การประจบสอพลอของเ้าเด็กอ้วนเมื่อไม่กี่วันก่อน รวมถึงท่าทางอ้อนอันแสนน่ารักทุกรูปแบบ
“โอ๊ย”
มีเสียงร้องดังขึ้น
ชิงอีเหยียบท้องมันอย่างไร้ความปรานี
“ซือเฉิน ทำไมตอนนั้นข้าถึงไว้ชีวิตเ้า ทั้งยังให้เ้าอยู่ในตำแหน่งผู้พิพากษาข้างกายข้า เ้าลืมไปแล้วหรือไร?”
สีหน้าตลกๆ ของเ้าแมวอ้วนเปลี่ยนไปในทันใด พร้อมกับหลุบตาลง
ซือเฉิน คือชื่อของมัน
เขาอยู่กับชิงอีมาหลายพันปีแล้ว แต่ชิงอีเรียกเขาด้วยชื่อเพียงไม่กี่ครั้ง และจะใช้น้ำเสียงเช่นนี้ในการเรียกชื่อที่เขาไม่อยากจดจำ
มันแสดงให้เห็นถึงความผิดหวังของชิงอีที่มีต่อเขา
“กระหม่อมจำได้”
“จำไว้ให้ดีละ ว่ามีเืของกี่ชีวิตที่เปื้อนลงบนเสื้อคลุมสีแดงของเ้า ข้าเองก็คร้านจะเตือนเ้าแล้ว หลังจากผ่านมาหลายพันปีสุดท้ายสีก็จางลง ข้าคิดว่าเ้าสามารถควบคุมความกระหายเืของตนเองได้” ชิงอีมองดูเขาอย่างลึกซึ้ง “หากเกิดเื่แบบนี้ขึ้นอีก เ้าจะกลับไปที่อเวจีมหานรกอีกครั้ง”
เ้าแมวอ้วนถึงกับตัวสั่นเทา ในแววตาเต็มไปด้วยความกลัว มันยอมตายดีกว่า หากจะต้องหวนคืนสู่ที่แห่งนั้นอีก!
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เ้าแมวอ้วนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทว่า ยังไม่อาจคุมอาการสั่นไว้ได้
ก่อนที่มันจะทันหลุดออกจากการระลึกถึงอดีตอันน่ากลัวของตน เท้าของใครบางคนก็เตะมันออกไปไกล “รู้แล้วยังไม่ไสหัวไปเตรียมที่นอนให้ข้าอีกหรือไร!”
เ้าแมวอ้วนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับเสียงโอดโอย มองอีกฝ่ายอย่างเคืองๆ นางมารร้ายช่างร้ายกาจจริงๆ ถึงมันจะกลัวเพียงใด ทว่า ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เยี่ยมไปเลย นางมารร้ายผู้ที่ชอบทำเื่โหดร้ายกลับมาแล้ว!
นางมารร้ายแบบนี้ไม่น่ากลัวหรอก เวลาที่นางคุยเื่จริงจังกับมัน แบบนั้นสิถึงจะเรียกว่า...น่ากลัว!
นั่นเป็เพราะนางไม่ได้เป็แค่ชิงอี
ทว่า เป็ถึงพญามัจจุราชน้องสาว เ้าแห่งปรโลก
“เ้าสารเลวแส่หาเื่มาให้ข้าปวดกบาลยิ่งนัก กลางวันแสกๆ ก็ไม่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างสำราญ กลับไปสร้างเื่มาให้ข้าไม่สบอารมณ์เสียได้!”
เ้าแมวอ้วนฟังเสียงคำรามของนางมารร้าย แล้วอุ้งเท้าที่กำลังจัดเตียงก็สั่นอีกครั้ง
คำหยาบที่ผีเฒ่าของฉินกวงหวาง[1]สอนมาล้วนด่าออกมาหมดแล้ว โอ๊ะ ดูเหมือนว่าความโกรธครั้งนี้อย่างน้อยก็เจ็ดส่วนเลยละ
“ยังจะจัดเตียงอะไรอยู่อีก มานี่สิ!”
เ้าแมวอ้วนกลิ้งไปหาอีกครั้ง
“ราชินีชิงอี ท่านมีอะไรก็บัญชามาได้เลย!”
ชิงอีหนีบหลังคอของมันขึ้นมา และยิ้มเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า “อยากทำอะไรก็รีบทำ ใช้ชีวิตของเ้าให้คุ้ม ตอนนี้ไปรักษาผู้หญิงเ่าั้เดี๋ยวนี้!”
นางมารร้ายพูดจริงทำจริง ออกจากวังก็คือออกจากวัง
นางเรียกชิวอวี่มา และเปลี่ยนไปใส่ชุดองครักษ์ จากนั้นก็เดินวางมาดออกไป ส่วนเ้าแมวอ้วนก็หารูออกเอาเองเถอะ
ทันทีที่นางพ้นประตูวัง ก็มีรถม้าคันหนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า
ชิงอีเลิกคิ้วขึ้น เพราะรู้ว่าคนที่มาคือใคร
ผู้ชายคนนี้ไม่ป่วยอยู่หรอกหรือ?
“ขึ้นมา” เสียงของเซียวเจวี๋ยดังออกมาจากรถม้า
ชิงอีเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร นางขึ้นไปบนรถม้า
เซียวเจวี๋ยอดขมวดคิ้วไม่ได้ เมื่อเห็นนางแต่งตัวในชุดผู้ชาย พูดตามตรง รูปลักษณ์ของนางเช่นนี้ใครๆ ก็ดูออกว่าเป็ผู้หญิงแต่งตัวชุดผู้ชาย ทว่า เหตุผลที่นางสามารถเดินออกมาได้สบายๆ อาจเป็เพราะนางใช้เวทตามอำเภอใจเสียมากกว่า
ชิงอีรู้มานานแล้วว่าภาพลวงตาของตนเองไม่มีผลกับเซียวเจวี๋ย เมื่อเห็นเขาจ้องมองนงั้แ่หัวจรดเท้าด้วยสายตาครุ่นคิด ใจที่ทุกข์ระทมอยู่ก็เหมือนถูกเติมราดด้วยน้ำมันอีกครั้ง “มองอะไร ไม่เคยเห็น ‘ผู้ชาย’ ที่หน้าตาดีกว่าท่านหรือไร?”
เซียวเจวี๋ยกระตุกมุมปาก
อืม ยังต่อล้อต่อเถียงได้ ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้โกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้สินะ
“เ้าแต่งตัวแบบนี้ จะไปไหนงั้นหรือ?”
ชิงอีไม่ตอบ กลับเหลือบมองเขา แล้วถามว่า “เ้าที่กำลังจะตาย แต่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมานั่ง คิดจะทำอะไรอีกล่ะ?”
********************
[1] ฉินกวงหวาง เป็หนึ่งในสิบอ๋องแห่งขุมนรก ซึ่งฉินกวงหวางจะประจำอยู่ขุมนรกที่หนึ่ง
