เซี่ยจื่ออวี้สูดหายใจลึก
“ฉันไม่เชื่อเื่ไสยศาสตร์ ฉันแค่รู้ว่าหากพวกคุณอยากข้ามผ่านเคราะห์กรรมนี้ไปก็คงไม่ง่าย คุณชายตู้ ฉันนึกว่าคุณมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลถึงได้อยากร่วมงานกับคุณ แต่ตอนนี้ดูท่าคุณก็คงจะไม่เท่าไร”
ตู้เ้าฮุยกำลังรอฟังประโยคถัดไปของเซี่ยจื่ออวี้ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับปิดปากเงียบไม่กล่าวอะไรออกมาอีก
ตู้เ้าฮุยเกลียดพวกแกล้งพูดยั่วให้อยากรู้เป็ที่สุด คนเก่งจริงย่อมไม่ลีลาเยอะแบบนี้ คนคนหนึ่งมีค่าแค่ไหนก็ควรแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
“เชื่อผม ถ้าคุณใช้ไม้นี้กับผมอีกครั้ง ครั้งหน้าไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลอะไร ก็คงไม่ได้เจอหน้าผมอีกแล้วล่ะ”
เซี่ยจื่ออวี้สะอึก
ตู้เ้าฮุยไม่เหมือนคนที่เธอเคยทำความรู้จักมาก่อนเลยสักคน!
เขาทั้งไม่ให้เกียรติผู้หญิง หลอกล่อยาก เซี่ยจื่ออวี้สูดหายใจลึก ยิ่งเป็แบบนี้เธอก็ยิ่งไม่ควรยอมแพ้ แม้แต่เธอยังรู้สึกว่ารับมือยาก เช่นนั้นอนาคตของเซี่ยเสี่ยวหลานก็คงเต็มไปด้วยอุปสรรคอย่างแน่นอน
“คุณชายตู้ใจร้อนเกินไปแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกเื่หนึ่งก่อนก็แล้วกัน เดือนมีนาคมสหภาพโซเวียตจะมีการเปลี่ยนผู้นำ”
สายตาที่ตู้เ้าฮุยมองเซี่ยจื่ออวี้เหมือนกำลังมองคนโง่
ผู้นำของสหภาพโซเวียตไม่มีกำหนดการหมดวาระ ไม่มีระบบเกษียณ ผู้นำคนปัจจุบันเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว นี่เพิ่งผ่านมาแค่ปีเดียว ทั้งยังไม่มีสัญญาณบอกใบ้ว่าสหภาพโซเวียตจะเปลี่ยนผู้นำคนใหม่่เดือนมีนาคมเลยแม้แต่น้อย
นอกเสียจากจะเกิดการปฏิวัติหรือไม่ผู้นำคนปัจจุบันเสียชีวิต
นี่คือไพ่ตายของเซี่ยจื่ออวี้อย่างนั้นหรือ? ข้อมูลพวกนี้เธอได้มาจากไหนกัน นอกจากสหภาพโซเวียตแล้ว เธอรู้เื่ของประเทศจีนด้วยหรือเปล่า?
ตู้เ้าฮุยยังไม่ถึงกับตื่นเต้นจนเนื้อสั่น เขาเปิดฝาไฟแช็กจุดบุหรี่อย่างใจเย็นก่อนจะพ่นควันออกมาช้าๆ
“คุณเซี่ย สำหรับการคาดการณ์ของคุณ ผมจะตั้งตารอ”
—-----------------------------------------------
เสี่ยวหวังพาเซี่ยเสี่ยวหลานมาส่งถึงบ้านพักรับรอง พร้อมทั้งช่วยเปิดห้องให้เธอ และฝากฝังกับเ้าหน้าที่เป็อย่างดีว่าให้คุ้มครองความปลอดภัยของเซี่ยเสี่ยวหลาน หลังจัดการเื่เหล่านี้เสร็จเสี่ยวหวังถึงเดินทางกลับไปยังที่พักของตัวเอง
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งจะมีเวลาตั้งสติอย่างแท้จริง การกระทำเมื่อครู่ของตู้เ้าฮุยคือการหยั่งเชิงสินะ
เฮ้อ เธอตื่นเต้นไปเสียเปล่าจริงๆ อยู่ต่อหน้าเสี่ยวหวัง เงื่อนไขที่ตู้เ้าฮุยเสนอมาเธอไม่มีทางตอบตกลงอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าตู้เ้าฮุยอยากช่วยเธอกำจัดเซี่ยจื่ออวี้จริง เขาคงไม่เลือกพูดแบบนั้นกลางถนนใหญ่หรอก
เศรษฐีฮ่องกงเ้าเล่ห์จริงๆ รับมือยากเหลือเกิน
โชคดีที่ตอนนี้ตู้เ้าฮุยยังไม่ใช่คู่แข่งทางธุรกิจของเธอ แต่เป็เพราะเซี่ยต้าจวินทำให้เธอกับเขาถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกัน ส่วนเื่รถชนนั้นก็เป็แค่อุบัติเหตุเท่านั้น
หลังได้พูดคุยกับตู้เ้าฮุยหลายครั้งเข้า เซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้พยายามวิเคราะห์นิสัยของผู้ชายคนนี้ แม้ภายนอกเขาจะเหมือนไม่เกรงกลัวใคร แต่ความจริงแล้วเป็คนฉลาดหลักแหลมเหลือเกิน คนที่เขาสามารถหาเื่ได้ตู้เ้าฮุยจะเหยียบย่ำไม่ยั้ง เห็นชาวบ้านทั่วไปเป็แค่มดตัวจ้อย แต่กับคนที่ตู้เ้าฮุยมีเื่ด้วยไม่ได้ เขาก็จะเก็บเขี้ยวเล็บ เล่นละครตบตาว่าตัวเองเป็คุณชายมารยาทงาม
เหอะ ก่อนหน้านี้ยังทำตัวกร่าง แต่ตอนนี้กลับเป็ฝ่ายขอขมาคังเหว่ย คนประเภทนี้ไว้ใจไม่ได้ เขามีหรือที่จะจดจำบุญคุณของคนคุ้มกันคนหนึ่ง มีหรือที่จะเต็มใจตอบแทนเซี่ยต้าจวิน
มีอะไรต้องตอบแทนกันเล่า สำหรับตู้เ้าฮุยแล้วเขาจ่ายเงินจ้างคนมาคุ้มครองตัวเอง จ่ายเงินเพื่อใช้บริการเช่นนั้นก็ควรได้รับการบริการอย่างเต็มที่ไม่ใช่หรือ
เซี่ยจื่ออวี้อยากตีสนิทตู้เ้าฮุย แต่ถ้าให้ผลประโยชน์ที่ตู้เ้าฮุย้าไม่ได้แม้จะพยายามสักเท่าไรก็คงไม่สำเร็จ
เซี่ยเสี่ยวหลานค่อยๆ เรียบเรียงความคิดจนชัดเจน ก่อนจะหลับไปกลางดึก ไม่รู้ว่าตอนนี้เฉินซีเหลียงจะเป็อย่างไรบ้าง ถ้าเขาสามารถเจรจากับนักแสดงหรือพิธีกรที่จะขึ้นเวทีชุนหว่านให้สวมเสื้อผ้าของ Luna ได้ก็เท่ากับโชคหล่นทับ แต่ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่เป็ไร เพราะถึงอย่างไร Luna ก็เป็แบรนด์ใหม่ พวกเธอสามารถใช้เวลาอีกสักสองปีในการสั่งสมชื่อเสียงซึ่งนั่นก็ไม่นับว่าสายเกินไป
เซี่ยเสี่ยวหลานวางแผนการเอาไว้หลายเื่ แต่ก่อนนอนเธอรู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่าง
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิวหย่งนั่งเครื่องมาจากปักกิ่งมายังเผิงเฉิง สองลุงหลานนัดเจอกันที่ร้านวัสดุก่อสร้าง เวลานี้เซี่ยเสี่ยวหลานโยนเื่อื่นทิ้งไปก่อน
“ลุงคะ ลุงควรเช่าอาคารสักที่มาเปิดเป็สำนักงานนะ”
ตอนนี้กิจการของหย่วนฮุยไปได้สวย แต่หลิวหย่งกลับไม่มีสำนักงานเป็ที่เป็ทาง เวลาคุยงานกับลูกค้าถ้าไม่คุยกันที่บ้านพักรับรองก็ต้องมาคุยที่ร้านวัสดุก่อสร้าง อีกทั้งบ้านชั้นเดียวที่หลิวหย่งเช่าอาศัยอยู่ทั้งเก่าและผุพัง ไม่เหมาะแก่การต้อนรับใครทั้งสิ้น
“เสี่ยวหลานบอกว่าควรเช่า อย่างนั้นก็เช่าสักที่เถิด!”
หลิวหย่งซูบผอมเกินไปแล้ว ใบหน้าที่เคยอวบอิ่มเวลานี้กลับไม่มีไขมันเลยสักนิด เวลายิ้มเห็นตีนกาอย่างชัดเจน แต่ทุกริ้วรอยบนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข เพราะบริษัทตกแต่งภายในของหลิวหย่งเปิดมาแค่หนึ่งปีทว่าสามารถทำกำไรได้เป็กอบเป็กำ
แน่นอนว่ารายได้หลักมาจากงานตกแต่งบ้านพักรับรองเทศบาลเมืองที่ทำเงินได้แสนกว่าหยวน แต่หลิวหย่งกลับแบ่งกำไรครึ่งหนึ่งให้กับเซี่ยเสี่ยวหลาน และเขาเก็บเอาไว้เองแค่ไม่กี่หมื่นหยวนเท่านั้น
ถึงกระนั้น เงินก้อนนี้ก็สามารถนำมาทดแทนเงินในส่วนที่เอาไปซื้อเรือนสี่ประสานที่ปักกิ่ง รวมถึงสามารถนำมาลงขันร่วมกันเปิดร้านวัสดุก่อสร้างได้
หลิวหย่งคิดบัญชีเสร็จก็ยิ้มไม่หุบ หลังโครงการบ้านพักรับรอง แม้งานที่รับจะเป็เพียงงานยิบย่อยแต่ก็มีปริมาณมาก ทั้งยังได้หลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนคอยช่วยงาน การเก็บเงินค่างวดสุดท้ายจึงราบรื่นเป็อย่างดี ไหนจะมีสินเชื่อที่ผู้จัดการใหญ่อู่เสนอมาให้ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ นับได้ว่าธุรกิจของหลิวหย่งเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาไปถอนเงินสดที่ธนาคารมาล่วงหน้าเพื่อจ่ายค่าแรงให้กับคนงานทุกคน คนงานส่วนใหญ่ทำงานเกิน 25 วันต่อเดือน ค่าตอบแทนสำหรับคนทำอาชีพนี้ไม่ได้จ่ายแบบรายเดือน ทำมากแค่ไหนก็ได้เงินมากเท่านั้น ทว่าค่าตอบแทนที่เผิงเฉิงนั้นค่อนข้างสูง คนงานที่มีทักษะดีสามารถทำเงินได้ 18 หยวนต่อวัน นั่นก็หมายความว่าหากทำงานที่หย่วนฮุยตลอดหนึ่งเดือนโดยไม่มีวันหยุด สามารถได้ค่าแรงมากถึง 540 หยวน
ได้เงินมากกว่าการทำงานในโรงงานของนายทุนต่างชาติเสียอีก!
แน่นอนว่าหย่วนฮุยตอนนี้มีคนที่ได้รับค่าตอบแทนจำนวนนี้อยู่แค่ไม่กี่คน เพราะให้ทำงานตลอดทั้งเดือนก็คงเป็ไปไม่ได้ ดังนั้นรายได้เฉลี่ยแล้วจึงอยู่ที่ประมาณเดือนละ 300-400 หยวน ปกติสามารถเบิกค่าแรงล่วงหน้าได้ แต่เงินก้อนใหญ่ต้องรอจ่ายตอนปลายปีเท่านั้น หลิวหย่งไม่อยากเป็เถ้าแก่ใจดำ ทว่าคนงานนั้นมีอัตราการเปลี่ยนงานสูง ถ้าจ่ายเป็เงินรายวันแล้วเขาไม่อาจรับประกันในเื่ความคืบหน้าของงานได้ คนที่รับเงินแล้ววันต่อไปเบี้ยวงานก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย จึงจำเป็ต้องมีระบบระเบียบบ้าง
หากมีธุระอยากหยุดงานต้องบอกก่อนล่วงหน้าครึ่งเดือน เพื่อให้หย่วนฮุยสามารถหาคนมาแทนได้ทัน
ด้วยเหตุนี้การจ่ายค่าแรงปลายปีจึงดูน่าตื่นตาตื่นใจ อย่างเช่นคนงานที่ตามหลิวหย่งมาจากซางตู เขาได้ค่าแรงรวดเดียว 3000 กว่าหยวน หลิวหย่งเป็ผู้จ่ายเงิน ในขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานช่วยทำเครื่องหมายถูกลงบนสมุด คนงานทำงานกี่วัน ไม่ได้มีแต่หลิวหย่งที่คอยจดบันทึกเท่านั้น ตัวคนงานเองก็รู้ดีแก่ใจ โดยบัญชีพวกนี้เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนช่วยวางระบบเอาไว้ให้นั่นเอง
เงินค่าแรงที่มอบให้กับคนงานรวมทั้งหมด 6 หมื่นกว่าหยวน ในนี้รวมเงินอั่งเปาจำนวน 100 หยวนที่มอบให้กับทุกคนด้วย
ในส่วนของหลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนนั้นคิดแยกต่างหาก สองคนนี้เป็ผู้ช่วยของหลิวหย่ง ให้พวกเขาดูแลโครงการเล็กๆ ตามลำพังย่อมไม่มีปัญหา ถึงอย่างไรพวกเขาต่างก็ทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง หลิวหย่งจึงให้เงินเดือนประจำกับทั้งคู่ และอั่งเปาปลายปีของพวกเขาก็มากกว่าคนงานทั่วไป
“เสี่ยวหลาน ลุงอยากจ่ายหนี้ธนาคารก่อนหนึ่งแสนหยวน ลุงไม่สบายใจเลยเวลาติดหนี้ใครเช่นนี้ คนโบราณกล่าวไว้ว่า ติดหนี้แล้วใช้คืน หยิบยืมใหม่ได้สะดวก”
ความจริงเซี่ยเสี่ยวหลานอยากบอกว่าดอกเบี้ยธนาคารต่ำเสียขนาดนั้น สามารถใช้ได้เท่าไรก็ควรใช้ให้มากที่สุด แต่ลุงของเธอมีความคิดที่ต่างออกไป ติดหนี้ใครแล้วทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่คิดที่จะห้ามอีก
ถึงอย่างไรเซี่ยเสี่ยวหลานก็เป็คนทำบัญชีนี้ขึ้นมาเอง นอกจากค่าก่อสร้างที่ยังไม่ได้เก็บอีกจำนวนหนึ่งแล้ว ปีนี้ลุงของเธอทำกำไรได้ไม่น้อยเลยทีเดียว