ใครจะไปคาดคิดว่าเ้าเด็กซึน และดูเหมือนจะไม่กล้าทำอะไรในหลายๆ เื่มันจะกล้าลุกขึ้นมาล็อกคอของเขาแล้วกดปากลงมาแบบนี้ ร่างกายช็อกนิ่งเกร็งไปหมดเมื่อร่างกายของเด็กหนุ่มโถมทับมาเต็มๆ ริมฝีปากร้อนจูบสะเปะสะปะไปหมด
เหมือนจะเก่ง แต่ก็ไม่ใช่ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย!!!
"อื้อ บีม ทำบ้าอะไร"
เขาจะปล่อยให้ตัวเองเคลิ้มตามแบบนี้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วไม่ได้อยากทักห้ามเลยสักนิด เพราะความตื่นเต้นที่เขาเจออยู่นี่มันช่างแตกต่างกับประสบการณ์ที่ได้เจอมา บีมทำให้เขารู้สึกตื่นตัวได้ไม่ยากเลย อย่าว่าแต่ร่างกายที่ทรยศ ความจริงหัวใจเขาต่างหากที่มันสั่งร่างกายให้เป็แบบนี้
"อื้อ ปากพี่หวานจังครับ"
เ้าหมาเด็กมันยิ้มแฉ่งพอใจเมื่อถอนจูบออกอย่างแสนเสียดาย ลูบริมฝีปากอวบอิ่มของพี่ด้วยความอยากลองชิมรสจูบนั้นอีก สีหน้าทั้งคู่ที่แดงก่ำเพราะความเขินอายที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
"กล้ามากนะ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลย"
เขาพยายามผลักร่างสูงออก บีมยอมทำตามอย่างว่าง่ายดีดตัวขึ้นมองใบหน้าของคนพี่ด้วยแววตาที่เป็ประกายพอใจเป็อย่างมาก กว่าจะตัดสินใจทำแบบนี้ได้ก็ตัดสินใจอยู่นาน มาขนาดนี้แล้วหากตนเองไม่เริ่มสักที มีหวังพี่อัพได้หลุดมือไปแน่ๆ
"ยังมายืนยิ้มปากบานอีก"
เ้าของฟาร์มม้าถึงกับหัวร้อนเมื่อคนที่บดริมฝีปากลงมาเมื่อกี้นี้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังยืนล้วงกระเป๋าหน้าตาเฉย ยังมายืนเก๊กหน้าหล่ออีก
ไอ้เด็กบ้า!!! แสบจริงๆ
"ผมดูแล้วครับว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ อายหรือว่าเขินเนี่ย"
เขาไม่ตอบอะไรแต่เลือกที่จะเดินหนีเพราะความเขินอายจริงๆ นั่นแหละ หน้าอกข้างซ้ายที่มันเต้นแรงจนผิดปกติทำให้บีมถึงกับต้องยกมือมากุมเอาไว้ ไม่ใช่ไม่ตื่นเต้น แต่มันตื่นเต้นมากๆ ต่างหากที่ต้องทำใจกล้ามากๆ ที่จะจูบพี่เขา และมันก็หวานจริงๆ ด้วย
เด็กหนุ่มเดินตามเ้าของฟาร์มด้วยท่าทางที่เริงร่า เหมือนลูกเป็ดน้อยเดินตามแม่เป็ด ภาพซ้อนในวัยเด็กก็ผุดขึ้นมาในหัวของทั้งคู่
เด็กชายสองคนที่วัยต่างกันในตอนนั้น บีมชอบเดินตามหลังคนพี่ และเหยียบตามรอยเท้าเดิมของเขาอย่างสนุกสนาน หัวเราะเสียงใสกังวาน เหมือนกับว่าการที่ได้เดินเหยียบรอยเท้าของพี่มันเป็เื่ที่สนุกมากมาย
และตอนนี้ก็เช่นกัน บีมกำลังทำแบบนั้น เขาเอี่ยวตัวเล็กน้อยเพื่อมองดูว่าบีมนั้นกำลังเดินตามรอยเท้าเขาแน่ๆ และมันก็จริง รอยยิ้มบางๆ ที่ระบายเต็มใบหน้าอย่างอ่อนโยน มองการกระทำนั้นอย่างเอ็นดู บีมยังคงเป็น้องน้อยที่น่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน จะเปลี่ยนก็ตรงความแสบสันที่มันมากขึ้นเรื่อยๆ นี่แหละ
หัวใจที่เหมือนจะแห้งเฉา มันกลับมาเบ่งบานอีกครั้ง อัพยกนิ้วขึ้นมาแตะบนริมฝีปากของตนเองด้วยความพอใจ รอยจูบที่เหมือนจะไม่ได้เื่เมื่อกี้นี้มันกลับทำให้เขารู้สึกหัวใจพองฟูได้ไม่ยาก เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะว่าหัวใจของเขามันเป็ของเ้าเด็กที่ชื่อบีมมาตั้งนานแล้วนะสิ
"ฮึบ ฮึบ"
เสียงของบีมที่เปล่งออกมาทุกครั้งที่ตนเองกำลังก้าวะโตามเขา อัพถึงกับส่ายหัวอดขำไม่ได้ เวลาที่บีมอยู่กับคนอื่นเขาก็ว่าเ้าเด็กร่างั์นี่มันไม่ได้เด็กเลย ออกจะเป็ผู้ใหญ่เสียด้วยซ้ำ แต่พออยู่กับเขาบีมก็จะเหมือนเด็กชายตัวเล็กที่เดินตามเขาต้อยๆ ที่ไม่ได้ระวังอะไรมากมายนัก เหมือนกับการเดินแบบะโจ้ำเอาแบบนี้ ยังคิดได้ไม่เท่าไหร่นัก
"โอ๊ย!!!"
ว่าแล้วไงละไอ้เด็กจอมซน
"ก็รู้ว่าทางเดินมันชื้นแฉะมึงจะะโทำไม"
เสียงดุดันพูดขึ้น และเริ่มทำตาดุใส่เมื่อคนที่เดินตามหลังก้นกระแทกกับพื้นดินดังปั้ก!!! แต่ร่างกายของเขาที่ไปก่อนแล้วรีบดึงร่างสูงให้ลุกขึ้น กางเกงที่ใส่มาก็เลยเขรอะไปด้วยดินชื้นแฉะนั้นเรียบร้อย บีมยิ้มแหยๆ เพราะกลัวอีกคนดุเอา
"ยังเหมือนเดิมเปี๊ยบเลยนะ ตอนเด็กมึงก็ชอบะโแบบนี้ แล้วลงแบบนี้ ไม่เข็ดนะ"
"พี่จำได้ด้วยเหรอครับ ดีจังเลยที่พี่จำมันได้"
"กูไม่ได้ความจำเสื่อมขนาดนั้นป้ะ"
"แต่ตอนแรกๆ พี่ก็ทำเหมือนว่าจำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับผม"
บีมเริ่มตีหน้าเศร้าเมื่อคิดถึงเื่นี้ เพราะวันแรกที่เข้ามาในเตชะปัทมาสน์ เพราะต้องเข้ามาทำงาน ทั้งเฮียกิ้น พี่โอบ หรือบรรดาเฮียทุกคน เขาใจดีเอามากๆ ยินดีต้อนรับถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ดีว่าบีมมาในฐานะอะไรก็ตาม
แต่สำหรับพี่อัพ บอกเลยว่าโคตรตึง ทำหน้าดุใส่ตนเองอยู่ตลอดเวลา เหมือนไม่อยากต้อนรับ และไม่ได้ดีใจที่ตนเองเข้ามาที่นี่
"อย่าพูดมาก โน่น!! ไปหยิบคราดมาโกยหญ้าตรงนี้ออก"
เขาชี้ไปที่คราดวางไว้อย่างเป็ระเบียบนั้น เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย จับคราดโกยหญ้าอย่างทะมัดทะแมง มองไปที่กองหญ้าที่มันนอนทับถมกันอยู่
แขนเสื้อที่มันยาวและไม่ได้ติดกระดุมทำให้บีมจับคราดได้ไม่ค่อยถนัดนัก และเด็กเองก็เหมือนไม่ค่อยได้ใส่ใจมากว่ามันจะต้องสกปรก แต่คนที่ทนไม่ได้เห็นจะเป็เ้าของฟาร์มสุดเท่นั่นแหละ ทุกอย่างมันดูขัดหูขัดตาเขาไปหมด
"เดี๋ยวก่อน ยกแขนมานี่"
ยังไม่ทันที่บีมจะยกแขนให้ เขาก็คว้ามันไปก่อนซะแล้ว ก้มหน้าก้มตาพับแขนเสื้อให้อย่างตั้งใจ บีมยื่นหน้าเข้าไปหายิ้มด้วยความดีใจที่คนพี่นั้นเป็ห่วงเื่ความสะอาดให้ตนเอง
"กลัวเสื้อสกปรกเหรอครับ"
เขาที่รีบเงยหน้าจนลืมมองไปว่าเ้าเด็กตาใสมันยื่นหน้าเข้ามาหาแล้ว ปากก็เลยจูบเข้าเต็มๆ ผงะหน้าออกแทบไม่ทัน
"เฮ้ย!!! ไอ้บีม"
"555 อืม ได้จูบคนปากหวานอีกละ"
บีมหัวเราะเสียงใส มองหน้าของเขาที่แดงเรื่อขึ้นมาเพราะความเขินอาย
"ขอบคุณครับ"
"ไม่ต้องอะ ทำงานของมึงไปเลย"
เ้าของฟาร์มสุดเท่รีบแก้เขินเดินตรงไปคอกม้า กองหญ้าที่มันทับถม บีมจัดการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วรีบเดินตามเขาไป
ภาพที่อัพกำลังเล่นกับม้าตัวโปรดที่ชื่อเ้าเค่ออ้าย ที่แปลว่าน่ารัก ม้าตัวนี้ได้มาจากประเทศจีนและคนที่หาม้าตัวนี้มาให้ก็คือพ่อของบีมนั่นเอง และที่พิเศษสุดก็คือชื่อของม้า
"เค่ออ้ายน่ารักนะครับ พี่ว่ามั้ย"
"ใครถามมึง ทำงานไป"
"ก็ทำเสร็จแล้วไง แล้วคนที่ตั้งชื่อม้าตัวนี้พี่ว่าน่ารักมั้ยครับ"
เด็กมันยังตื๊อไม่เลิก มองหน้าคนที่พยายามทำหน้าดุอยู่ตลอดเวลา อัพมองหน้าเด็กหนุ่มนิ่ง เผลอใจมองนานไปหน่อย แล้วก็รีบสลัดหน้าออก
"หลงตัวเองนะมึงอะ"
ใช่แล้ว คนที่ตั้งชื่อม้าตัวนี้เป็เด็กหนุ่มเอง และตอนนั้นอัพเองก็เห็นด้วย เพราะม้าตัวน้อยนี้ช่างน่ารัก แถมยังดูทะเล้นเล็กๆ เหมือนกับเด็กบีม
"ขามันเป็ไรครับ ทำไมมันดูกะเผลกแบบนั้น"
มือที่รีบจับขาของม้าไม่ทันได้มองมันเลยกลายเป็กุมอยู่บนหลังมือของคนพี่ไปแล้ว บีมมองดูการกระทำนั้น เพราะในใจแค่คิดว่าหากพี่เขาทำท่าขยับมือออก ก็จะรีบดึงมือของตัวเองออกทันทีแต่นี่ไม่ใช่แบบนั้น อัพกลับทำหน้าเฉยๆ ให้บีมกุมมือตัวเองอยู่แบบนั้น
"วันก่อนพามันออกไปวิ่งเล่นที่ทุ่งใหญ่หลังฟาร์มมา มันล้มอะก็เลยเป็แบบนี้"
ใบหน้าของอัพที่รู้สึกเสียใจเพราะเลี้ยงมาตั้งนาน แต่วันนั้นเขาเองที่ไม่ค่อยระวังมากนัก เพราะบริเวณที่ขี่ม้าออกไปยังเกลี่ยพื้นที่ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ก็เลยเกิดอุบัติเหตุอย่างที่เห็น
"เ้าเค่ออ้ายคงเจ็บน่าดู อืม ไม่เป็ไรนะ"
อัพมองเด็กหนุ่มที่ลูบหัวของม้ามองมันด้วยความสงสาร สายตาเ้าของฟาร์มสุดเท่มองใบหน้าบีมด้วยความรู้สึกผิดที่พาม้าตัวโปรดออกไป มันไม่ใช่แค่ม้าของเขา แต่มันเป็ม้าตัวโปรดของบีมด้วย
"ขอโทษนะ" น้ำเสียงของคนพี่ที่เอ่ยขึ้น ทำให้บีมถึงกับหันมามอง
"ครับ?"
"ก็ที่พาเ้าเค่ออ้ายไป จนเป็แบบนี้"
"วันนั้นพี่เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ ไหนผมดูซิมีแผลเก่าค้างตามตัวพี่หรือเปล่า"
คำพูดของบีมทำให้เขาอึ้ง ไม่มีคำถามหรือคำตำหนิออกมาจากปากเด็กมันสักคำ แต่บีมกลับเป็ห่วงเขามากกว่า
"ไม่อะ ไม่เป็ไร"
แต่บีมยังคงจับแขนทั้งสองข้างของเขาไว้แน่นมองด้วยสายตาที่เป็ห่วง
"ผมห่วงม้าก็จริง แต่ผมห่วงพี่มากกว่านะครับ รู้ว่าพี่ชอบขี่ม้า แต่ก็ต้องระวังด้วย เหตุการณ์ก็เคยเกิดขึ้นแล้วนี่ พี่เคยตกจากหลังม้าจนสลบนอนโรงบาลไปหลายวันจำไม่ได้เหรอครับ"
มือหนาๆ ถูกคนที่อ่อนเยาว์กว่าเอาไปกุมไว้แน่น
จุ๊บ!!!
บีมจูบลงบนฝ่ามือเขาด้วยความอ่อนโยน ััที่เบามากๆ เด็กหนุ่มควักผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่ตนเองพกติดตัวอยู่ตลอดเวลาเอาออกมาเช็ดฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาที่มันเปื้อนไปด้วยเนื้อดิน รอยยิ้มบางๆ ที่ยิ้มออกมานั้น เขารับรู้ได้ด้วยใจว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่เสแสร้งอะไร การกระทำที่มันออกมาจากใจล้วนๆ ของเด็กหนุ่มทำให้เขาเผลอนั่งลงกับพื้นด้วยเหมือนกัน
"มือพี่กร้านมากนะครับ ่นี้ทำงานหนักไปหรือเปล่า ผมเป็ห่วงนะ ั้แ่พ่อพี่ไม่อยู่แล้ว พี่เอาแต่อยู่ที่ฟาร์มไม่ค่อยออกเที่ยวเหมือนแต่ก่อน"
นี่ก็เป็เื่ที่เขาเองก็อึ้งเหมือนกัน เด็กนี่ไม่ค่อยพูด และเขาที่คิดว่าเด็กมันไม่ได้คิดอะไรเลย แต่มันกลับรู้เื่ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา
มีแฟน คบใคร เที่ยวหนักแค่ไหน ไปไหนกับใคร ทุกอย่างบีมมันรู้หมด ที่แท้เ้าเด็กนี่มันไม่เคยปล่อยให้เขาหลุดรอดจากสายตาของมันเลย
เหมือนกันบีมเองก็คงไม่รู้ว่าเขาเองก็ไม่เคยปล่อยให้มันคลาดสายตาเขาไปได้ ปากบอกว่าไม่สนแต่ใจของเขานั้นกลับเป็ห่วงบีมอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะ่ที่เด็กน้อยไม่เหลือใครแล้ว
"เื่ของกูป้ะ"
"เื่ของผมด้วยครับ ทุกอย่างที่เป็พี่ มันคือเื่ของผม"
แววตาสื่อออกมาชัดเจนว่าคนตรงหน้ารู้สึกอะไร เด็กมันกำลังบอกว่าตัวมันเองนั้นไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว แล้วสายตาคู่นี้ก็ไม่เคยมองใครเลยนอกจากคนที่ทำหน้าดุคนนี้
"อื้อ แล้วแต่มึง"
เขารีบสะบัดมือออก ไม่อยากมองหน้าบีมตอนนี้ เพราะไม่อยากให้เด็กหนุ่มได้ใจ สิ่งที่เขาตั้งใจไว้ก็คือสอน และสร้างให้บีมนั้นแข็งแรงที่สุด แล้วสิ่งที่เขาอยากให้บีมทำร่วมกันก็คือการสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของพ่อบีมเอง เขาไม่รู้จะบอกเื่นี้ยังไงให้มันดูเป็เื่ที่น่าเศร้าได้น้อยที่สุด เพราะการตายของลุงชัย ส่วนหนึ่งก็มาจากพ่อของเขาเองที่บีบคั้นเพื่อนอย่างหนักเกี่ยวกับเื่ของเงินที่หายไป
"เรียนบัญชีมาใช่มั้ย?"
"ครับ พี่ก็รู้อยู่แล้วนี่"
"ไอ้นี่ กูแค่ถามให้แน่ใจป้ะวะ ตามกูมานี่"
บีมสั่นหัวด๊อกแด๊กยิ้มพอใจที่ทำให้คนพี่อารมณ์เสียออกมาได้ เพราะการที่เขามีอารมณ์ หรืออารมณ์อยากด่ามันดูดีกว่าที่เขาจะทำหน้าบูดหน้าบึ้งหรือนิ่งเฉยเป็ไหนๆ
อัพพาไปบ้านอีกหลังหนึ่ง บีมมองไปรอบๆ และก็สังเกตว่าของบางอย่างดูมันคุ้นเคยมากๆ เหมือนเคยเห็น
"ห้องทำงานเก่าของลุงชัยอะ เดี๋ยวมึงมานั่งทำงานที่นี่นะ แล้วช่วยดูบัญชีพวกนี้ให้หน่อย"
เด็กหนุ่มเปิดดูบัญชีการเงินที่เป็สมุดเล่มเก่าๆ ซึ่งมันก็น่าจะเก่ามากๆ เพราะกระดาษที่มันเริ่มดูเหลืองแล้ว หากดูให้ดีมันก็ดูเหมือนบัญชีรายรับรายจ่ายทั่วไปที่เขาทำกัน
"ก็เป็บัญชีรายรับรายจ่ายทั่วไปนี่ครับพี่อัพ"
"ทั้งหมดมีห้าเล่ม มึงต้องศึกษาดูรายละเอียดพวกนี้ให้ถี่ถ้วนที่สุด ดูว่ามันมีข้อผิดพลาดตรงไหน และมีข้อมูลตรงไหนบ้างที่บ่งบอกว่าบัญชีนี้น่าจะมีปัญหา"
"นี่มันเป็บัญชีของพ่อ?"
จากที่ตอนแรกใบหน้าที่สดใส และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้กลับบึ้งตึงและชักสีหน้าไม่พอใจเขาขึ้นมา เพราะคำว่าบัญชีผิดพลาดตรงไหนนั่นเอง
"พี่หมายความว่าไงครับ ที่ว่าบัญชีปัญหา"
"บีม กูก็แค่สงสัยป้ะ มึงจะมาชักสีหน้าไม่พอใจกูทำไมเนี่ย"
"ก็บัญชีนี้พ่อเป็คนทำ พี่สงสัยเื่อะไรกันแน่"
ปัง!!!
คราวนี้บีมวางบัญชีเล่มหนาลงบนโต๊ะดังปัง มือเท้าสะเอวมองหน้าเขาด้วยคำถามที่ปนเปื้อนเต็มใบหน้าไปหมด
"อย่ามาทำนิสัยแบบนี้ใส่กูนะบีม เอามือลงเดี๋ยวนี้ มึงจะมาเท้าสะเอวแล้วมองหน้ากูแบบนี้ทำไม"
เขาที่เริ่มขึ้นเสียงไม่พอใจ และทำหน้าตากลบเกลื่อนความรู้สึก กลัวว่าตัวเองนี่แหละจะเข้าไปโอ๋เด็กมัน เมื่อมองเห็นแล้วว่าตาของมันเริ่มแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้
"พี่...ไม่ไว้ใจพ่อผมเหรอ?"
"เออ!!! แล้วไง กูก็ให้มึงดูรายละเอียดให้ใหม่อยู่นี่ไงล่ะ" เขาที่โพล่งออกมาเสียงดังเพราะความโกรธและโมโหมากๆ
"กูจะบอกให้นะมันมีอยู่หลายเื่ที่มึงไม่รู้ และตอนนี้กูกำลังตามหาความจริงนั้นอยู่"
"..."
"บีม!!! จะไปไหน มานี่ก่อน"
ร่างสูงที่เดินกึ่งวิ่งออกไปแล้วเพราะความเสียใจที่มันนำลิ่ว ยังไม่ทันได้ฟังคำอธิบายอะไรทั้งนั้น เขาที่รีบวิ่งตามดักหน้ากระชากแขนให้หยุดแล้วจับใบหน้าคนน้องให้ฟัง
"ฟังกูก่อน"
"นี่ใช่มั้ยที่พี่บอกว่ามันไม่เหมือนเดิม ไม่เคยเหมือนเดิม และไม่มีวันที่จะเหมือนเดิม ถามจริงๆ การที่ผมต้องมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่แค่เื่เงินที่พ่อเขียนไว้ในจดหมายนั่นใช่มั้ย มันมีอะไรมากกว่านี้ที่ผมไม่รู้หรือเปล่า"
จู่ๆ น้ำตาแห่งความน้อยใจ และความอัดอั้นที่มันพุ่งออกมาจนล้นอกเกินกว่าที่จะกักเก็บไว้ก็พังลง
คำถามที่พรั่งพรูออกมาจากปาก กับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม นั่นยิ่งทำให้อัพใ นี่ไงสิ่งที่เขากลัว เพราะแบบนี้เขาถึงไม่กล้าที่จะแตะเื่นี้เลยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพราะเขาไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง เพราะในใจของเขามันก็เชื่อไปแล้วว่าลุงชัยยักยอก แต่อีกใจก็หวังว่ามันจะไม่ใช่
"พ่อผมทำอะไรไว้กันแน่ พี่ถึงให้ผมดูบัญชีย้อนหลังพวกนั้น"
"บีมคือว่า..."
เสียงที่สะอื้นหนักนั้นทำให้เขาเสียงเบาลง มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขพยายามที่จะกุมมือน้อยๆ ที่สั่นเทานั้นมาเกาะกุมไว้แน่น แต่ก็ไม่เป็ผลเมื่อเ้าเด็กดื้อมันกระชากแขนของมันกลับ สะบัดบ๊อบไม่ฟังอะไรทั้งนั้น
"บีม เดี๋ยวก่อน"
"พ่อผมเป็คนดี ผมเชื่อแบบนั้น แล้วพี่ล่ะ พี่เชื่อแบบไหน?"
เส้นเืปูดโปนเต็มหน้าผากกว้างเพราะความโกรธ และเสียใจ กำมือแน่นไม่อยากให้คนพี่ได้ัั ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน จนเขาต้องรีบจับใบหน้านั้นไว้ แม้ว่าเด็กมันจะพยายามขัดขืนแค่ไหน รีบเอานิ้วเกลี่ยริมฝีปากออกจากกันเมื่อเริ่มมองเห็นแล้วว่ามันเริ่มห้อเืจนแดงไปหมด
"อื้อ"
"อย่าดื้อ อย่ากัดปากตัวเองแบบนั้น ปล่อย!!! บีม"
เด็กหนุ่มยังคงเม้มปากเข้ากันไม่ยอมฟัง และไม่ทำตาม สีหน้ายังมองเขาด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความเสียใจ
"บีม!!! อย่าดื้อ มันห้อเืหมดแล้วเห็นมั้ย"
น้ำเสียงพูดด้วยความเป็ห่วง เขาพยายามดึงนิ้วมือที่กำเข้าหากันแน่นของเด็กหนุ่มออก อาการนิ่งเกร็ง ยิ่งทำให้เขาใ เด็กมันเคยโกรธมากๆ จนชักเกร็งต่อหน้าเขามาแล้วครั้งหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่เขากลัวมากๆ กลัวว่าอาการแบบนั้นจะกำเริบ และกลับมาเป็อีก บางทีเขาก็นึกอยากจะตบกบาลของตัวเองที่ไม่คิดให้รอบคอบมากกว่านี้
"บีม อย่าดื้อ"
คราวนี้เสียงที่อ่อนโยนกลับดุขึ้นมาอีกรอบ เมื่อเขาสังเกตเห็นอาการนิ่งนาน
"เด็กดีของพี่ หายโกรธนะครับ อย่าทำแบบนี้"
สองมือเปลี่ยนมาประคองใบหน้าคนน้องเอาไว้มองริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นนั้น ประทับริมฝีปากลงไปปลายลิ้นพยายามเกลี่ยไปทั่วริมฝีปากบนของบีมเพื่อไม่ให้ปากนั้นเม้มเข้าหากัน
"อื้อ!!! พี่"
คราวนี้เด็กหนุ่มถึงได้ยอมที่จะหยุดอาการเม้มปากนั้น รับจูบที่เขามอบให้อย่างอ่อนโยน ไม่มีอาการขัดขืนใดๆ ไม่มีการปฏิเสธความรู้สึกอะไรทั้งนั้น สองมือเลือกที่จะกอดกระชับวงแขนตอบกลับเหมือน้าความอบอุ่นนั้นเพื่อปกป้องความรู้สึกของตัวเองที่แตกสลายอยู่ตอนนี้
เขาเลือกที่จะถอนจูบนั้นอย่างเสียดาย มองใบหน้าคนที่กำลังโกรธเขาอยู่ตอนนี้ด้วยสายตาที่อ่อนโยน และเอ็นดู ในใจนึกโล่งอกที่ไม่มีอาการเกร็งชักนั้นเกิดขึ้น เพราะบีมโกรธมากๆ อาการกำเริบขึ้นมาเขาเองก็คงทำตัวไม่ถูกเหมือนกันว่าจะเริ่มต้นช่วยมันยังไง
เหตุการณ์ในอดีตตอนเด็กที่บีมเคยมีอาการ เขาที่อยู่ตรงนั้น ได้แต่ยืนตาเหลือกทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าต้องช่วยยังไงเพราะยังเด็กมาก ดีที่มีคนในบ้านมาเห็นเลยช่วยบีมไว้ทันไม่งั้นก็เขาคงไม่มีเด็กที่บีมไว้กอดแบบนี้ก็ได้
"ขอโทษครับพี่"
เสียงหงอยๆ นั้นเอ่ยขึ้น แล้วสวมกอดเขาไว้แน่น
"เราจะผ่านเื่นี้ไปด้วยกันนะเด็กดื้อของพี่"
