ตอนนี้จวินเหยียนเพิ่งจะค้นพบว่า ภรรยากำลังโกรธจริงๆ แล้ว เขารีบพูดขึ้น “เ้าตัวน้อย ข้าสาบาน ั้แ่ตอนที่นางเอื้อมมือไปแก้ผ้ารัดเอว ข้าก็ปิดตาแล้ว ไม่ได้เห็นของสกปรกอะไรทั้งนั้น อีกประการ ข้าทราบอยู่แล้วว่า เ้าแอบตามมา จึงนึกว่าเ้าอยากชมละครสนุกๆ ถึงได้อดทนสนทนากับนางนานเพียงนี้ มิเช่นนั้นข้าย่อมไม่มีทางพูดกับนางแม้ครึ่งประโยค”
แย่แล้ว แย่แล้ว เล่นกับไฟจนไฟลุกแล้ว
ตอนนี้ความคิดเพียงอย่างเดียวของจวินเหยียนก็คือ จะให้ภรรยาโกรธไม่ได้เด็ดขาด เขาต้องโอ๋นางไว้ก่อน
อวิ๋นซีไม่ได้ฟังคำพูดของจวินเหยียน นางโผนขึ้นไปบนเนินเขาที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะหยุดลงบนยอดเขาแห่งหนึ่ง จากนั้นจึงนำไข่มุกราตรีที่อยู่ข้างเอวออกมา เหม่อมองไปยังยอดเขาที่โดดเดี่ยวอ้างว้างขณะยืนปะทะสายลม ขณะนั้นจวินเหยียนเองก็ตามหลังมาติดๆ
เขาคิดอยากจะเข้าใกล้ แต่อวิ๋นซีกลับพูดขัดขึ้น “หยุดนะ อย่าเข้ามาใกล้ข้า”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินก็หยุดยืนอยู่บริเวณที่ห่างจากอวิ๋นซีไม่ถึงหนึ่งเมตร เขาสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นพูดเสียงเบา “อาซี ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าเคยบอกแล้วว่าจะมองเ้าแค่คนเดียวก็ย่อมหมายความเช่นนั้น ข้าไม่มีทางคืนคำแน่ แต่หากเ้าไม่เชื่อ เช่นนั้นสามีก็จะควักลูกตาของตัวเองออกมา เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน ดีหรือไม่? ” พูดจบ เขาก็คิดจะควักลูกตาตนเองออกมาจริงๆ ฉับพลันนั้นอวิ๋นซีหันกายไป และได้เห็นการกระทำของเขา นางไม่คิดอะไรให้มากมายก็รีบพุ่งกายเข้าไปกุมมือเขาไว้ พูดด้วยเสียงดุร้าย “ท่านบ้าไปแล้วหรือ หากท่านกลายเป็คนตาบอด แล้วข้ากับลูกจะทำอย่างไร”
จวินเหยียนเอื้อมมือออกไปโอบเอวนาง พูดด้วยน้ำเสียงเจือแววขอโทษอยู่สองสามส่วน “อาซี ขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าไม่เห็นอะไรจริงๆ เ้าอย่าได้ถือโทษโกรธข้าเลย ได้หรือไม่? ”
อวิ๋นซีแค่นเสียงเ็า “หากท่านบอกว่า ไม่เห็นก็คือไม่เห็นอย่างนั้นหรือ แต่เปิ่นเฟยเห็นแล้วนี่สิ หญิงคนนั้น ถึงแม้จะยังไม่ปักปิ่น แต่เรือนร่างของนางก็ไม่ธรรมดา เรียกได้ว่างดงามมาก อย่าว่าแต่ชายอกสามศอกเลย แม้แต่ตัวข้าที่เป็หญิง เมื่อได้เห็นแล้วก็ยังอดอิจฉาริษยาไม่ได้”
ตอนนี้หลินหลานซินอายุยังน้อย มิคาดว่าเรือนร่างที่แอบซ่อนอยู่ในอาภรณ์จะงดงามเพียงนั้น อีกทั้ง เมื่อก่อนอวิ๋นซีเองก็ไม่เคยคิดว่าของตนจะเล็กสักเท่าใด แต่วันนี้เมื่อได้เห็นของหลินหลานซิน หากให้เทียบกันก็เรียกได้ว่าของนางไม่อาจเทียบเคียงอีกฝ่ายได้เลย เพียงเห็นหลินหลานซิน นางก็นึกไปถึงรูปร่างเร่าร้อนของสาวๆ ในยุคปัจจุบัน หากคนอยู่ในยุคปัจจุบัน รับรองว่าต้องจัดเป็ผู้หญิงที่อยู่ในระดับใหญ่เบิ้มแน่
ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้อีกฝ่ายเพิ่งจะอายุเท่าไรกัน? คนสามารถเจริญเติบโตได้อีก
“เ้าจะไปริษยานางเพื่ออะไร? เรือนร่างนางจะเป็อย่างไรเกี่ยวอันใดกับเปิ่นหวางด้วย ทุกสิ่งล้วนเป็เื่ของชิวเสียงแล้ว ส่วนเปิ่นหวางชอบเพียงเ้า รูปร่างอรชรเช่นเ้าต่างหากที่เปิ่นหวางชอบ” จวินเหยียนยื่นหน้าเข้าใกล้ข้างหูนาง พูดเสียงเบา “เอาละ ภรรยา อย่าโกรธอีกเลย ข้าผิดไปแล้ว เ้าจะลงโทษข้าเช่นไร ข้ายอมทั้งหมด”
อวิ๋นซีหันมองชายหนุ่มของตน นางคิดถึงถ้อยคำที่หลินหลานซินพูดก่อนหน้านี้ ถามเสียงเบา “ตกลงว่า ท่านมีเื่ที่ปิดบังข้าอยู่มากมายเพียงใด”
เมื่อจวินเหยียนได้ยิน เป็นานถึงพูดขึ้น “ข้า...” เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ในใจสั่นไหวอย่างไม่อาจสงบนิ่งได้ “อันที่จริงสิ่งที่หลินหลานซินพูดล้วนถูกต้อง ข้าไม่ใช่โอรสของฮองเฮา”
อวิ๋นซีไม่แปลกใจเลยสักนิดกับคำตอบนี้ อันที่จริงเื่เหล่านี้ล้วนมีร่องรอยให้สืบหาได้ หากจวินเหยียนเป็ลูกชายแท้ๆ ของฮองเฮา ในอดีตสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นก็คงไม่อาจทนมองลูกชายแท้ๆ ของตนถูกขับไล่ไปยังสถานที่เช่นหานโจวกับตาตนได้หรอก
อีกประการ หากจวินเหยียนเป็ลูกชายแท้ๆ ของฮองเฮาจริง เช่นนั้นนางก็คงจะไม่มีท่าทีเ็าต่อพวกหวานหว่านสามพี่น้องแน่ เพราะแม้นางจะดูถูกชาติกำเนิดของอวิ๋นซี แต่อย่างไรหวานหว่าน ฉางรุ่ยและฉางฮว๋ายก็ยังนับเป็หลานชายของนาง
ตอนนี้ลองคิดๆ ดูแล้ว ความเ็าที่ฉายชัดนี้ก็คล้ายว่าจวินเหยียนจะไม่ใช่ลูกชายของฮองเฮาจริงๆ
“อาซี ไม่ใช่ว่าข้าตั้งใจจะปิดบังเ้า เพียงแต่ไม่อยากให้เ้าเป็กังวลแทนข้า อีกทั้ง เื่นี้ ตัวข้าเองก็ไม่รู้ว่า ควรจะพูดกับเ้าเช่นไร” เมื่อต้องหวนนึกถึงมารดาผู้ให้กำเนิดของตน เขาก็สั่นไปทั้งร่าง
อวิ๋นซีรู้สึกได้ว่าเขาไม่ปกติ จึงสวมกอดไว้อย่างแแ่ และเป็นานถึงได้พูดขึ้น “ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็มีข้าอยู่”
“หลายปีก่อนข้าสืบจนรู้แน่ชัดแล้วว่า ตนเองไม่ใช่ลูกของฮองเฮา ตามที่ข้าสืบมาได้ แท้จริงแล้วมารดาข้าเป็นางกำนัลข้างกายฮองเฮาที่ได้ร่วมหอห้องกับเสด็จพ่อครั้งหนึ่งก็เกิดตั้งครรภ์ หลังจากที่ฮองเฮาทราบเื่นี้เข้า คนก็สั่งขังมารดาข้า ตอนนั้นฮองเฮาเองก็ตั้งครรภ์อยู่ นางตั้งครรภ์ก่อนมารดาข้าได้หนึ่งเดือน สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ หลังจากที่ลูกของนางคลอดออกมาก็ตายจากไปอย่างรวดเร็ว...”
“ตอนนั้น หวงกุ้ยเฟยกำลังเป็ที่โปรดปราน ทั้งยังมีโอรสองค์โตให้เสด็จพ่ออีกด้วย ดังนั้น เพื่อที่ตำแหน่งของนางจะได้มั่นคงขึ้น จึงได้นึกไปถึงมารดาของข้าที่ถูกขังไว้ นางสั่งให้คนผ่าท้องมารดาข้า แล้วนำเด็กออกมา ตอนหลังศพของมารดาข้าก็ถูกทิ้งขว้าง ส่วนตัวข้าที่ถูกควักออกมาจากท้องมารดาอย่างเืเย็นก็ได้กลายมาเป็โอรสสายตรงของฮองเฮา”
พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของจวินเหยียนก็สั่นสะท้าน “อาซี อาซี อาซีของข้า เ้ารู้หรือไม่? ตอนที่ข้ารู้ว่าเ้าต้องผ่าคลอดเด็กออกมาเช่นกัน ตัวข้านี้หวาดกลัวเพียงใด ข้ากลัวว่าเ้าจะเป็เหมือนมารดาข้า ตอนนั้นข้าแค้นตัวเองยิ่งนัก เหตุใดจึงต้องให้เ้ามีลูกด้วย ข้ายอมให้เรามีหวานหว่านเป็ลูกสาวคนเดียวไปชั่วชีวิต เพราะข้าไม่อยากสูญเสียเ้าไป”
อวิ๋นซีไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเขาจะมีความเป็มาที่น่าเศร้าสลดเช่นนี้ เขาถูกควักออกมาจากท้องก่อนกำหนดจนเป็เหตุให้มารดาแท้ๆ ต้องตายจาก นี่ช่างเป็เื่ที่โหดร้ายนัก อีกทั้ง นางเองก็ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า ตอนนั้นที่นางตัดสินใจผ่าคลอดจะทำให้เขาเป็กังวลมากเพียงใด มิน่าเล่าเขาถึงได้เอาแต่พูดว่า ไม่ต้องตั้งครรภ์อีกแล้ว
นางกอดเขาแน่น ความไม่พอใจเมื่อครู่ถูกพัดพาให้ลอยไปตามสายลม นางซบศีรษะไปกับหน้าอกแข็งแกร่งของเขา พูดเสียงเบา “จวินเหยียน ท่านยังมีข้าอยู่ มีลูกๆ อยู่ บ้านของเราเองก็ยังอยู่ ส่วนคนที่ติดค้างเราเ่าั้จักต้องมีสักวันที่ได้ชดใช้ให้เราแน่”
ฮองเฮาหรือ? เ้าทำให้แม่สามีของข้าต้องตายอย่างอนาถ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีสักวันที่ข้าจะทวงคืนด้วยวิธีการเดียวกันนี้ ต้องมีสักวันที่ข้าจะทำให้เ้าตายไม่ดี
นางไม่เคยคิดว่าตนเป็คนดี เพราะตัวนางเองก็ไม่ต่างจากจวินเหยียนที่เพื่อคนข้างกายแล้ว ไม่เคยนึกเสียใจหากมือของตนจะต้องเปื้อนเื
สองสามีภรรยาไม่รู้ว่ากอดกันอยู่บนยอดเขานี้นานเท่าไรแล้ว จนกระทั่งมีเสียงของหมาป่าดังขึ้นจากที่ไม่ไกล พวกเขาถึงได้ดึงสติกลับมา อวิ๋นซีรีบพูดขึ้น “เื่ใหญ่แล้ว รีบหนีเอาชีวิตรอดเถอะ”
จวินเหยียนหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา “วางใจเถอะ มีสามีอยู่” พูดจบ เขาก็กอดนางแล้วพุ่งกายลงไปด้านล่างของยอดเขานั้น ในเวลาเดียวกันอวิ๋นซีก็ได้แต่กอดเขาไว้แน่น ในแววตายังคงปรากฏร่องรอยแย้มยิ้ม ไม่ว่ายามใดอ้อมกอดของชายคนนี้ก็ยังอบอุ่นเช่นเดิม...
ตอนที่อวิ๋นซีและจวินเหยียนกลับไปถึงเรือนพักชั่วคราวก็สิ้นยามโฉ่ว [1] แล้ว ชั่วขณะนั้นนางกำลังซบหลับอยู่ในอ้อมแขนของจวินเหยียนอย่างเหนื่อยอ่อน ส่วนเขาเองก็จดจ้องภรรยารักที่กำลังหลับใหล มุมปากโค้งขึ้น “อาซี อาซี มีเ้าช่างดีจริงๆ ”
เช้าวันต่อมา เมื่อตื่นขึ้น อวิ๋นซีก็ไม่เจอจวินเหยียนแล้ว และเป็ตอนที่เพ่ยเอ๋อร์เข้ามาช่วยนางแต่งตัวถึงได้แจ้งว่า จวินเหยียนเข้าป่าไปล่าสัตว์นานแล้ว ทั้งยังตั้งใจจะจับกระต่ายขาวกลับมาให้หวานหว่านด้วย
อวิ๋นซีได้ยินก็หัวเราะออกมาทันที “เ้าเด็กน้อยหวานหว่านจะเลี้ยงกระต่ายขาวตัวน้อยจริงหรือ? เปิ่นเฟยกังวลใจนัก กลัวว่านางจะใช้กระต่ายขาวตัวน้อยนั่นมาทดลองพิษ” ลูกสาวของตนมีนิสัยเช่นไร นางย่อมรู้ชัดแจ้ง คนชื่นชอบพิษมาก อีกทั้ง เมื่อวานตอนไปที่หลังเขา เด็กน้อยไม่พบพืชพรรณหรือสิ่งใดที่มีพิษเลยสักอย่างจึงได้ยังไม่พอใจอยู่
อวิ๋นซีไม่รู้จริงๆ ว่า เมื่อก่อนตนคลอดออกมาอย่างไรถึงได้ให้กำเนิดเ้าปีศาจตัวน้อยเช่นนี้ออกมา
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ยามโฉ่ว(丑时)คือเวลา 01.00 น. – 03.00 น.